คีตายืนนิ่งที่เดิมเหมือนสติหลุดออกจากร่าง มองชาวีอุ้มใบบัวและวิ่งออกจากบ้าน และทันใดนั้นราวกับสติกลับเข้ามา คีตาวิ่งลงบันไดอย่างรวดเร็วและวิ่งตามอีกฝ่ายออกไปจากบ้าน เห็นชาวีพาใบบัวขึ้นรถยนต์ของตัวเอง คีตาทำท่าจะเปิดประตูรถและทว่ามือของชาวีจับแขนของเธอเอาไว้
“อย่ายุ่ง!”
“คีจะไปโรงพยาบาลด้วย”
พรึบ!
ทว่าร่างเล็กก็ถูกพี่ชายผลักจนล้มลงบนพื้น ชาวีมองหน้าคีตาเป็นครั้งสุดท้ายและอ้อมไปขึ้นรถ ก่อนจะขับออกไปจากบ้านหลังนี้ทันที น้ำตาใส ๆ ไหลพรากอาบใบหน้า กลอกสายตาที่เบิกโพลงไปมา ก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปในบ้านและตะโกนเรียกคนขับรถ
“ลุงกร ลุงกร!!”
“คุณคีตาคะ ลุงกรออกไปส่งคุณทนายค่ะ ส่วนคนขับรถอีกคน วันนี้ลาป่วยค่ะ”
สาวใช้คนหนึ่งวิ่งมาบอก คีตาถอนหายใจออก เธอคิดว่าตัวเองควรตามชาวีและใบบัวไป ถ้าคนขับรถที่บ้านไม่อยู่ เธอก็ต้องไปเอง
หญิงสาววิ่งขึ้นบันไดเพื่อกลับขึ้นห้องไปเอากุญแจรถ ตอนนี้คีตาไม่มีสติ ความหวาดกลัวเรื่องต่าง ๆ ถาโถมเข้ามา เธอได้กุญแจรถแล้วก็วิ่งลงมาชั้นล่างอีกครั้งและตรงปรี่ไปยังรถยนต์ทันที ขับออกจากบ้านด้วยความเร็ว ทว่ารถของชาวีหายไปแล้ว
“...!”
ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานเกินไปกว่าเธอจะตามออกมา ตอนนี้จึงไม่เห็นรถของชาวี เธอขับรถต่อด้วยความเร็ว พยายามสอดสายตามองหารถของพี่ชายแต่ก็ไม่พบ คิดวิเคราะห์ในใจว่าโรงพยาบาลไหนที่ใกล้ที่สุด คีตาขับรถเพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลนั้นทันที
“ไม่มีผู้ป่วยที่แจ้งชื่อนี้นะคะ”
“ต้องมีสิคะ ม...เมื่อกี้เลย ผู้หญิงคนนั้นตกบันได และกำลังท้องอยู่”
“เอ่อ...ไม่มีจริง ๆ ค่ะ”
“...”
ดวงตาคู่สวยหม่นหมอง ชาวีไม่ได้พาใบบัวมาที่โรงพยาบาลนี้ เธอหันไปขอบคุณพยาบาลจุดประชาสัมพันธ์ก่อนจะหมุนตัวออกไปจากที่นี่ ร่างเล็กเข้าไปนั่งในรถยนต์ของตัวเอง
สองมือกำพวงมาลัยแน่น ดวงตาสั่นระริกแดงก่ำ ความหวาดกลัวเข้ากัดกินภายในจิตใจ หลังจากนี้คีตาไม่รู้แล้วว่าจะไปตามหาชาวีกับใบบัวที่โรงพยาบาลไหน หญิงสาวถอดใจและขับรถกลับไปยังบ้านของตัวเอง
18.30 น.
ร่างบอบบางเดินวนไปวนมาตรงโถงทางเข้าของบ้าน สลับกับมองออกไปที่หน้าประตูบ้าน คีตารอชาวีกลับมาราวสามชั่วโมงแล้ว อีกฝ่ายไม่รับสายเธอ คีตาร้อนใจ อยากจะรู้ว่าใบบัวและเด็กในท้องปลอดภัยหรือเปล่า...
ภาพที่ใบบัวตกบันไดมากกว่าสิบขั้น กระแทกอย่างรุนแรงซ้ำ ๆ ยังวนเวียนอยู่ในหัวสมองของเธอ คีตาร้อนเผ่าที่จมูกอีกครั้ง ทว่าเสียงฝีเท้าของใครบางคนก็เดินเข้ามา ทำให้เธอหันไปมองทันที
“พี่วี”
ชาวีกลับมาแล้ว อีกฝ่ายกลับมาคนเดียว คีตารีบเดินไปหาชาวีทันที เธอเห็นใบหน้าของพี่ชายซีดเซียว ใบมือถือซองบางอย่างไว้
ร่างสูงหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ ชาวีชูซองกระดาษขึ้น นัยน์ตาของเขาแข็งกร้าว
“พี่วี—”
“ใบบัวแท้ง”
“...!!!”
“เพราะเธอ!! เพราะเธอคีตา ลูกของฉันถึงต้องตาย!!!”
ชาวีตวาดกร้าว เสียงดังสนั่นลั่นบ้าน คีตายืนช็อคและน้ำตาอาบใบหน้าทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น ดวงตาเบิกโพลงกลอกซ้ายขวาไปมาอย่างคนสิ้นสติ
“คี...คีไม่ได้ตั้งใจ”
“เธอมันฆาตกร”
คีตามองหน้าชาวีทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้ เธอส่ายหน้าทั้งน้ำตา
“คีไม่ได้ตั้งใจ!”
“จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่เธอเป็นคนผลักใบบัวตกบันได”
“ใบบัวหาเรื่องคีก่อน—”
“แต่ใบบัวแท้งลูก!!”
คีตาชะงัก เพราะไม่ว่าใครจะเริ่มก่อน หรือใครเป็นคนหาเรื่องก่อน เธอก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ใบบัวต้องแท้งลูก
คีตาหลุบสายตามองพื้น ปล่อยให้น้ำตามากมายไหลลงมา ชีวิตเหมือนตายทั้งเป็นไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น เธอส่ายหน้าช้า ๆ ดวงตาพร่าเลือน
ฉับพลันภาพในหัวก็ไหลเวียนเข้ามาเป็นฉาก ๆ อีกครั้ง เธอมั่นใจว่าตัวเองถูกโกงเรื่องพินัยกรรม คีตาออกจากห้องและขึ้นบันไดมา ก็เจอกับใบบัวทันที เธอถูกอีกฝ่ายตบหน้า พยายามหาเรื่องไม่ยอมปล่อยให้คีตาหันหลังกลับหรือเดินหนี ทั้งที่เธอพยายามจะหลีกหนีตั้งหลายครั้ง ใบบัวพยายามยั่วโทสะของเธอ จิกทึ้ง ตบตี สารพัดทั้งที่เมื่อก่อนอีกฝ่ายไม่เคยทำเรื่องแบบนี้ และที่สำคัญ คีตาจำได้ว่าเธอแกะมือของใบบัวออกจากแขนตัวเอง ในจังหวะนั้นใบบัวก็ล้มลงไปและกลิ้งตกบันไดอย่างรุนแรง ราวกับถูกผลัก
ทั้งที่คีตาไม่ได้ออกแรงผลัก แถมเธอยังระมัดระวังไม่ให้อีกคนเจ็บตัวเพราะรู้ว่าใบบัวตั้งท้องอยู่
ท้องงั้นเหรอ
ฉับพลันความคิดบางอย่างก็ผุดเข้ามาในหัว จากที่ก้มหน้าอยู่ ก็เงยหน้าสบตากับชาวี
“ขอดูใบรับรองแพทย์หน่อย”
เธอปรายตามองซองสีขาวในมือของร่างสูง ชาวีส่ายหน้า
“ทำไม? คิดว่าฉันโกหกเหรอ”
“ใช่ คีคิดว่าพี่กำลังโกโห ทั้งเรื่องที่ใบบัวแท้ง”
“...”
“และเรื่องที่ใบบัวท้อง”
คีตารู้สึกว่าทุกอย่างเสมือนละครที่ถูกจัดฉากขึ้นมาตั้งแต่แรก สองคนนี้อาจจะจัดฉากแม้กระทั่งเรื่องที่ใบบัวท้องด้วยซ้ำ เธออาจคิดมากไปเอง แต่คีตารู้สึกได้ และเธอจะไม่ยอมเป็นหมากในเกมของคนพวกนี้ เธอต้องพิสูจน์
แต่ทว่าชาวีกลับเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาในทันที เขาชูซองสีขาวในมือตัวเองขึ้นมา ใบหน้าร้ายกาจเหมือนปีศาจในคราบมนุษย์
“คิดว่าพินัยกรรมเป็นของปลอม และยังคิดว่าใบรับรองแพทย์เป็นของปลอมอีกงั้นเหรอ?”
“...”
“เก่งดี ถ้าคิดได้ขนาดนี้...ก็คิดไว้ด้วยว่าฉันก็เอาเธอเข้าคุกได้”
“...”
คีตาจ้องหน้าพี่ชายคนละสายเลือดด้วยใบหน้าที่ผิดคาด เธอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เคยเห็นเธอเป็นครอบครัวเลย แต่ก็ไม่คิดว่าชาวีจะ ‘เลว’ ได้ถึงเพียงนี้
อีกคนมีเส้นสายที่ใหญ่โตในทุก ๆ ด้านเพราะคลุกคลีในวงการธุรกิจมายาวนานคู่กับบิดาตอนท่านมีชีวิตอยู่ คีตารู้ว่าเธอสามารถทวงคืนความยุติธรรมให้ตัวเองได้ แต่ถ้าต้องสู้กับคนตรงหน้า ก็เหมือนสู้กับคนชั่วที่ตัวใหญ่กว่า คีตาเสียใจ...เธอเสียใจที่ผ่านมาที่ตัวเองไม่เคยได้สนใจเรื่องธุรกิจของคุณพ่อคุณแม่เลย
เพราะคีตาไม่คิดว่าพวกท่านจะด่วนจากไปเร็วและจากไปพร้อมกันแบบนี้
เธอกำลังโดดเดี่ยว และคิดว่าตัวเองไม่มีทางสู้คนตรงหน้าได้
สองมือเล็กกำแน่น พยายามไม่ร้องไห้ออกมาให้อีกคนเห็น ทว่าเธออ่อนแอจนกักเก็บน้ำตาไว้ไม่อยู่ แม้ว่าดวงตาจะเคล้าคลอไปด้วยน้ำใส ๆ ทว่าข้างในยังอัดแน่นไปด้วยความเข้มแข็ง
“คีจะพิสูจน์ความจริง”
“หึหึ ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
ชาวีหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ชี้ไปที่กล้องวงจรปิดภายในบ้านและเอกสารในมือตัวเอง
“หลักฐานที่เธอทำให้เมียของฉันตกบันไดจนแท้งลูกก็มีอยู่ทนโท่”
“แต่คีไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็ไม่เชื่อด้วยว่าใบบัวท้อง!!”
“พูดเอาเองเป็นตุเป็นตะ”
“...”
“เธอจะทำอะไรฉันได้คีตา”
“...”
“พินัยกรรมจากพ่อแม่ก็ไม่ได้สักบาท รถที่ขับอยู่ก็ชื่อของฉัน บัตรเครดิตทุกใบก็ถูกอายัท และเงินเก็บไม่กี่แสนในธนาคารที่มี คิดว่าเงินแค่นั้นจะจ้างทนายมาสู้กับฉันได้เหรอ?”
คีตาจุกในลำคอ เหมือนก้อนหนัก ๆ หล่นทับที่หน้าอกจนหายใจแทบไม่ออกยามมองหน้ามัจจุราชชั่วร้ายตรงหน้า
“ฉันจะเอาเธอเข้าคุก ข้อหาพยายามฆ่า ไม่สิ ฆ่าแล้วต่างหาก”
“...!!”
“เธอฆ่าลูกของฉัน”
“...”
“ฉันทำให้เธอเข้าคุกได้ง่าย ๆ คีตา”
“...”
“ถ้าไม่อยากแก่ตายในคุก ก็ทำตามที่ฉันบอก”