หญิงสาวที่ยืนนิ่งฟังกลุ่มคนเหล่านั้นด้วยความตั้งใจเมื่อครู่ถึงกับนิ่งงัน หัวใจสั่นหวิวอย่างบอกไม่ถูก พร้อมกับความคิดที่สับสน จับต้นชนปลายไม่ถูกว่าพวกเขาเหล่านั้นกำลังคุยถึงเรื่องอะไรกัน แต่ที่แน่ๆเรื่องเขาคุยกันเป็นเรื่องของเธอกับคนรักและใครอีกคนที่เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าหมายถึงใคร
น้องสาวหมอปกอย่างนั้นเหรอ?
หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ในใจ ก่อนจะระลึกได้ว่าน่าจะเป็นคนที่ก่อนหน้านี้เคยวีดีโอคอลหาแฟนหนุ่มของเธออยู่หลายครั้ง และทุกครั้งเขาก็มักจะลุกหนีออกไปคุยที่อื่นไม่ให้เธอได้ยิน หรือได้ฟังคำสนทนาของเขา
รวมไปถึงของขวัญปีใหม่ที่ก่อนหน้านี้ เขาได้ไปเลือกซื้อหาด้วยตัวเอง แล้วบอกกับเธอว่าน้องสาวของหมอปกปกรณ์ เพื่อนสนิทเขาชอบ และกำลังจะกลับไทยในอีกไม่ช้า
คิดถึงตรงนี้ริมฝีปากบางเม้มแน่น น้ำตาคลอด้วยความน้อยใจ
นี่เขาเลือกจะไปรับน้องสาวของเพื่อนสนิทคนนั้น แทนการไปรับเธอที่ต้องหอบหิ้วข้าวของตั้งมากมาย เพื่อนำมาเป็นของขวัญปีใหม่แจกให้เพื่อนของเขา
มิหนำซ้ำเขายังไม่กดรับสายเธอเมื่อครู่ เพราะอยู่กับใครคนนั้นนี่เอง
อิงค์วิฬาร์รอจนแน่ใจว่าคนเหล่านั้นเดินออกไปจากห้องน้ำกันหมดแล้วเธอถึงเปิดประตูออกมา ด้วยสีหน้าเคร่งสีหน้าเต็มไปร่องรอยแห่งความเสียใจ หยดน้ำตาไหลอาบแก้มนวลที่เพิ่งแต่งเติมเครื่องสำอางไปก่อนหน้า เลอะเปรอะเปื้อจนเป็นคราบ ปวดหนึบที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก
หล่อนมองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ แววตาคู่สวยที่เคยเปล่งประกายหม่นหมองลง พร้อมกับก้มลงมองสำรวจตัวเองเมื่อคิดถึงคำพูดเหล่านั้นของคนที่ไม่ทันจะได้เห็นหน้าด้วยซ้ำว่าเป็นใคร
นี่เราดูไม่คู่ควรกับอาจารย์ปราบขนาดนั้นเลยเหรอ
หญิงสาวตัดพ้อกับตัวเองในใจ ขณะมองดูสภาพของตนเองในเวลานี้ ดูมอมแมมจากเดิมไม่มากก็น้อย เธอจึงหยิบเครื่องสำอางที่เติมไปแล้วก่อนหน้ามาแต่งเพิ่ม เสริมความมั่นใจ จัดเสื้อผ้าให้ดูเข้าที่เข้าทางสวยงามเหมือนเดิม แม้จะมีร่องรอยเปรอะเปื้อนอยู่บ้างเล็กน้อย กับรอยแผลที่เธอได้รับจากอุบัติเหตุเมื่อครู่ สูดลมหายใจเข้าเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ฉีกยิ้มหวานให้กับเงาในกระจก ก่อนจะหอบหิ้วของทั้งหมดเดินเข้าไปยังห้องอาหารที่ได้จับจองไว้
เสียงหัวเราะดังครืนใหญ่กับเสียงพูดคุยดังเซ็งแซ่เล็ดลอดให้ได้ยิน หญิงสาวหยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยเหล่านั้น
ความสับสนลังเล คล้ายไม่มั่นใจในตัวเอง ทำให้เธอรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
หล่อนสูดลมหายใจเข้าลึกๆเรียกความมั่นใจ ก่อนก้มมองดูสำรวจตัวเองอีกครั้ง
เสื้อผ้าหน้าผม แม้จะจัดแต่งทรงให้กลับมาดูเรียบร้อยดังเดิม แต่ร่องรอย บาดแผลนั่นยังคงเด่นชัด เจ็บแปลบทุกครั้งที่ขยับเดิน
หญิงสาวๆค่อยผลักบานประตูเข้าไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางเสียงดังครื้นเครง รวมกลุ่มกันอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง
ทว่า
ทันทีที่หญิงสาวปรากฏกายเข้ามา ทุกสรรพสิ่งคล้ายกับหยุดการเคลื่อนไหว ภายในห้องเงียบกริบไร้เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะในก่อนหน้านี้
กับภาพที่เธอได้เห็นคือคนรักของเธอกำลังนั่งอยู่บนโซฟายาวขนาบข้างอย่างใกล้ชิดกับหญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่ง มือข้างหนึ่งถือแก้วทรงสูงกำลังคล้องอยู่กับแขนของผู้หญิงคนนั้น ใบหน้าใกล้ชิดกันกับริมฝีปากที่ยังจดจ่ออยู่ที่ขอบแก้วตัวเอง และผู้หญิงคนนั้นที่กำลังจะดื่มแก้วที่ตัวเองถือ
…
“เอ่อ...น้องวิฬาร์มาแล้วเหรอคะ” หนึ่งในผู้หญิงที่เป็นแฟนของคนในกลุ่มเพื่อนปารย์ณวิซเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าปั้นยาก
พร้อมกับคนรักเธอที่ผละตัวออกจากผู้หญิงคนนั้น ในขณะที่เธอคนนั้นกลับมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ริมฝีปากเม้มแน่นคล้ายกับขัดใจ ก่อนจะกลับมาฉีกยิ้มหวาน ทำสีหน้าคล้ายกับงุนงงอยู่ชั่วขณะ
บรรยากาศชวนอึดอัดผิดแปลกไปจากทุกครั้ง รวมไปถึงสีหน้าของใครหลายคนที่มองมาที่เธอ ยิ่งทำให้รู้สึกแปลกประหลาดในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
“ใครเหรอคะพี่ปราบ" เสียงหวาน กับรอยยิ้มน่ารักขณะหันไปถามคนรักเธอ
“วิฬาร์น่ะ"
“วิฬาร์? อ๋อ… สวัสดีค่ะพี่วิฬาร์” ทำหน้านึกอยู่ชั่วครู่ แล้วค่อยเอ่ยทักทายเธอราวกับสนิทสนมกันมานาน ในขณะที่อิงค์วิฬาร์ที่รู้ควรจะปั้นสีหน้าแบบไหนตอบกลับไป
หญิงสาวยืนมองคนทั้งคู่นิ่งนานอยู่หลายนาที ด้วยใจที่สบสัน ภาพที่เธอเห็นเมื่อคู่ มองปราดเดียวเธอก็รู้ว่าพวกเขากำลังเล่นสนุกด้วยท่าเลิฟช็อต เธอเคยเห็นในสื่ออยู่บ่อยครั้ง แต่เมื่อได้มาเห็นกับตา กับคนรักของเธอกลับไม่รู้สึกสนุกด้วยเลยสักนิดเดียว
หยาดน้ำตารื้นขึ้นคลอเบ้า
“หอบหิ้วอะไรมาเยอะแยะเลยน้องวิฬาร์...อุ้ยทำไมเนื้อตัวมีแต่แผลแบบนี้ล่ะ ไปโดนอะไรมาจ๊ะ” พี่หวานหนึ่งในแฟนของเพื่อนสนิทในกลุ่มของปารย์ณวิซเอ่ยถามด้วยความห่วงใย ทำทีเดินเข้ามาช่วยรับสิ่งของในมือถือ สีหน้าเปื้อนยิ้ม ทว่าแววตานั้นกลับดูลอกแลก มีพิรุธ อย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับต้องการกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง
“ของขวัญปีใหม่น่ะค่ะ วิฬาร์อบขนมมาเผื่อพี่ๆทุกคน สวัสดีปีใหม่นะคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนต่างก็พากันกล่าวคำขอบคุณและสวัสดีปีใหม่ตอบกลับมาให้เธอ
“แฟนปราบน่ารักจังเลย ขอบคุณนะคะ" หนึ่งในแฟนของเพื่อนอาจารย์ปารย์ณวิชเอ่ยอย่างชื่นชม
“นั่นสิ ขนมน่ารักมากเลย ขอบคุณนะน้องวิฬาร์ ปราบนี่โชคดีจังเลยนะ มีแฟนน่ารักแบบนี้" คำชื่นชมหลั่งไหลมาขณะที่อาจารย์หนุ่มพลอยได้หน้า ริมฝีปากหนายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“ว่าแต่แผลนี่ไปโดนไปอะไรมาจ๊ะ” ถามย้ำอีกครั้งด้วยความสงสัย
“รถชนน่ะค่ะ” ตอบเสียงเบา รู้สึกเจ็บแปลบที่แผลจนเผลอซี๊ดปากออกมาเบาๆ
“รถชน?!” สุ้มเสียงดังด้วยความตกใจ
“ค่ะ แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกนะคะ แค่ถลอกนิดหน่อย” เธอหันไปยิ้มแห้งให้กับพี่หวาน ก่อนจะเหลือบสายตามองไปที่เขาอีกครั้ง
แฟนหนุ่มของเธอยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งมีเสียงของใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ตายจริงไปทำแผลก่อนไหม แผลเยอะอยู่นะ น่าจะเจ็บไม่เบาเลย"
“เอ่อ…” ลอบชำเลืองมองเห็นเขายังนั่งนิ่ง และมีเธอคนนั้นนั่งคลอเคลียอยู่ข้างๆไม่ห่าง ยิ่งน้อยใจเขาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่เป็นไรค่ะ” ตอบปฏิเสธอีกครั้ง ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของคนรักเธอจะลุกเดินตรงมาหา เอ่ยสั้นๆด้วยเสียงเข้มดุ จับต้นแขนเธอดึงเบาๆไปนั่งอยู่ข้างเขา
“ไปนั่ง"
ด้วยแรงของเขา ทำให้เธอถึงกับนิ่วหน้า เจ็บหยอก แต่ก็ไม่ได้ปริปากบ่นอะไรออกไป เพราะไม่อยากให้เขาขุ่นเคือง หรือไม่พอใจ
“อยากกินอะไรก็สั่ง” กล่าวนิ่งๆ เหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก ขณะหยิบแก้วบรั่นดีของตัวเองที่วางอยู่ยกขึ้นจิบ
“ค่ะ…เมื่อกี้วิฬาร์โทรหา แต่พี่ไม่รับสาย”
“พี่ปราบขา…” เสียงหวานเอ่ยแทรกขัดขึ้น ขณะที่เธอกำลังพูดกับเขา พลอยทำให้หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อย