ร่างกำยำเปียกโชกถึงแผงอก เขาเปิดประตูรถและเข้าไปนั่งหน้าพวงมาลัยรถยนต์ คว้ามือถือมากดโทรออก ใบหน้าโหดเหี้ยมมองขวางทุกอย่าง
(ฮัลโหล)
ไม่นานปลายสายก็กดรับ เขาสูดลมหายใจเข้าอย่างอดกลั้นและพูดออกไป
“ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าบัวไม่ได้ท้องตั้งแต่แรก หมายความว่าไง?”
ไม่รู้ทำไมเขาถึงอยากฟังเรื่องนี้จากใบบัว ทั้งที่ขุนภาคไม่ควรจะนึกสงสัยในสิ่งที่คีตาพูดด้วยซ้ำ
(ยัยนั่นบอกแบบนั้นเหรอ)
“ใช่”
(พี่ขุนอย่าไปฟังมันนะ มันเกลียดบัว มันใส่ร้ายบัว พี่ก็รู้ว่าบัวท้องจริง ๆ)
เขากลืนน้ำลายฝืด ๆ ลงคอ มองไกลออกไปนอกรถพลางนึกถึงวันที่ใบบัวบอกว่าตัวเองตั้งท้อง อีกฝ่ายถ่ายรูปที่ตรวจครรภ์ขึ้นสองขีดมาบอกข่าวดีกับเขา และใบบัวยังบอกว่าถ้ารู้เพศเมื่อไร เธออยากให้เขาเป็นคนตั้งชื่อลูกให้อีกฝ่าย...
(บัวเสียใจมากนะที่พี่ขุนสงสัยเรื่องนี้ แค่ลูกไป บัวก็ปวดใจจะแย่อยู่แล้ว)
“...”
(พี่ขุนไม่เชื่อบัวแต่ไปเชื่อผู้หญิงคนนั้น คนเลวอย่างคีตาที่ไม่มีใครต้องการ บัวไม่คิดเลย)
“...”
(...ฮึก)
“พี่ขอโทษ”
เขาเอ่ยออกไปเสียงแผ่วเบา
(บัวไม่โกรธพี่ขุนหรอก เพราะบัวรู้ว่าพี่รักบัว)
“...”
(รักกว่าใครในโลกนี้)
นัยน์ตาของขุนภาควูบไหวเมื่อได้ยินคำนี้...ปลายสายกดวางไปแล้ว
และใช่...เขาไม่ควรสงสัยและเชื่อคำพูดของคีตามากกว่าใบบัว น้องสาวที่เขารักมาก มือหนาวางโทรศัพท์ลง ก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง สตาร์สรถและขับออกไปจากที่นี่ทันที
“อึก! ช่วยด้วย!!!”
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่งโมงที่คีตาถูกมัดอยู่กับเสาสะพานในทะเล น้ำทะเลเริ่มสูงขึ้น จากที่สูงถึงหน้าอก ตอนนี้ขยับมาอยู่ลำคอ อีกนิดเดียวคีตาก็จะจมลงไป เธอร้องไห้เหมือนจะขาดใจ...ราวกับน้ำตาก็ไหลออกมาเป็นสายเลือด มองขึ้นไปยังฝั่งของชายหาด ไม่มีใครเดินผ่านมาเลยสักคน เธอไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เธอทำผิดอะไรนักหนา ทำไมโชคชะตาถึงได้ใจร้าย หญิงสาวร้องไห้สะอื้นอย่างไร้ทางออก เนื้อตัวสั่นสะท้านเพราะความเหน็บหนาว พยายามดิ้นให้หลุดจากเชือกเส้นใหญ่ที่มัดอยู่แต่เขามัดเธอแน่นเกินกว่าจะตัวเธอจะหลุดออกมาได้
น้ำทะเลสูงถึงลำคอ ในจังหวะที่คลื่นซัดมาแรง ๆ น้ำทะเลก็เข้าหน้าเข้าตาของเธอจะแสบใบหน้าไปหมด คิดว่าตัวเองอาจจะต้องตายอยู่ที่นี่จริง ๆ ...
“คุณพ่อคุณแม่ ฮึก...หนูไม่รู้จะอดทนยังไงให้ไหว”
เธอพูดออกมาอย่างหมดเรี่ยวแรง น้ำตาไหลพรากลงมาเรื่อย ๆ ผ่านไปเพียงวันแรก เธอก็อยากจะยอมแพ้มันซะตรงนี้ คีตาไม่รู้ว่าตัวเองจะต่อสู้ต่อไปได้ยังไง เหมือนเธอสู้อยู่กับมัชจุราช ปีศาจร้ายไร้ความเป็นคน ทั้งชาวี ใบบัว และขุนภาค
คนพวกนี้ร้ายกาจเกินกว่าเธอจะต่อกรไหว
ใบหน้าซีดเซียวก้มลงจนคางชิดอก ผู้ชายคนนั้นตั้งใจจะฆ่าเธอจริง ๆ เขาต้องการให้เธอตายเพื่อชดใช้ในสิ่งที่เธอทำกับใบบัว ทั้งที่คีตาไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ คนเหล่านั้นยัดความผิดให้ เธอไม่มีทางสู้ ต้อนให้เธอจนตรอกในทุก ๆ ทาง
“ฮึก...”
เสียงคลื่นทะเลสาดเข้ามาแข่งกับเสียงร้องไห้ระงมของหญิงสาว แต่ฉับพลันหูของเธอได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของเรือดังอยู่ไม่ไกล และเรือลำนั้นก็จอดลงตรงทางขึ้นของสะพานปูนนี้
“ทำไมนายหัวเรียกพวกเรามาตอนนี้วะ”
“นั่นดิ แล้วยังกำชับด้วยว่าต้องมาจอดเรือที่ท่าเทียบนี้ มืดขนาดนี้มีอะไรวะ”
ชายฉกรรจ์สองคนลงจากเรือหลังจากเอาเรือประมงขนาดเล็กเข้าเทียบท่าและเดินตามทางของสะพานปูนเข้าไปยังท่าเทียบเรือประมงของขุนภาค กลางคืนแบบนี้ไร้ซึ่งผู้คน ทว่าทั้งสองกลับได้ยินเสียงแว่ว ๆ ของผู้หญิงดังอยู่ไม่ไกล
“มึงได้ยินไหมวะ”
“ได้ยิน เสียงเหมือนผู้หญิงร้องเลย— เฮ้ย เสียงดังมาจากตรงนี้”
ชายฉกรรจ์ทั้งสองวิ่งไปก้มลงมองที่เสาของสะพานที่อยู่ข้างล่าง แสงของไฟฉายส่องมองหาก็พบเข้ากับหญิงสาวถูกมัดอยู่กับเสาปูนและอีกฝ่ายก็ร้องขอความช่วยเหลือจนสุดเสียง ชายทั้งสองตกใจแต่ก็รีบกระโดดลงไปเพื่อช่วยเธอ...คีตาโล่งอกที่อย่างน้อยก็มีคนผ่านมาและเจอเธอ เชือกไนล่อนถูกแกะออกทันทีจนเธอกลายเป็นอิสระ คนที่ถูกมัดอยู่กลางทะเลนานกว่าหนึ่งชั่วโมงถูกประคองเดินขึ้นไปบนฝั่งชายหาด ใบหน้าและเนื้อตัวของคีตาซีดขาวไร้เลือด เธอหายใจหอบถี่รวน ฉับพลันสติของเธอก็หมดลงทันที ร่างของหญิงสาวทรุดลงกับพื้นทรายท่ามกลางสายตาของชายหนุ่มทั้งสอง
“เฮ้ย อย่าพึ่งตายนะ”
“พ...พาไปโรงบาลเถอะ”
ชายทั้งสองตกลงกันจะพาหญิงโชคร้ายคนนี้ไปโรงพยาบาล ทว่าเสียงเรียกเข้าในมือถือหนึ่งในนั้นก็ดังขึ้น ชายหนุ่มกดรับสายเมื่อเป็นเบอร์ของเจ้านาย น้ำเสียงกระวนกระวายกลอกลงไป
“ครับนายหัว ผมมาถึงแล้วครับ! แต่ผมเจอ—”
(พาผู้หญิงคนนั้นมาส่งบ้านกู)
“เอ่อ...ค...ครับ”
ปลายกดวางไปแล้ว ชายคนนั้นหันมองหน้าเพื่อนตัวเอง
“นายหัวบอกให้พาผู้หญิงคนนี้ไปส่งบ้านนายหัว แต่กูยังพูดไม่ทันจบเลย นายหัวรู้ได้ยังไงวะ”
“นั่นดิ แต่เราทำตามที่นายหัวขุนภาคสั่งเถอะ กูไม่อยากซวย”
รถมอเตอร์ไซต์พ่วงข้างขับเข้ามาในรั้วบ้านหลังใหญ่ด้วยความเร็ว ร่างของคีตานอนหมดสติอยู่บนพ่วงข้าง คนขับดับเครื่องเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากบ้านของตัวเอง
ขุนภาคเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดที่เปียกก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว นัยน์ตาคู่คมจ้องมองหน้าลูกน้องที่ลงจากรถมอเตอร์ไซต์มายืนกุมมือ หนึ่งในนั้นชี้ไปที่พ่วงข้างของรถ
“พวกผมเจอผู้หญิงถูกมัดอยู่ในทะเล ไม่รู้ว่าใครทำ—”
“พวกมึงกลับไปได้แล้ว”
เสียงทุ้มเอ่ยเรียบนิ่ง ชายทั้งสองหันมองกันอย่างงุนงง ฉับพลันก็เห็นเจ้านายของตัวเองเดินมาอุ้มร่างเล็กที่ยังไม่ได้สติไว้แนบอก ขุนภาคมองหน้าลูกน้องตนอีกครั้ง
“กลับไปได้แล้ว”
“ค...ครับนายหัว”
ทั้งคู่รีบขึ้นรถมอเตอร์ไซต์พ่วงข้างและขับออกไปทันที มองท้ายรถของสองคนนั้นจนลับสายตา ก่อนจะหลุบมองคนในอ้อมแขน แววตาเกลียดชังยังเหมือนเดิม มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ
“ถ้าปล่อยให้ตายตอนนี้มันไปจะสนุกอะไร ผู้หญิงอย่างเธอ ยังต้องเจออีกเยอะ”