ตอนที่ 4
สัปดาห์ต่อมา
ค่ำคืนที่เงียบสงัด มีนาสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเปียกชื้นบริเวณหน้าท้อง เธอรีบคว้าไฟฉายข้างเตียงขึ้นมาส่องดู ก่อนจะพบว่าเสื้อคลุมท้องของเธอเปียกชุ่มไปด้วยของเหลวใส ๆ หญิงสาวรู้ทันทีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหมายถึงอะไร เธอรีบประคองร่างที่อุ้ยอ้ายของตัวเองเดินออกไปนอกห้อง เพื่อปลุกอัศวพจน์ที่นอนอยู่
“พจน์ ๆ ...นี่นาย ตื่นสิ!!” มือเรียวบางรีบเขย่าตัวของเขา อัศวพจน์สะดุ้งตื่นมองหน้าเธอ ก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความงัวเงีย แต่เมื่อเห็นสีหน้าของมีนาที่ซีดเผือดพร้อมกับร่างกายที่เปียกชื้นของเธอก็ทำให้เขาตกใจ ความง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง
“มีนา! เกิดอะไรขึ้น!!!”
“น้ำ...น้ำคร่ำแตก” มีนาบอกด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ใบหน้าของเธอซีดเผือด
“รอไม่ได้แล้ว ผมต้องรีบพาคุณไปโรงพยาบาล” อัศวพจน์รีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบอุ้มมีนาขึ้นแนบอกและพาเธอไปที่เรือนหลังใหญ่
“อดทนหน่อยนะมีนา ผมจะพาคุณไปหาหมอ” เขาอุ้มเธอฝ่าความมืดไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่เรือนหลังใหญ่ของพ่อเลี้ยง อัศวพจน์รีบเข้าไปขอความช่วยเหลือทันที พ่อเลี้ยงอินทัชที่กำลังนั่งทำงานอยู่ ก็ถึงกับตกใจ แต่เขาก็มีสติพอที่จะรีบหยิบกุญแจรถให้กับลูกเลี้ยง
อัศวพจน์ขับรถด้วยความเร็วสูงที่สุดเท่าที่ถนนจะเอื้ออำนวย มีนาจับแขนเขาไว้แน่นด้วยความเป็นกังวล ใบหน้าของเธอซีดเผือด อัศวพจน์หันมามองเธอเป็นระยะ ๆ เพื่อดูอาการ
“ไม่ต้องกลัวนะมีนา... ลูกของคุณจะต้องปลอดภัย” อัศวพจน์พูดปลอบโยน เขาเอื้อมมือมาบีบมือของเธออย่างให้กำลังใจ แต่ก็ยังอดกังวลไม่ได้
“ขอบคุณนะพจน์... ขอบคุณจริงๆ” หญิงสาวดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตาจ้องมองเขาอย่างซาบซึ้ง
“อีกนิดเดียวก็จะถึงโรงพยาบาลแล้ว คุณอดทนหน่อยนะ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
เมื่อรถเลี้ยวเข้าสู่ลานจอดรถฉุกเฉินของโรงพยาบาล อัศวพจน์ก็ไม่รอช้า เขาเปิดประตูรถแล้วรีบอุ้มมีนาวิ่งเข้าไปในตึกทันที ทุกอย่างต้องทำแข่งกับเวลา เพื่อให้เธอกับลูกในท้องปลอดภัยที่สุด
มีนาอยู่ในอ้อมแขนของอัศวพจน์ที่วิ่งเข้ามาในโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ ทันทีที่พยาบาลและเจ้าหน้าที่เวรเปลหน้าห้องฉุกเฉินเห็นชายหนุ่มอุ้มร่างหญิงสาวเข้ามา ทั้งหมดก็รีบเข้ามาให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว
“คนไข้เป็นอะไรคะ” พยาบาลสาวคนหนึ่งรีบเข้ามาถาม
“ภรรยาผม...ถุงน้ำคร่ำแตกครับ” อัศวพจน์ตอบเสียงสั่น
“อายุครรภ์ยังไม่ถึงสามสิบสัปดาห์เลย” พยาบาลพยักหน้าเข้าใจทันที เจ้าหน้าที่เวรเปลนำเตียงเคลื่อนที่มาอย่างเร่งรีบ อัศวพจน์วางมีนาลงบนเตียงอย่างเบามือ พยาบาลอีกคนก็รีบจัดการโทรศัพท์ตามสูติแพทย์ที่มีนาฝากท้องไว้ทันที
“พาคนไข้ไปที่ห้องคลอด!” พยาบาลสาวรีบบอกกับเจ้าหน้าที่เวรเปลทั้งสองคน
เมื่อส่งมีนาถึงมือหมอแล้ว อัศวพจน์ก็ยืนมองตามเตียงที่เข็นมีนาเข้าไปในห้องคลอดด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวัง เขาภาวนาขอให้มีนาและลูกปลอดภัย ทั้งหมดที่เขาทำได้ในตอนนี้คือยืนรออยู่ข้างนอกและส่งกำลังใจให้เธอ
ไม่นานนักพ่อเลี้ยงอินทัชที่เป็นห่วงลูกสะใภ้ก็รีบให้แสงหล้าขับรถตามมา ก่อนจะเห็นอัศวพจน์ลูกเลี้ยงของเขาที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องคลอดอย่างใจจดใจจ่อ ก็รีบเข้าไปหาทันที
“เมียแกเป็นยังไงบ้างวะ...ไอ้พจน์” พ่อเลี้ยงถามด้วยน้ำเสียงกังวล
“ถุงน้ำคร่ำแตก ไม่รู้เด็กจะรอดเปล่าครับ” อัศวพจน์รีบตอบ
“ใจเย็น ๆ เมียแกถึงมือหมอแล้ว” อินทัชตบไหล่ลูกเลี้ยงเบา ๆ
หัวใจของอัศวพจน์เต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง เขานั่งไม่ติดเก้าอี้ ได้แต่เดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องคลอด ทันทีที่ประตูเปิดออก ก็มีคุณหมอที่ดูแลมีนาเดินออกมา อัศวพจน์ก็รีบพุ่งเข้าไปหาทันที
“คุณหมอครับ เมียกับลูกผมปลอดภัยดีไหมครับ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล คุณหมอวัยกลางคนถอนหายใจอย่างแผ่วเบา และมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นใจ ก่อนจะรีบอธิบาย
“เด็กอายุครรภ์ไม่ครบ 30 สัปดาห์ ร่างกายเด็กอาจมีความผิดปกติซึ่งปอดสำคัญที่สุด ตอนนี้หมอได้ฉีดยากระตุ้นปอดเด็กให้แล้ว และต้องรอดูอาการอีกสักสองวัน และถ้าช่วงนี้มีการติดเชื้อ หมอจำเป็นจะต้องผ่าเอาเด็กออกเพื่อรักษาชีวิตคุณแม่ครับ” คำพูดของคุณหมอราวกับฟ้าผ่าลงกลางใจ อัศวพจน์รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุน เขาจ้องมองคุณหมอด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
“ไม่มีทางเลือกอื่นเลยเหรอครับหมอ” อัศวพจน์ถามเสียงแผ่วเบา
“วิธีที่หมอเสนอเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วครับ” คุณหมอตอบก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป
อัศวพจน์ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง พ่อเลี้ยงอินทัชรีบเข้ามาปลอบใจเขาอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย!!...ใจเย็นๆ ก่อน หมอเขาก็ต้องพูดเผื่อเอาไว้” อัศวพจน์เงยหน้าขึ้นมองพ่อเลี้ยงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้า อินทัชพลางนั่งลงข้าง ๆ ก่อนจะตบไหล่ของอัศวพจน์เบาๆ
“แกเชื่อใจหมอเถอะ มีนากับลูกจะต้องปลอดภัย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหนักแน่นเพื่อปลอบโยนลูกเลี้ยง