“พินัยกรรมระบุเอาไว้ว่า หุ้นทั้งหมดของเอ็นเจกรุ๊ป ตำแหน่งประธานบริษัทของเอ็นเจกรุ๊ป เงินสดและทรัพย์สินทั้งหมด รวมถึงบ้านหลังนี้ มอบให้คุณชาวี ธาดาสิริสกุล แต่เพียงผู้เดียว”
“เป็นไปไม่ได้!!!”
คีตา ธาดาสิริสกุล ตวาดกร้าวและลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อทนายประจำตระกูลอ่านพินัยกรรมจบ เธอส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง หญิงสาวกำมือแน่นข้างลำตัว กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนจะตวัดสายตามองชายหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“อย่าโวยวายสิคี เธอต้องเคารพในการตัดสินใจของคุณพ่อคุณแม่นะ”
ชาวี ธาดาสิริสกุล เอ่ยขึ้น สลับขาขึ้นไขว้ห้างด้วยท่วงท่าสบาย ใบหน้าร้ายกาจยกยิ้มมุมปาก จ้องมองน้องสาวตัวเองที่ทำท่าคัดค้านกับเนื้อหาในพินัยกรรมที่ทนายประจำตระกูลได้อ่านจบลง
คีตาจ้องหน้าชาวีอย่างไม่ยอมแพ้ ดวงตากลมแข็งกร้าว
“คีรู้ว่าพินัยกรรมฉบับนี้เป็นของปลอม!”
คีตาโพล่งดังลั่นในห้องรับรองแขกของบ้านหลังใหญ่ เธอหันมองทนายประจำตระกูลที่ทำสีหน้าเลิกลัก อีกฝ่ายยกนิ้วดันแว่นตาโดยที่ไม่สบตาหญิงสาว
“คีขอคัดค้านและจะยื่นตรวจสอบพินัยกรรม”
“ไม่ได้!”
ชาวีได้ยินแบบนั้นก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน จ้องหน้าน้องสาวของตัวเอง
“ฉันไม่ยอมให้ตรวจ”
“คีมีสิทธิ์ขอตรวจ เพราะคีไม่เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่จะไม่ยกอะไรให้คีเลยสักอย่างแบบนี้”
ดวงตากลมสั่นระริก มันทั้งแดงก่ำและแข็งกร้าว คีตาสู้ยิบตา แม้ว่าจะรู้สึกปวดร้าวในใจที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้
“ไม่เชื่องั้นเหรอ? คนที่ไม่ทำอะไรเลยสักอย่างอย่างเธอ ไม่ได้อะไรเลยมันก็สมควรแล้วหนิ!!”
“ไม่มีทาง!”
“มั่นใจจังเลยนะคีตา”
“มั่นใจสิคะ ก็เพราะคีเป็นลูกแท้ ๆ ของพวกท่าน ส่วนพี่”
“...”
“เป็นแค่ลูกบุญธรรม”
เมื่อได้รับประโยคนั้น ชาวีก็กำมือแน่นจนสั่นเกร็ง จ้องมองใบหน้าสวยของคีตาที่แสยะยิ้มแต่ดวงตาของเธอมีน้ำเอ่อคลอตลอด
“พ่อแม่ที่ไหนจะยกทุกอย่างให้ลูกบุญธรรม โดยไม่ให้อะไรเลยแม้กระทั่งเงินสักบาทกับลูกแท้ ๆ กันคะ คุณลุงไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ?”
ประโยคสุดท้ายคีตาตวัดมองทนายที่นั่งนิ่งตัวแข็งทื่อไม่สบตาใคร
คีตารู้ว่าทนายคนนี้ถูกชาวีครอบงำด้วยเงินจำนวนมากไปเรียบร้อยแล้ว ชาวีได้ยินแบบนั้นก็ข่มอารมณ์ข้างในเอาไว้ แสดงท่าทางว่าไม่ได้หวาดกลัวในสิ่งที่คีตากำลังกล่าวหาอยู่
“ลูกสาวแท้ ๆ ที่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง เอาแต่เที่ยวเล่นผลาญเงินไปวัน ๆ เธอคิดว่าคุณพ่อคุณแม่อยากยกบริษัทไว้ให้ลูกที่ไม่ได้เรื่องอย่างเธอจริง ๆ เหรอคีตา”
“...”
“เธอก็รู้ว่าพวกท่านรักเอ็นเจกรุ๊บมาก ฉันนี่ ฉัน! คนที่ทำทุกอย่างเพื่อให้เอ็นเจกรุ๊ปฟื้นขึ้นมาจากวิกฤตครั้งก่อน ฉันเป็นคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งและสมควรได้หุ้นทั้งหมด”
ชาวีชี้ไปที่ตัวเอง น้ำตาไหลบนใบหน้าของคีตาทันที เธอหลุบสายตามองพื้น จริงอย่างที่ชาวีพูดทุกอย่าง เธอเป็นลูกสาวที่ไม่ได้เรื่อง ที่ผ่านมา ชาวีเป็นคนช่วยคุณพ่อดูแลกิจการของครอบครัว ชาวีทำงานเก่ง และเธอก็คิดเอาไว้ตั้งแต่แรกว่าคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งประธานคงจะเป็นพี่ชายของเธอ แต่คีตาไม่คิดว่าแม้แต่บ้านหลังนี้ หรือเงินสด ทรัพย์สินที่มี รวมถึงหุ้นเล็ก ๆ น้อย ๆ เธอจะไม่ได้รับอะไรเลย นี่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ คีตาเหม่อลอยไปชั่วขณะก่อนจะส่ายหน้า
ไม่มีทาง ก่อนที่คุณพ่อและคุณแม่จะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเมื่อสองเดือนก่อน ตลอดเวลาที่พวกท่านยังมีชีวิตอยู่ ทั้งสองบอกกับเธอตลอดว่าหากวันใดที่พวกท่านไม่อยู่แล้ว เธอจะไม่มีวันลำบาก อย่างน้อยบ้านหลังใหญ่นี้จะต้องเป็นของเธอ
แต่นี่อะไร? คีตาไม่ได้อะไรเลย
ไม่ได้เลยสักอย่างเดียว...
“คีจะขอยื่นตรวจสอบพินัยกรรมฉบับนี้ และจะหาทนายคนใหม่”
“ถ้าเธอคิดว่าตัวเองมีเงินมาจ้างทนายสู้กับฉัน ก็ลองดู”
“...”
คีตายกมือขึ้นปาดน้ำตา จ้องหน้าชาวีเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งคู่สบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร วันนี้คีตาทำอะไรไม่ได้ แต่ไม่ได้แปลว่าเธอจะยอมให้ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้ไปตลอด เธอหันมองทนายประจำตระกูลอีกครั้งและเอ่ยขึ้น
“ฉันจะติดต่อกลับไปค่ะ เตรียมตัวไว้ได้เลย”
คีตาเอ่ยเสียงชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะเดินออกจากห้องนี้ทันที เธอวิ่งไปที่บันไดเพื่อขึ้นห้องนอนของตัวเอง แม้จะเสียใจที่ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้แต่เธอต้องสู้ เธอจะไม่ยอมให้ชาวีเอาทุกอย่างไปแบบนี้หรอก ยังไงพินัยกรรมฉบับนั้นก็เป็นของปลอม คีตามั่นใจมาก ๆ และถ้าหากตรวจสอบแล้วทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้ เธอก็จะยอมรับความจริง แต่ตอนนี้เธอจะไม่ยอมเด็ดขาด หญิงสาววิ่งขึ้นบันไดไปชั้นสองของบ้าน
ก่อนจะเจอเข้ากับร่างบางของใครบางคนที่ยืนกอดอกอยู่ตรงชั้นบนสุดของบันได
“เปิดพินัยกรรมแล้ว ลูกสาวอย่างเธอได้อะไรบ้างล่ะ?”
ใบบัว แฟนสาวของชาวีเอ่ยทักเมื่อเห็นคีตาขึ้นมาข้างบนพร้อมกับน้ำตานองใบหน้า สองมือของคีตากำแน่น จ้องหน้าใบบัวอย่างเกลียดชังก่อนจะเดินผ่านไหล่อีกฝ่ายไปโดยไม่ตอบโต้ แต่ก็ไม่วายถูกพูดจากระแหนะกระแหนตามหลัง
“สภาพแบบนี้ สงสัยจะไม่ได้อะไรเลย คิก”
คีตาตวัดสายตามองใบบัวที่แสร้งเอามือปิดปากหัวเราะ แทนที่จะหันหลังและเข้าห้องนอนของตัวเอง ทว่าคีตาย่างกรายเข้าไปหาใบบัวช้า ๆ และเอ่ยออกมา
“อย่าเสร่อ”
คีตาพูดตอกหน้าใบบัว อีกฝ่ายคลายแขนออกจากอกและกัดกรามแน่น
“ปากดี ระวังจะไม่มีที่ซุกหัวนอน!”
“แผนเลว ๆ ที่ผัวเธอทำ เธอก็รู้เห็นใช่ไหม”
“พูดเรื่องอะไร ไม่เห็นจะรู้เรื่อง”
ใบบัวยักไหล่ ปฏิเสธออกมาทว่าแววตากลับเยาะเย้ย
“ถ้าความจริงเรื่องพินัยกรรมเปิดเผยเมื่อไร เธอนั่นแหละ ที่ฉันจะเฉดหัวออกจากบ้านเป็นคนแรก”
คีตาพูดรอดไรฟัน ไฟโทสะสุมในอกของหญิงสาวแต่ก็ต้องยับยั้งเอาไว้ เพราะจะทะเลาะกับคนตรงหน้าไปก็เท่านั้น คีตาไม่อยากใส่ปากต่อ เธอทำท่าจะหมุนตัวเดินออกไปจากตรงนี้ ทว่าแขนของเธอก็ถูกใบบัวกระชากเอาไว้ ใบหน้าของคีตาสะบัดไปตามแรงตบจนเกิดเสียงดังสนั่น
เพี๊ยะ!!
“คนที่จะถูกเฉดหัวออกจากบ้านคือแกต่างหากยัยคีตา!”
หลังจากถูกตบหน้า คีตาก็ถูกกระชากเส้นผมจนใบหน้าของเธอแหงนขึ้น เบิกตากว้างกับการกระทำของใบบัว อีกฝ่ายเป็นบ้าอะไร อยู่ ๆ ก็มาหาเรื่องและทำร้ายเธอขนาดนี้ ที่ผ่านมาแม้เราจะไม่ถูกกัน แต่ก็ไม่เคยทำร้ายร่างกายกัน คีตาหน้าแหงนเพราะเส้นผมถูกกระชากอย่างแรง เธอนิ่วใบหน้าด้วยความเจ็บ แต่ก็เข้าใจได้ ทั้งสองผัวเมียจงใจกลั่นแกล้งเธอ เมื่อพินัยกรรมเปิด สันดานคนก็เปลี่ยน
“โอ้ย!”
คีตาบิดแขนข้างของใบบัวที่ขยำเส้นผมเธอจนอีกคนยอมปล่อย เธอบิดแขนอีกฝ่ายอยู่แบบนั้น ใบบัวร้องโอดโอย คีตาจ้องหน้าคนตรงข้ามนิ่งก่อนจะเอามือที่ว่างอีกข้างฟาดไปที่แก้มของคนอายุเท่ากัน
เพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!!
ตบหน้าใบบัวสองที หน้ามือและหลังมือ ก่อนจะบิดแขนอีกฝ่ายอยู่แบบนั้นจนใบบัวทำหน้าเหยเกเหมือนจะร้องไห้
“อย่าคิดจะยุ่งกับฉัน เธอกับฉันมันคนละชั้นใบบัว”
“กรี้ด! ฉันจะฟ้องคุณชาวี”
“ไปฟ้องเลย!”
คีตาปล่อยแขนของอีกคน เธอจ้องหน้าใบบัวอย่างคาดโทษ และหมุนตัวจะเดินออกไปจากตรงนี้อีกครั้งทว่าเส้นผมของคีตาก็ถูกคนด้านหลังกระชากอีกครั้ง
ครั้งนี้คีตาทนไม่ไหวเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมจบ เธอหันกลับมาและกระชากเส้นผมของใบบัวกลับจนอีกคนหน้าหงาย ใบบัวก็ขยำเส้นผมของคีตาคืนไม่ยอมแพ้ หญิงสาวทั้งสองคนยื้อแรงตบตีกันอยู่แบบนั้น ทว่าเป็นคีตาที่ถูกทำร้ายหนักกว่าเพราะเธอยอมมากกว่า ไม่อยากทำร้ายคนตรงหน้าตามอารมณ์ของตัวเองเพราะใบบัวกำลัง ‘ท้อง’ อยู่ คีตาสะบัดตัวเองออกจากพันธนาการอีกฝ่ายและยกมือชี้หน้าใบบัว ผมเผ่าทั้งคู่รุงรัง
“เป็นบ้าอะไรใบบัว ไม่ห่วงลูกในท้องเลยหรือไง!”
ทว่าใบบัวไม่ฟังคำถาม ตรงปรี่เข้ามาเงื้อมือจะตบหน้าคีตาแต่เธอหลบทัน คีตามุ่งตรงไปยังบันไดอีกครั้งหวังจะหนีอีกฝ่ายลงไปข้างล่างและออกจากบ้านหลังนี้ไปก่อน แต่คนข้างหลังก็วิ่งตามลงมาเหมือนคนบ้า ใบบัวกระชากแขนของคีตาตรงบันไดชั้นกลาง ๆ เธอนิ่วใบหน้าด้วยความเจ็บแต่ก็พยายามหลบและรับมือกับใบบัวอย่างระมัดระวังที่สุด ทว่าเสียงของชาวีที่ดังขึ้นตรงชั้นหนึ่งของบ้าน และในจังหวะที่คีตาแกะมือของใบบัวให้ออกจากเส้นผมและผิวเนื้อของตัวเอง ร่างของใบบัวก็เสียหลักตกบันได ร่างกายกระแทกกับขั้นบันไดไม่ต่ำกว่าสิบขั้น
ตุบ ตุบ ตุบ!!
“...!!!”
“กรี๊ด!!”
คีตามองร่างของใบบัวที่กลิ้งตกกระแทกบันไดไปจนถึงชั้นล่างสุด ดวงตาของเธอเบิกโพลงและยกมือขึ้นปิดปากแน่น ทั้งที่เมื่อกี้เธอไม่ได้ผลักหรือทำอะไรรุนแรงเลยสักนิด...ทว่าใบบัวตกบันได ดวงตาอีกฝ่ายหลับสนิทพร้อมกับชาวีที่วิ่งมาทรุดลงตรงร่างของแฟนสาวตัวเอง
นัยน์ตาแข็งกร้าวเงยจ้องมองน้องสาวนอกไส้