“เรื่องนี้มันพูดลำบากครับท่าน แต่คุณโรซี่กำลังเป็นไอคอนของความงาม ทุกคนต่างก็ชื่นชมในความสวยเซ็กซี่ของเธอ ผู้หญิงทุกคนต่างก็อยากเป็นเธอ ถ้ารู้ว่าเธอใช้ของอะไร ผู้หญิงทุกคนจะแห่ไปใช้ตามโดยไม่สนว่ามีคุณภาพดีหรือไม่ ขอแค่ให้ใช้ของแบบเดียวกับเธอ ได้สัมผัสกับความรู้สึกที่ว่าเป็นเหมือนเธอก็พอใจแล้ว เพราะพวกเธอเหล่านั้นอยากเซ็กซี่และสวยเหมือนกับโรซี่ โจนส์”
สายตาเรียวคมมองไปที่ยอดขายจากผู้บริโภคที่เป็นผู้หญิงก็พอจะเข้าใจได้ เขาไม่มีข้อโต้แย้งเรื่องความสวยเย้ายวนใจของโรซี่เลยแม้แต่น้อย แม้เขาจะรังเกียจและไม่ชอบ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหล่อนสวยเซ็กซี่บาดจิตบาดใจทุกคนที่พบเห็น ใครๆ ก็ฝันอยากจะเป็นเหมือนหล่อน
แต่ที่ไม่เข้าใจ และแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ก็คือ...
“แล้วยอดสั่งจองจากผู้บริโภคที่เป็นผู้ชายนี่ล่ะ ทำไมมันถึงได้เยอะนัก สินค้าส่วนใหญ่เป็นของผู้หญิงไม่ใช่เหรอ ผู้ชายไม่น่าจะสนใจ”
“ยอดตรงนี้ทำให้ทุกคนทึ่งกับความสามารถของคุณโรซี่มากครับ เพราะเธอไม่เพียงเป็นไอดอลของผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังมีเสน่ห์ดึงดูดใจผู้ชายอีกด้วย ผู้ชายส่วนใหญ่ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ไปก็เพื่อให้คนรักหรือภรรยา พวกเขาหลงใหลคลั่งไคล้ในตัวโรซี่ โจนส์ จึงคิดจะเปลี่ยนคนรักของตัวเอง เพื่อหวังให้กลายเป็นเธอแทนครับ”
“บ้า! สิ้นคิด!”
เขาสบถอย่างเหลืออด ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าช่างเป็นเรื่องที่งี่เง่าเหลือเกิน และเขาเบื่อที่จะได้ยินเรื่องรกสมองเกี่ยวกับแม่นางแบบสาวเซ็กซี่คนนี้เต็มทีแล้ว จึงถามสรุปเข้าประเด็นเร่งด่วนสำคัญ
“แล้วจะแก้ไขยังไง”
“ตอนนี้คุณโรซี่กลายเป็นข้อได้เปรียบที่แข็งแกร่งของทางเดอะ ควีน พวกเราเลยคิดว่าน่าจะชิงตัวเธอมาร่วมงานกับทางเราให้ได้ครับ”
”ให้ใช้นางแบบโนเนม?”
“ถึงเธอจะเป็นนางแบบหน้าใหม่ แต่ก็มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ภาพลักษณ์ก็ดูดีเหมาะสมกับแบรนด์ของเรามาก”
“นางแบบเซ็กซี่เกรดต่ำพรรค์นั้นน่ะเหรอที่เหมาะสมกับแบรนด์ของเรา นี่พวกคุณคิดจะให้ความน่าเชื่อถือที่สั่งสมมานานนับสิบปีของบริษัทรักษ์ชัวรี เอ็มไพร์ ต้องตกต่ำเพราะความคิดสิ้นของพวกคุณงั้นเหรอ”
“แต่ตอนนี้เรามีแค่วิธีนี้วิธีเดียวนะครับท่าน ที่จะสามารถต่อกรกับทางเดอะ ควีนได้อย่างสูสี”
“ไม่! ถ้าพวกคุณไม่มีปัญญาแก้ปัญหาด้วยวิธีที่ดีกว่านี้ละก็ เตรียมตัวเก็บของออกไปหางานใหม่ได้เลย ผมไม่เลี้ยงคนที่ไร้ประสิทธิภาพเอาไว้แน่!”
“แต่...”
“ไม่มีแต่! ผมต้องการแผนการกระตุ้นยอดภายในวันนี้ ไม่อย่างนั้นผมจะไล่พวกคุณทุกคนออกยกทีม”
ดรณ์แผดเสียงคำรามด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วลุกขึ้นเดินออกไปทันที ท่ามกลางความประหวั่นพรั่นพรึงของทุกคนที่นั่งอยู่ภายในห้องประชุม ซึ่งต่างก็มองหน้ากันเลิกลั่ก ไม่รู้ว่าควรจะแก้วิกฤติที่เกิดขึ้นนี้ได้อย่างไร ในเมื่อศัตรูมีอาวุธที่ทรงพลังนามโรซี่ โจนส์ ทำให้เป็นต่อมากกว่าพวกเขาหลายขุม
แต่ถ้าแก้ไขปัญหาหนักหนานี้ไม่ได้ ท่านประธานหนุ่มก็คงไม่เลี้ยงพวกเขาเอาไว้แน่ๆ เช่นกัน เพราะท่านประกาศกร้าวอย่างชัดเจนแล้ว
หลังจากท่านประธานเดินออกจากห้องประชุมไป ทั้งบริษัทรักษ์ชัวรี เอ็มไพร์ ก็ตกอยู่ในความระส่ำ พนักงานทุกคนและทุกตำแหน่งต่างก็วิ่งวุ่นหัวหมุน พยายามเร่งแก้ไขปัญหากันอย่างโกลาหล เพื่อให้ผู้บริหารสูงสุดได้รับความพึงพอใจ
ดรณ์กลับมาที่ห้องทำงาน ทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ท่านประธานอย่างอ่อนล้า เขายกมือบีบสันจมูกพลางขบคิดหาทางแก้วิกฤตที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไปให้ได้ เขารู้ว่าทุกคนเองก็กำลังพยายามช่วยเหลือบริษัทอย่างเต็มที่ ซึ่งอันที่จริงสิ่งที่พวกเขาเสนอในห้องประชุมนั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุด
แต่เป็นตัวเขาเองที่ทนไม่ได้ เขามีศักดิ์ศรีและเกียรติยศที่ต้องรักษา คนอย่างเขาไม่มีวันยอมก้มหัว ไม่มีทางกรราบกรานคลานเข่าเข้าไปวิงวอนขอความช่วยเหลือจากโรซี่เด็ดขาด!
ไม่มีวัน!
เขาไม่เชื่อว่าจะไม่มีวิธีเอาชนะยศกรได้ โดยที่ไม่ต้องยืมมือหล่อน
ประธานหนุ่มยกมือกุมขมับ ถอนหายใจหนักๆ ขณะเอนกายพิงพนักเก้าอี้ ยังคงครุ่นคิดหาวิธีดีๆ ไม่ได้ ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ภายในก็ดังขึ้น เขากดปุ่มรับสาย
“ท่านประธานคะ คุณยศกรจากเดอะ ควีน มาขอพบค่ะ”
เสียงจากเลขาหน้าห้องทำให้ดรณ์ขมวดคิ้วมุ่น
คู่แข่งของเขามาทำไม?
จู่ๆ ศัตรูก็มาหาถึงที่ ในสถานการณ์ที่บริษัทของเขากำลังตึงเครียดระส่ำระส่าย อะไรมันจะประจวบเหมาะเหมือนกับรู้ล่วงหน้าอย่างนั้นล่ะ...
“เชิญเขาเข้ามา”
ดรณ์กรอกเสียงลงไปตามสาย คนอย่างเขาไม่เคยกลัวใคร ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าบุกมาหาเขาถึงถิ่น เขาก็กล้าชนกับยศกรซึ่งๆ หน้าให้แหลกกันไปข้างหนึ่ง
อยากจะรู้นักว่า... หมอนั่นจะมาไม้ไหนอีก?