ซุนเหยาสอนให้รู้จักเครื่องปรุงแต่ละอย่างแล้ว ก็ให้พวกเขาทำอาหารแบบเดิมออกมาอีกครั้ง
ดวงตาของซุนเหยาเปล่งประกายอย่างพอใจ เมื่อได้ชิมอาหารทั้งสามจาน
“พวกท่านลองชิมดู” นางเลื่อนจานไปตรงหน้าพวกเขา
“เป็นไปได้อย่างไร”
“อร่อยมาก”
ทั้งหกคนล้วนแต่แปลกใจ เพียงแค่ใส่เครื่องปรุงที่นายหญิงให้ ตามปริมาณที่นายหญิงบอก ไม่น่าเชื่อว่าอาหารอย่างเดียวกันรสชาติ จะต่างกันมากเพียงนี้
“นี่คือความลับของร้านเรา หากผู้ใดกล้านำเรื่องนี้ออกไปพูดด้านนอก ข้ารับรองว่าพวกเจ้าจะอยู่ไม่สู้ตาย” ดวงตาของซุนเหยามองไปที่ทุกคน
ทาสทั้งสิบห้าคนต่างคุกเข่าลงกับพื้น ไม่มีผู้ใดคิดจะทรยศนายหญิงของตน เพียงวันแรกที่ถูกซื้อตัวมา ทุกคนก็ได้มีอาหารที่ดีกิน มีเสื้อผ้า ผ้าห่มได้ใช้ แล้วซุนเหยานางยังรับปากเรื่องจะให้เงินเดือนทุกคนอีกด้วย
“ข้อน้อยสาบานขอรับ/เจ้าค่ะ”
“หากพวกเจ้าทำดี ข้าย่อมตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อ”
ซุนเหยายังทิ้งรายการอาหารให้พวกเขาคนละห้าอย่างเพื่อฝึกฝีมือ ก่อนที่ร้านจะเปิด หมูตุ๋นน้ำแดง ไก่แช่เหล้า เป็ดตุ๋นเกาลัด หรือแม้แต่พระกระโดดกำแพง พวกนี้จะเป็นรายการแนะนำของเหลาอาหารนาง
วิธีการทำทั้งหมด ซุนเหยานางเขียนจนละเอียด พร้อมทั้งยังให้พวกเขาสอบถามนางก่อนที่จะลงมือทำ เมื่อนางอธิบายเพียงเล็กน้อย คนที่เคยทำงานเหลาอาหารมานานย่อมเข้าใจได้ในทันที
“หลงจู๊หมาน ท่านสั่งทำป้ายร้านด้วยเจ้าค่ะ”
ซุนเหยานางตั้งชื่อเหลาอาหารว่า เหลาอาหารเหม่ยสือ (เลิศรส) วันเปิดร้านนางไม่ได้มา แต่จะส่งเสี่ยวกุ้ยมาจัดการทุกอย่างแทนนาง
เพราะกลัวว่าเรื่องจะไปถึงหูบิดามารดา แล้วจะถูกตำหนิได้ อย่างไรในตอนนี้นางก็ยังได้ชื่อว่าเป็นสะใภ้ของตระกูลซู จะวิ่งออกจากจวนทุกวันก็เห็นจะดูไม่งาม
วันนี้พ่อบ้านซูไม่ได้ติดตามมาด้วย ก่อนที่หลงจู๊หมานจะออกไปจัดการเรื่องป้ายร้าน ซุนเหยาจึงให้เขาหาจวนให้นางด้วยหนึ่งหลัง
“นายหญิงต้องการเรือนเช่นใดขอรับ”
“ข้าอยากได้จวนที่มีพื้นที่ หากได้แล้ว ท่านจัดการเรื่องสร้างห้องเก็บของขนาดใหญ่ให้ข้าสักสองห้อง”
หลงจู๊หมานรับคำแล้วรีบออกไปจัดการทันที ซุนเหยานางคิดว่าเมื่อหย่าขาดกับซูเซวียนแล้ว นางจะอยู่ที่จวนหลังที่นางซื้อไว้
ซุนเหยาเมื่อกลับถึงจวนตระกูลซู วันนี้นางลงมือเข้าครัวด้วยตนเอง ของสดที่นางซื้อมาจากตลาด ทั้งยังให้เสี่ยวกุ้ยพาสาวใช้ไปยกเครื่องปรุงที่เรือนของนางมาใช้ในครัวหลักด้วย
“ป้าหง วันนี้ข้าทำเองเจ้าค่ะ” ป้าหงแม่ครัวรีบหลบทางให้ซุนเหยา นางเพียงเป็นลูกมืออยู่ด้านข้างเท่านั้น
วันนี้ซุนเหยานางจะทำ ข้าวอบจักรพรรดิ กุ้งขาว กุนเชียง แฮม นางล้วนนำออกมาจากในโกดังของนางทั้งสิ้น
ส่วนแครอท เห็ดหอม แปะก๊วย ขิงฝาน รากผักชี กระเทียมสับ นางให้ทางป้าหงจัดเตรียมให้นาง
“นี่คืออันใดเจ้าคะ” ป้าหงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นเสี่ยวกุ้ย ให้สาวใช้ยกไหหลายใบเข้ามาในครัว
“สิ่งนี้คือเครื่องปรุงเจ้าค่ะ” ซุนเหยานางบอกถึงวิธีใช้เครื่องปรุงในแต่ละไห
ป้าหงที่เห็นน้ำตาลขาวแปลกตาก็อดที่จะลองชิมไม่ได้ ทั้งเกลือที่ละเอียดอย่างที่แม้แต่เกลืออย่างดีในตลาด ยังมิอาจสู้ของที่ฮูหยินนางนำเข้ามาไม่ได้
“เกลือไม่ขมเลยเจ้าค่ะ ทั้งยังขาวละเอียด น้ำตาลก็เช่นกัน ร้านที่ดีที่สุดในเมืองหลวงยังขาวไม่เท่าของฮูหยินเลยเจ้าค่ะ”
“หากหมดเมื่อใด ท่านก็ให้บ่าวไปแจ้งแก่ข้าสักคำก็พอ” ป้าหงก้มหัวขอบคุณซุนเหยาจนนางต้องโบกบอกให้เขาหยุด
ซุนเหยาเริ่มตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน ตั้งไฟจนร้อน แล้วนำกุนเชียงลงไปผัดจนเปลี่ยนสี ตามด้วยกระเทียมสับผัดจนหอม แล้วใส่แฮมลงไปผัดให้เข้ากัน จากนั้นก็เป็น แครอทและแปะก๊วย ความจริงต้องมีถั่วลันเตา แต่คงจะประหลาดเกินไปหากนางจะมีสิ่งนี้ โดยที่ทั่วทั้งแคว้นยังไม่มีผู้ใดปลูก
เมื่อทุกอย่างในกระทะผัดจนเข้ากันแล้ว ก็ใส่กุ้งขาวลงไปผัดให้พอสุก แล้วตามด้วยเห็ดหอม เมื่อเข้ากันดีก็ใส่ข้าวลงไป ผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยผงปรุงรส ซีอิ๊วขาว พริกไทย คลุกให้เข้ากันแล้วนำไปอบอีกครั้งก็เรียบร้อย
ส่วนน้ำแกงซุนเหยานางปล่อยให้ป้าหงเป็นผู้ทำ แต่ขั้นตอนการปรุงนางทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
“ท่านลองชิมดู หากคิดว่าขาดสิ่งใด ท่านก็ปรุงเพิ่มได้เลยเจ้าคะ”
“ไม่ต้องแล้วเจ้าค่ะ อร่อยยิ่งนักเจ้าค่ะ”
“พวกท่านก็แบ่งให้บ่าวในจวนได้กินด้วยเถิด ของมากมายข้ากับท่านแม่กินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
บ่าวที่ได้ยินต่างมองนางอย่างซาบซึ้ง ในตอนแรกพวกนางก็อดที่จะนินทาซุนเหยาลับหลังไม่ได้ เมื่อเป็นเจ้าสาวที่เจ้าบ่าวไม่ยอมเข้าหอด้วย
แต่ตอนนี้ทุกคนต่างพากันตำหนิคุณชายของตนที่ปล่อยให้สตรีที่ดีงามเช่นนี้ต้องชอกช้ำใจ
หากซุนเหยานางล่วงรู้ความคิดของทุกคน คงได้หัวเราะจนท้องแข็ง หากซูเซวียนเข้าห้องหอนางคงได้ร่ำไห้เสียใจเสียมากกว่า
ตัวตนเรื่องอย่างซูเซวียนกำลังนั่งใบหน้าเคร่งเครียดอยู่ในค่ายทหารชายแดนเหนือ เพราะจดหมายที่ส่งมาจากตระกูลจ้าว เรื่องให้เขาเดินทางกลับมาจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยเสีย
เพราะมารดาของเขาไม่ยอมให้ซุนเหยานางออกจากจวน หากเขายังไม่เดินทางกลับไปพูดคุยเรื่องนี้ให้รู้เรื่อง
“ท่านแม่ทัพ ข้าขอเข้าไปด้านในเจ้าค่ะ” หงอี้รองแม่ทัพร้องบอกอยู่ที่หน้ากระโจม
“เข้ามา”
ดวงตาของซูเซวียนเปล่งประกายวูบออกมา เมื่อเห็นใบหน้าของหงอี้
หงอี้ชะงักฝีเท้าที่เดินเข้าไปด้านในกระโจม เมื่อเห็นแววตาของซูเซวียน แผ่นหลังของนางก็เสียวแวบแปลกๆ
สายตาเช่นนี้ของท่านแม่ทัพ คงมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับนางอีกเป็นแน่
“เหตุใดท่านจึงมองข้าเช่นนี้เจ้าคะ”
ซูเซวียนยกยิ้มที่แฝงไปด้วยความหมาย เขาเคาะนิ้วลงที่โต๊ะ เพื่อให้นางเดินเข้ามานั่งตรงหน้า
หงอี้เดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย แต่นางก็อดที่จะระวังตัวไปด้วยไม่ได้
“อาอี้ ข้ามีเรื่องให้เจ้าช่วย”
“ระ เรื่องอันใดเจ้าคะ” เขาไม่เคยขอให้นางทำสิ่งง่ายๆ มาก่อน เช่นนั้นเรื่องที่กำลังต้องช่วยคงไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน