บทนำ

1266 คำ
บทนำ การจราจรหนาแน่นกับคืนวันส่งท้ายสิ้นปี คราคร่ำไปด้วยผู้คนที่ต่างพากัน เตรียมตัวที่จะออกไปสังสรรค์เฉลิมฉลองในคืนวันส่งท้ายของปี หญิงสาวร่างระหงในชุดเดรสสั้นสีแดงแขนกุดตามธีมของงาน สวมทับด้วยเสื้อคาร์ดิแกนสีขาว หอบหิ้วถุงใบใหญ่เต็มสองไม้สองมือ ล้วนแล้วแต่เป็นของขวัญที่เธอเตรียมสำหรับนำไปแจกให้กับบรรดาเพื่อนๆของชายหนุ่มคนที่เธอคบหามากกว่าสามปี แม้จะเหนื่อยและทุลักทุเลไปสักเล็กน้อย เพราะต้องเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะที่ต้องต่อรถมาขึ้นมารถไฟฟ้า แต่ใบหน้าสวยก็ยังแต้มรอยยิ้มมีความสุข ใจจริงแล้วก่อนหน้านี้เธอพยายามส่งข้อความและโทรหาชายคนรักเธอ เพื่อให้มารับแต่เขากลับบอกเธอว่าติดธุระสำคัญ ไม่สะดวกที่จะขับรถวนมาให้เธอเดินทางมาเอง แม้จะทุลักทุเลไปสักหน่อยแต่เธอก็มีความสุข “พี่ปราบคะ…เย็นนี้จะมารับวิฬาร์หรือเปล่าคะ" เอ่ยถามขณะที่เขากำลังถือกุญแจเตรียมเดินออกจากบ้าน ร่างสูงโปร่ง ดูดีในชุดไปรเวทหยุดชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดิน หันกลับมามอง ด้วยสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยสุ้มเสียงเต็มไปด้วยความเย็นชา ใบหน้าเรียบนิ่ง “วันนี้คงไม่สะดวก เธอนั่งรถไปเองแล้วกัน" “คะ?…งั้นก็ได้ค่ะ" ปารย์ณวิชมองหน้าเธออยู่ชั่วอึดใจก่อนจะเดินออกไปทันที สองเท้าก้าวลงจากบันไดรถไฟฟ้าทีละขั้นเพื่อไปยังสถานที่ที่นัดหมายไว้ อาคารสูงที่อยู่เยื้องออกไปเล็กน้อย ต้องเดินเท้าต่ออีกไม่กี่ร้อยเมตรก็จะถึงที่หมาย ร้านอาหารสุดหรูที่กลุ่มของอาจารย์ปารย์ณวิซ ได้จัดและจองสถานที่เตรียมสำหรับเคาต์ดาวน์ ชั่วจังหวะที่สองเท้ากำลังก้าวข้ามถนนเส้นเล็กที่เป็นทางสัญจรเข้าไปยังซอกซอย คับคั่งไปด้วยกลุ่มคนและจักรยานยนต์ที่วิ่งย้อนกันไปมาขวักไขว่ เสียงเบรกตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของกลุ่มคนละแวกนั้นที่ต่างเห็นเหตุการณ์ เมื่อจักรยานยนต์ ส่งอาหารกำลังขับฉวัดเฉวียนไปมาแต่จังหวะที่กำลังหลบเลี้ยวโดยไม่มองทางให้ดี พุ่งเข้าเฉี่ยวชนหญิงสาวที่กำลังเดินพ้นถนนขึ้นไปยังฟุตบาท เอี๊ยด!!!!โครม!!! “ตายแล้ว รถชนคน!” “เป็นอะไรหรือเปล่าแม่หนู” บรรดาแม่ค้าและผู้คนละแวกนั้นรีบเข้ามาดูหญิงสาวที่เสียหลักล้มลงกองกับพื้นพร้อมกับข้าวของที่หอบหิ้วมาเสียหากกระจัดกระจาย อิงค์วิฬาร์นิ่วหน้า เจ็บยอกไปทั่วทั้งตัว รวมไปถึงบาดแผลที่เกิดจากการล้มกระแทกเมื่อครู่ ทั้งหัวเข่า หน้าแข็งรวมไปถึงข้อศอก ข้างที่ทิ้งน้ำหนักตัวล้มไป ในขณะที่ไรเดอร์คู่กรณีกลับอาศัยช่วงจังหวะชุลมุนขับหนีหายไปทันที “ไม่ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ” สุ้มเสียงแผ่วเบา ขณะที่มีคนค่อยๆประคองเธอให้ลุกขึ้นยืน “มีแผลเยอะเหมือนกันนะเนี่ย หนูจะไปโรงพยาบาลหรือแจ้งความไหม” เธอก้มลงมองสำรวจตัวเองอย่างช่างใจเล็กน้อย กอปรกับเวลาที่ได้นัดหมายไว้กระชั้นเข้ามา “ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่ได้เป็นอะไรมาก” ตอบไปอย่างนั้น ทั้งๆที่เจ็บอยู่ไม่น้อยแต่ก็กัดฟันทน เพราะไม่อยากวุ่นวาย คิดเสียว่าฟาดเคราะห์ “แย่จริงๆเลยนะ ขับรถได้แย่มาก ไม่รู้จะรีบไปตายที่ไหน” เสียงก่นด่าดังเซ็งแซ่จากกลุ่มคนที่พากันวิจารณ์ บ้างก็เดินเข้ามาช่วยเธอรวบรวมเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายยื่นส่งคืนให้เธอ บางคนก็เข้ามาช่วยเธอพยุงให้ลุกขึ้นยืน “ขอบคุณนะคะ” “แน่ใจใช่ไหมคะ ที่จะไม่แจ้งความ” ริมฝีปากเม้มแน่นอย่างครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หมายจะโทรหาคนรัก ระหว่างคิ้วมุ่นหากัน เมื่อปลายสายกลับไม่กดรับสายเธอ มิหนำซ้ำยังกดตัดสายเธออีกด้วยซ้ำ เมื่อเธอโทรย้ำไปอีกสองสามครั้ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ อดน้อยใจเขาไม่ได้ ทำไมนะ เวลาที่เธอเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือ เขาถึงไม่รับสายเธอ... ความน้อยใจผสานกับความรู้สึกว้าเหว่ ตีรื้นเข้ามาในความรู้สึกอย่างรวดเร็วก่อนที่เธอจะรีบสลัดมันทิ้งไป ยกมือขึ้นปาดน้ำตาแบบลวกๆ แล้วหันมายิ้มให้กับบรรดาป้าๆน้าๆ พลเมืองดีที่คอยยืนช่วยเธออย่างห่วงใย “ไม่ล่ะค่ะ...ไม่ได้เป็นอะไรมาก ขอบคุณนะคะ” หันไปขอบคุณพวกเขาเหล่านั้นอีกหลายครั้ง ก่อนจะพยุงตัวเอง เดินมายังอาคารที่เป็นจุดหมายปลายทางของเธอ โดยมีคนใจดี มีน้ำใจคอยช่วยประคองกับถือข้าวของให้เธอบางส่วน เมื่อรู้ว่าเธอจะเดินไปยังตึกดังกล่าว แม้จะรู้สึกเจ็บยอก ปวดแสบบริเวณแผลที่ถลอก แต่เธอก็กัดฟันพาตัวเองมาจนถึงชั้นสิบห้า ร้านอาหารสุดหรู ที่ถูกจับจองไว้ล่วงหน้าร่วมปี หญิงสาวแวะเข้าห้องน้ำเพื่อสำรวจดูตัวเอง แต่งเติมเครื่องสำอางให้กลับมาสวยพร้อมที่จะเจอเพื่อนๆของเขา เธอไม่อยากให้เขาอายใคร ที่มีเธอเป็นคนรัก ก่อนจะวางข้าวของที่ตนเองหอบหิ้วมา ลงบนเคาน์เตอร์แล้วเดินเข้าไปยังห้องน้ำเพื่อทำกิจธุระส่วนตัว เป็นเวลาเดียวกันกับกลุ่มของใครบางคนที่พากันเดินเข้ามาในห้องน้ำพอดี “เมื่อกี้เห็นคนนั้นไหม” “คนไหนล่ะ มีตั้งหลายคน” “คนที่มากับปราบน่ะ” “แฟนอาจารย์ปราบน่ะเหรอ ที่น่ารักๆใช่ไหม” “บ้า! นั่นไม่ใช่แฟน” “อ้าว? แล้วเขาเป็นใครล่ะ เห็นเกาะแขนแจขนาดนั้น แถมยังมาด้วยกันอีกก็นึกว่าแฟน” “ไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียงละมั่ง ไม่รู้สิ เห็นว่าเป็นน้องสาวของหมอปกนะ เคยสนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆแหละ น่าจะเคยชอบกันมาบ้างละมั่งถึงได้ดูแลกันขนาดนี้” “หื้ม แกไม่รู้อะไร สองคนนั้นเคยคุยๆชอบๆกันมาก่อน แต่ว่าน้องเขาไปเรียนต่อเลยไม่ได้คุยกันมั่ง" “แล้วน้องคนนั้นล่ะ ที่ปราบเคยพามาไม่ใช่แฟนเหรอ” “คนไหน...อ๋อน้องคนนั้น ใช่คนที่ชื่อวิ...วิไรสักอย่างไหม” “น้องวิฬาร์” “เออ น้องวิฬาร์...น่าจะใช่มั่ง แต่ไม่เห็นปราบมันจะอะไรมากนะ คงแค่ควงๆคุยๆแหละ ไม่ได้จริงจังหรอก ฉันว่าน้องหมอปกเหมาะกว่าอีก” “เอาจริงๆนะ ฉันว่าปราบไม่จริงจังกับน้องคนนี้หรอก" “ทำไมแกคิดงั้นล่ะปลา" “ฉันว่าปราบยังไม่ลืมแฟนเก่านั่นมากกว่า" “หื้ม…หมออุ้มน่ะเหรอ" “ใช่ คบกันอยู่ตั้งนาน…แต่อยู่ๆก็เลิกกัน เห็นว่าเสียหลักไปพักเลยนะ แต่ก็มีน้องมาปกนี่ล่ะมาสนิทด้วยตอนหลัง ไม่รู้ว่าเลิกกันเพราะน้องคนนี้ด้วยหรือเปล่า" “พอๆ เลิกเม้าท์ได้ละ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว หมออุ้มเขาก็คงจะแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว เราอย่าไปเลย เดี๋ยวใครได้ยินแล้วจะไม่ดี” ใครคนหนึ่งเอ่ยขัดขึ้น พร้อมทำให้บทสนทนาดังกล่าวแปรเปลี่ยนไปด้วยเรื่องอื่นๆทั่วไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม