8.การกระทำร้ายมีเหตุผลซ่อนอยู่

1704 คำ
เหยาอันฟังคำก่นด่าของอีกฝ่ายแล้วก็เผยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยตอบอย่างเย็นชา “ข้าหรือคนใจร้าย ท่านคิดให้ดีก่อนเถิดคุณชาย” “ไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นใคร มีอย่างที่ไหน เด็กตัวแค่นี้ใช้ให้ทำงานสารพัด ข้าจะฟ้องทางการเอาเจ้าเข้าคุก” ท่านหมอหมายเพียงจะกล่าวข่มขู่ให้นางกลัว ภายหน้าเหยาอันจะได้ไม่กล้าใช้งานเด็กทั้งสองอีก ทว่าถอยคำที่ได้รับกลับมา กลับทำเขานิ่งงันไป “แล้วสหายท่านที่ทอดทิ้งเด็กสองคนนี้ไว้กับข้าเล่า ในสายตาท่านเขาเป็นคนใจร้ายเหมือนกับข้าหรือไม่ ท่านอย่าได้ลืมนะว่าข้ากับเด็กสองคนนี้ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ข้าไม่เอาพวกเขาไปปล่อยวัดตั้งแต่แรกก็บุญเท่าไหร่แล้ว หากข้าใจร้ายจริง! ท่านคิดว่าเด็กสองคนนี้จะรอดมาได้ถึงปีกระนั้นหรือ” หญิงสาวเผยยิ้มหยันใส่ชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอึ้งต่อหน้าตน และเขาก็ไม่ตอบอันใดเลย เพราะสิ่งที่นางกล่าวมันจริงอย่างว่า “ตอนที่ข้าป่วยหนักไร้สติ คนดีเช่นพวกท่านอยู่ที่ไหน ไยถึงปล่อยให้เด็กตาดำ ๆ สองคน อดอาหารอยู่เกือบสองวันไม่มีใครสนใจ กลับกันคนใจร้ายเช่นข้า พอฟื้นขึ้นมาจากความตายก็ต้องรีบหาอาหารให้พวกเขากิน และสอนให้พวกเขาเรียนรู้วิธีช่วยเหลือตนเอง” เหยาอันนิ่งไปเมื่อเห็นเด็ก ๆ ยืนมอง แต่สุดท้ายก็เอ่ยต่อ “เราไม่ใช่ลูกหลานคนมีเงิน เราคือเด็กกำพร้าที่ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ตระกูลมั่งมีเช่นพวกท่านเห็นเด็กทำงาน ก็หาว่าผู้ใหญ่ใจร้าย เช่นนั้นท่านจะให้พวกเขานั่งรอข้าทำทุกอย่างเพียงคนเดียวจนกระทั่งล้มป่วยไปอีกกระนั้นหรือ ข้าไม่ใช่แม่พระมิใช่พระโพธิสัตว์ ที่จะต้องทำเพื่อผู้อื่นจนต้องเสียสละชีวิตตนเอง ข้าไม่ได้ติดหนี้พวกเขาท่านเข้าใจหรือไม่ ข้าก็เป็นเพียงสตรีผอมแห้งแรงน้อย และยังเป็นกำพร้าตั้งแต่เด็ก ท่านคิดว่าคนเช่นนี้จะเลี้ยงดูเด็กถึงสองคนได้ดีแค่ไหนกัน หากท่านกังวลก็รับไปเลี้ยงดูเองเสียก็สิ้นเรื่อง” “ขะ… ข้า” ท่านหมอได้แต่อึกอัก “พี่เสิ่น งานแค่นี้เราทำได้ขอรับ และเราก็ไม่อยากไปอยู่กับคนอื่น เราจะอยู่กับพี่เหยาขอรับ” สิ้นคำจื่อเทาก็ก้มลงหอบเอาลำไผ่ขึ้นมากอดไว้ ตามด้วยน้องสาวที่ทำไม่ต่างกัน “ม่านเอ๋อร์ก็ทำงานได้เจ้าค่ะ” บอกเสียงใส จากนั้นทั้งคู่ก็ลากต้นไผ่ลงไปอีกรอบ ทั้งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อไคล ทว่าสองพี่น้องกลับไม่ยอมหยุดพัก เพราะงานแค่นี้ไม่ได้หนักหนาอะไร และที่ทำอยู่ก็เพื่อให้พวกตนใช้ชีวิตสบายขึ้น แม้พวกเขาจะยังเด็ก ทว่าสองพี่น้องกลับรู้ความนัก ท่านหมอจึงรีบผละออกจากสายตาที่กำลังก่นด่าเขาอยู่ “มาพี่ช่วยพวกเจ้านะ” เอ่ยพร้อมกับโน้มตัวลงมาหอบเอาต้นไผ่มากอดไว้แล้วเดินลงเขาไปโดยไม่กล่าวอันใดอีก มีเหยาอันยืนมองพร้อมกับหลับตาค้อนแผ่นหลังกว้างไปหนึ่งที “ไม่ตีไม่ด่าไม่ดีขึ้นเลยคนเรา” นางพึมพำก่อนจะเดินลัดเลาะต่อไป เพื่อหาต้นไผ่ที่มีรอยเจาะตัดเอาด้วงมาทำเหยื่อ ผ่านไปพักใหญ่นางก็เดินกลับมา หมายจะหอบเอาลำไผ่ลงไป ทว่ามันเหลือเพียงซากกิ่งเล็ก ๆ ที่ถูกตัดเท่านั้น นางจึงมองไปยังลานกว้างหน้าเรือนที่ห่างออกไปไม่ไกล “สำนึกผิดงั้นเหรอ” เอ่ยพร้อมกับก้าวเดิน สายตาก็ยังคงจับจ้องร่างสูงที่กำลังทุบตีต้นไผ่ คิดว่าเขาคงจะทำแคร่ให้เด็ก ๆ กระมัง ก็ดี มีคนช่วยย่อมดีกว่าทำทุกอย่างเองคนเดียว ตัวนางก็ใช่ว่าจะมีแรงมาก แค่ฮึดสู้เพื่อให้ตนสบายในวันหน้าก็เท่านั้น “พี่เหยา น้ำเจ้าค่ะ” ม่านอวี้ส่งน้ำเย็นที่แช่ในลำธารให้ ก่อนจะก้มลงมองถังที่ถูกวางลง “โอ้โห! ได้เหยื่อมามากเลย” “เหยื่อหรือ?” จินหยางพึมพำ ก่อนจะลุกมาก้มมอง แต่พอเห็นว่าเป็นอะไรเขาก็ถอยหลังทันที “ยี้! นี่มันหนอนมิใช่หรือ” ร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก พร้อมกับลูบเนื้อตัวตนพัลวัน เหยาอันจึงได้แต่ขบขันกับท่าทางของเขา แต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่ได้บอกว่ามันคือสิ่งใด เพราะจะให้พูดตามจริงด้วงไผ่มันก็ไม่ต่างจากหนอน หากคนไม่ชอบอะไรเช่นนี้ย่อมมองว่ามันน่ากลัวอยู่แล้ว “เจ้าใช้หนอนพวกนี้ล่อปลาจริงหรือ” ท่านหมอยังถามให้แน่ใจ เพราะเขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน “ไม่ใช่ แล้วคิดว่าข้าจับมากินหรือ” หญิงสาวย้อนคำ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในเรือน ปล่อยให้ผู้มาเยือนหงุดหงิดจนต้องกลับไประบายใส่ลำไผ่ที่เขาพึ่งทุบไปได้แค่ครึ่งเดียว ทว่าพอร่างผอมบางเดินออกมาเขาก็อดที่จะหยุดมือเพื่อมองนางไม่ได้ เพราะเหยาอันตั้งท่าจะไม่อยู่เรือนอีกแล้ว “เจ้าจะไปไหน” “หาปลา” หันมาตอบอย่างไม่ใยดี จากนั้นก็หันมาสนใจข้าวของที่ตระเตรียมเอาไว้สำหรับหาปลา ซึ่งนางทำมันทิ้งไว้ตั้งแต่กินข้าวเสร็จเมื่อคืน เพราะเหยาอันตั้งใจจะหาปลาเอาไว้ขายอีก “แล้วไผ่พวกนี้ล่ะ” ท่านหมอลุกขึ้นมองนางอย่างไม่เข้าใจ หญิงสาวจึงเผยยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยขึ้น “ข้าตั้งใจจะตัดมาไว้ก่อน ค่อย ๆ ทำไปทีละนิด แต่ถ้าคุณชายอยากช่วยทำให้มันเสร็จ ก็แล้วแต่ท่านนะเจ้าคะ” สิ้นคำนางก็หันมาหาเด็กน้อยทั้งสอง “พี่เหยาเราไปกันเลยนะขอรับ” จื่อเทาบอกอย่างตื่นเต้น เพราะพี่สาวทำเบ็ดให้พวกเขาได้ตกกันคนละอัน “เออ เช่นนั้นข้าไปด้วย” จินหยางรีบวางมีด แล้วเดินตามคนทั้งสามไปราวกับต้องมนต์ ซึ่งอันที่จริงแล้วเขาตั้งใจจะมาต่อว่าสตรีนางนี้ และข่มขู่ให้นางกลัวไม่กล้ารังแกน้องของสหาย ทว่าพอเขาได้ยินสิ่งที่นางพูดและได้เห็นถึงการทำงานในวันนี้ ความคิดที่มีมันก็เปลี่ยนไป และที่ตามนางมาก็เพราะอยากดูว่าสตรีที่ผู้คนบอกว่าเกียจคร้านผู้นี้ ยังจะมีเรื่องใดให้เขาได้ประหลาดใจอีก เมื่อมาถึงคลองน้ำ ณ จุดเดิม เหยาอันก็โยนตัวด้วงลงไปเหมือนเคย ทว่าวันนี้ดูเหมือนปลาได้แหวกว่ายรออยู่แล้ว จึงไม่ยากที่จะเห็นพวกมันแก่งแย่งอาหารกันจนน้ำสาดกระเซ็น “พี่เหยาดูนั่น” เด็กน้อยชี้นิ้วอย่างตื่นเต้น คนถูกเรียกจึงยกมุมปากก่อนจะใส่เหยื่อให้ทั้งคู่ สองพี่น้องจึงรีบเอาคันเบ็ดไปวาง ทว่าเพียงแค่หย่อนลงไปปลาก็กินเหยื่อ “ได้แล้ว!” คนที่ร้องไม่ใช่เด็กน้อย แต่เป็นท่านหมอ พร้อมกันนั้นเขาก็รีบมาช่วยจื่อเทาเอาเบ็ดขึ้น ทว่าเสียงจากข้างตัวก็ดังอีก “พี่เหยา!” ม่านอวี้พยายามดึงคันเบ็ดอย่างแผ่วเบาเหมือนพี่สาวสอน ทว่าปลานั้นตัวใหญ่นักนางจึงสู้แรงไม่ไหว “มา ๆ พี่เอง” ท่านหมอหันมาคว้าแล้วค่อย ๆ ลากมา “โอ้โห! ตัวใหญ่เชียว” เสียงเขาตื่นเต้นมาก เมื่อเอาปลาขึ้นฝั่งได้ก็ตาโตเท่าไข่ห่าน ถึงกระนั้นเขาก็ไม่กล้าปลดเบ็ด เพราะด้วงมันยังไม่ตาย เขาเลยได้แต่เอาปลาใส่ไว้ในถังรอหญิงสาวมาเอาออกเอง เหยาอันมองท่าทางชายหนุ่มแล้วก็ขำขัน ท่าทางเขาดูไม่ต่างจากสองพี่น้องเลยสักนิด “ตัวโตเท่าวัวแต่กลัวหนอนตัวนิดเดียว” “ยี้! เจ้าก็ดูมันสิ อึ๋ยยย” ทำท่าขนลุก ทว่าพอหญิงสาวปลดปลาแล้ว เขาก็มานั่งเฝ้าถัง มองปลาหลี่ตัวใหญ่ตรงหน้าอย่างชื่นชม แต่ก็นั่งได้ไม่นานเพราะจื่อเทาส่งเสียงเรียกขานเสียก่อน “พี่เสิ่น!” “ได้อีกแล้วหรือ” ท่านหมอรีบหันกลับมาหาเด็กน้อย ก่อนจะลุกไปช่วยเอาปลาขึ้นจากน้ำ แต่เขาก็ยังกลัวที่จะปลดเบ็ดอยู่ดี และชายหนุ่มก็วุ่นวายกับการหันซ้ายหันขวาตลอดทั้งบ่าย ซึ่งมันเลยเวลาอาหารมาสักพักแล้ว เหยาอันจึงเอ่ยขึ้น “จื่อเทา ไปหาฟืนมาก่อไฟเถิด ม่านอวี้อยู่กับเขาไปนะ” “ขอรับ / เจ้าค่ะ” ทั้งสองรับคำ “แล้วเจ้าจะไปไหนอีก” ท่านหมอรีบถาม “พี่เหยาจะไปเอาดินมาเผาปลาเจ้าค่ะ” ม่านอวี้ตอบแทน “เอาดินมาเผาปลาหรือ” เขารีบก้มหน้ามองเด็กน้อย เพราะจะถามคนโตนางก็เดินหนีไปแล้ว “ดินอะไร” ทว่าม่านอวี้กลับส่ายหัวไปมาก่อนจะยิ้มให้เขา เพราะนางก็รู้แค่นี้ เสิ่นจินหยางจึงได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ และหันมาดูปลาที่กำลังกินเบ็ดต่อ พอเอาขึ้นมาเขาก็นั่งดูเพราะยังไม่กล้าจับ ปล่อยให้ม่านอวี้จัดการแทน และเขาก็มองเด็กน้อยอย่างชื่นชม “เจ้าทำเป็นด้วยหรือ” “พี่เหยาสอนเจ้าค่ะ เราต้องหัดไว้ วันหน้าหากพี่เหยาป่วยอีก จะได้หาปลากินกันได้เจ้าค่ะ” เด็กหญิงบอกอย่างพาซื่อ ทว่าคนฟังนั้นนิ่งงันไปแล้ว… #ลูกสาวเราสอนน้องแบบฮาร์ดคอร์มาก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม