แด๊ดดี้สุดที่รัก
ตอน ข่าวร้าย
ฮือ! ๆ ๆ สาวน้อยนอนร้องไห้อยู่บนเตียงโดยไม่ยอมลุกลงไปทานข้าวมื้อเช้า
ด้วยเมื่อวานธาดาได้เรียกทนายส่วนตัวมาเขียนพินัยกรรมมอบทรัพย์สินทั้งหมดให้กับเนเน่ เธอจึงใจหาย
ด้วยความร้อนใจเมื่อคืนเธอจึงไปเค้นถามความจริงจากหนุ่มมหาเศรษฐีพ่อเลี้ยงของเธอ ทว่ากลับไม่ได้คำตอบกลับมา
เธอจึงไปถามป้ามะลิ ป้าแม่บ้านที่เลี้ยงเธอมาแต่แบเบาะ ความสัมพันธ์ของเธอกับป้าจึงไม่ต่างอะไรกับแม่ลูก เธอได้ความจริงว่าคุณพ่อเป็นโรคร้ายเกี่ยวกับไต และเขากำลังจะตายในไม่ช้า
หัวใจดวงน้อยแทบแหลกสลาย เด็กสาวร้องไห้ตั้งแต่เมื่อคืน ยามเธอตื่นได้ร้องไห้จนหมดแรงหลับไป ทว่าพอตื่นขึ้นมาก็ร้องอีก ซ้ำๆ จนเช้า
ใจนึงเนเน่รู้สึกแค้นธาดาที่ปกปิดเรื่องนี้กับเธอ เค้าไม่สนิทสนมและทำเหมือนเธอไม่ใช่ลูก และอีกใจนึงเธอรู้สึกโกรธตัวเองที่ไม่มีเวลาได้ตอบแทนพระคุณพ่อเลี้ยงคนนี้ ถึงจะไม่แท้แต่ก็เป็นผู้มีพระคุณคนเดียวของเธอ
ก๊อก! ๆ ๆ เสียงเคาะประตูดัง บานไม้แกะสลักสีทองสั่นไหว
"หนูไม่กินค่ะ ป้ามะลิกินก่อนเลย" สาวน้อยร้องตอบมาจากเตียงใหญ่หรูหราในห้องนอนอันกว้างใหญ่โอ่โถง
แกร๊ก! จู่ๆประตูห้องที่ล็อคไว้อย่างดีก็โดนกุญแจไขเปิดเข้ามา
ร่างสูงใหญ่ของธาดาค่อยๆเดินโซเซมานั่งบนขอบเตียง ข้างๆเอวเด็กสาวที่นอนคว่ำหน้าซุกหมอน
"จะมัวเสียใจทำไม นี่มีเวลาไม่มากแล้วทำไมไม่ใช้เวลาด้วยกัน" เสียงทุ้มต่ำชุ่มเย็นผิดกับคุณพ่อเมื่อก่อนที่มั่นใจเกินตัวและใจร้อนปากดี
เนเน่ได้ยินก็ตกใจด้วยรู้ว่าเขาปลงแล้วเพื่อเตรียมลาโลก
สาวน้อยเอียงหน้าเรียวสวยเพื่อปาดน้ำตาถูหมอน "ทำไมไม่รีบบอกหนู อย่างน้อยหนูจะได้รีบกลับมาดูแลคุณ"
"ก็มานี่แล้วไง ถ้าเรียนไม่จบจะดูแลธุรกิจของนี่ได้ยังไง" ธาดาเอ่ยพลางลูบหลังสาวน้อย เค้าไม่กล้าแทนตัวเองว่าพ่อได้เต็มปาก
"ไม่ดู หนูไม่ดูแลอะไรทัังนั้น ฮือ! ๆ " สาวน้อยร้องไห้ขึ้นมาอีกยก หนุ่มใหญ่จับตัวของเธอพลิกหงายแล้วก้มมองหน้าที่เลอะน้ำตา
"จำไว้ คนที่เป็นก็ต้องอยู่ต่อ เพื่อเป็นเกียรติให้คนที่จากไป" ธาดาเอ่ยพลางใช้หลังมือใหญ่ปาดน้ำตาบนแก้มแดงๆ ทีละข้าง
"คุณไม่เห็นจะตายซักหน่อย แน่จริงก็อยู่ช่วยกันดูแลสิ" เด็กสาวพูดทั้งน้ำตา ขณะนอนเงยมองใบหน้าคมขลังเบื้องบน
"เอาเป็นว่าลงไปกินข้าวก่อน เดี๋ยววันนี้มีอาจารย์มาสอนแล้ว" ธาดายิ้มแห้งๆตอบ เนเน่ยอมลุกแล้วกอดแขนใหญ่ๆไว้ด้วยมือสองข้าง เธอพยุงคุณพ่อลงจากบันใดด้วยความรู้สึกแปลกๆแต่ก็เต็มใจทำเพราะเหลือเวลาไม่มาก
ที่ชั้นล่างมีอาหารมากมายเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ส่วนมากจะเป็นปลาและผัก ซึ่งผิดแปลกจากแต่ก่อน
ป้ามะลิตักข้าวใส่จานและทักขึ้น "คุณธาดาคะ วันนี้จะมีพยาบาลมาสัมภาษณ์งานค่ะ"
อืม! คุณพ่อพยักหน้าอย่างไรัอารมณ์
"สัมภาษณ์ สัมภาษณ์ทำไมคะ" เด็กสาวถามป้าด้วยอาการร้อนรน หันมองสีหน้าคุณพ่อก็ไม่สู้จะดีเลย
"เอ่อ คือ เอ่อ" ป้ามะลิอ้ำอึ้ง
"ต่อไปนี้อาการจะค่อยๆแย่ลง ต้องหาคนมาดูเเลนี่น่ะ อาจช่วยตัวเองไม่ไหว เผลอๆลุกไปฉี่ไม่ได้ด้วยนะ หิ! ๆ" คุณพ่อบอกความจริงเพราะไม่มีเวลาเหลือให้ปิดบัง
อีกทั้งพยายามเปลี่ยนทุกอย่างให้เป็นเรื่องตลก แต่ฟังแล้วตลกร้ายเกินทน
สาวน้อยหลุดปากโพล่งออกมาด้วยความรู้สึกในใจ ทุกคนสะดุ้ง แม้กระทั่งตัวเธอเองก็เช่นกัน
"ไม่เอาค่ะ ต่อไปนี้หนูจะดูแลคุณเอง หนูไม่เคยได้ดูแลคุณเลยทั้งๆที่คุณส่งเสียเสี้ยงดูหนูมาตั้งขนาดนี้"
หิ! ๆ คุณพ่อฉีกยิ้มที่เป็นยิ้มจริงๆแบบเห็นฟันเขี้ยวแหลมๆ เขาดูพออกพอใจกับข้อเสนอ
"นะ นะคะ อย่าให้หนูรู้สึกผิดเพราะว่าไม่ได้ทำอะไรให้คุณเลย" เนเน่จับแขนกล้ามโตเขย่า แววตาและสีหน้าของเธออ้อนวอนสุดใจ
"ได้สิ" เสียงตอบกลับมาห้วนๆแต่ฟังแล้วรู้สึกชื่นใจ
เมื่อรู้ว่าจะได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับพ่อเลี้ยงสุดหล่อคนนี้ เหมือนกำแพงความห่างเหินที่ตั้งมาหลายสิบปีพังทลายลงในพริบตา
ฟู่วส์! ใบหน้าเรียวเล็กเอนแนบกล้ามแขนโตๆ ลมหายใจพวยพ่นออกทางจมูกจิ้มลิ้ม
อีกใจนึงเด็กสาวก็รู้ดีเช่นกันว่าตัวเองกำลังยอมรับการจากไปของเขา!