ตอนที่ 3 ออกเดินทาง

2067 คำ
สองมือกุมใบหน้าตัวเองบนเตียงนอน เธอร้องไห้จนแทบไม่มีน้ำตา หรือถ้ามันไหลออกมาอีกก็คงเป็นสายเลือด พยายามคิดหาวิธีที่จะทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากการจัดฉากทุก ๆ อย่างในตอนนี้ แต่คิดยังไง คีตาก็สู้ชาวีไม่ได้ อีกฝ่ายมีอำนาจอยู่ในมือ ดูก็รู้ว่าวางแผนมานาน เผลอ ๆ แผนการนี้มีตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่ยังอยู่ด้วยซ้ำ เขาทำตัวเป็นลูกรัก เก่งกาจในธุรกิจและแวดวงนี้จนได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจหนุ่มใหม่ไฟแรง ชาวีมีเส้นสายใหญ่โต เขาเข้าหาทุกคนได้ง่าย ๆ เพราะตำแหน่งประธานเอ็นเจกรุ๊ปที่ครองอยู่ตอนนี้ ส่วนเธอ...ก็เป็นเพียงหญิงสาวที่ไม่ได้เรื่องได้ราว ไม่ได้สนใจในงานของครอบครัวตั้งแต่แรก คีตาไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน เธอตั้งใจจะเข้ามาเรียนรู้งานเพราะบิดาขอเอาไว้ คีตาเข้าใจอีกฝ่ายและตั้งมั่นว่าจะทำมันดูสักตั้ง ทว่าหลังจากที่เธอตัดสินใจแบบนั้น ไม่กี่เดือนต่อมาพ่อแม่ของเธอก็เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิตทั้งคู่ พินัยกรรมถูกเปิดออกหลังจากนั้นสองเดือนก็คือวันนี้...และเหตุการณ์ที่ดูเหมือนจัดฉากนั่นอีก คีตาคิดว่าตัวเองถูกแย่งทุกอย่างไปจนหมดสิ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เสียงเคาะประตูอย่างมีมารยาทดังขึ้น หญิงสาวเงยหน้าจากฝ่ามือตัวเองและบอกให้คนข้างนอกเข้ามา ประตูถูกเปิดออกช้า ๆ ปรากฏร่างท้วมของหญิงวัยกลางคน ป้าพิศ คนรับใช้เก่าแก่ของที่นี่ และคนที่คีตาคิดว่าตัวเองไว้ใจอีกฝ่ายได้มากที่สุด “คุณหนู” ป้าพิศรีบวางถาดอาหารมื้อเย็นลงบนโต๊ะและเดินมาใกล้คนที่นั่งอยู่บนเตียง หญิงวัยกลางคนมีสีหน้าไม่สู้ดี สงสารและเห็นใจอีกฝ่ายเพราะตนก็ได้ยินเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทว่าเข้ามาช่วยอะไรคีตาไม่ได้ “ฟ้าพิศคะ คีจะทำยังไงดี” ดวงตาแดงก่ำราวกับเส้นเลือดฝอยจะแตกออกมา คีตามืดแปดด้านไปหมด “คุณชาวีจะให้คุณหนูทำอะไรคะ” คีตาสบตากับป้าพิศ ริมฝีปากบางเอื้อนเอ่ย “เขาจะให้คีไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้” “...” “ถ้าคีไม่ไป เขาจะยัดข้อหา...คีจะต้องติดคุก” “...” “ฮึก...เรื่องที่ใบบัวตกบันได คีไม่ได้ตั้งใจนะคะ แล้วอีกอย่าง คีคิดว่าทุกเรื่องเป็นการจัดฉากขึ้นมาด้วยซ้ำ แต่คีไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้ว่าต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตัวเองยังไง...คีไม่มีเงิน คีสู้อะไรพี่วีไม่ได้ คีไม่เหลืออะไรแล้ว ฮึก ไม่เหลืออะไรแล้ว” “โธ่ คุณหนูของป้า” ป้าพิศคว้าคีตามากอดแน่น เธอฝังใบหน้าลงไปบนหน้าท้องของป้าพิศที่ยืนอยู่ หญิงสาวสะอื้นตัวโยน ดวงตาบวมช้ำอย่างน่าสงสาร มือที่เริ่มเหี่ยวย่นลูบเส้นผมของคีตา คุณหนูที่เธอเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด “คุณหนูฟังป้านะคะ” “...” “คุณชาวีร้ายกาจกว่าที่พวกเราคิด ทางที่ดี คุณหนูทำตามที่คุณชาวีบอกเถอะค่ะ” คีตาผละใบหน้าออกจากอีกฝ่าย เธอมองป้าพิศที่นั่งคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ หญิงสาวมองอีกฝ่ายด้วยสายตาหม่นหมอง สองมือเล็กถูกหญิงรับใช้ที่จังรักภักดีกุมเอาไว้ “ถ้าคีไปจากที่นี่ แล้วทุกอย่างของคุณพ่อคุณแม่ละคะ” เธออยากต่อสู้ และเรียกคืนความยุติธรรมให้ตัวเอง แต่ถ้าเธอทำตามที่ชาวีสั่ง ก็เท่ากับว่าเธอยอมแพ้ ยอมรับในพินัยกรรมฉบับนั้นและทุกอย่างก็ต้องตกเป็นของชาวี คีตาไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น ทว่าป้าพิศส่ายหน้า แววตาของอีกฝ่ายฉายความจริงจัง “ป้าไม่ได้ให้คุณหนูทิ้งทุกอย่างค่ะ” “...” “แต่ถ้าคุณหนูขืนอยู่ต่อตอนนี้ คุณชาวีต้องยัดข้อหาจนสำเร็จ คุณหนูอาจจะแพ้คดีและไม่มีสิทธิ์ทวงคืนทุกอย่างตลอดไปเลยนะคะ เพราะดูท่าแล้ว คุณชาวีจะเล่นงานคุณหนูเรื่องที่ทำใบบัวแท้งเพื่อปิดโอกาสไม่ให้คุณหนูตรวจสอบพินัยกรรม” “...” “ตอนนี้ตามกฎหมาย ทุกอย่างตกเป็นของคุณชาวีหมดแล้ว ส่วนตอนนี้คุณหนูไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงอะไรจนกว่าจะตรวจสอบว่าพินัยกรรมเป็นของปลอม แต่จะตรวจสอบได้ยังไงในเมื่อเรื่องของใบบัวเข้ามาแบบนี้” คีตาคิดตามที่ป้าพิศพูด ชาวีน่าจะวางแผนดักเอาไว้หมดแล้ว กันเรื่องตรวจสอบพินัยกรรม เลยจัดฉากเรื่องที่ใบบัวแท้งเข้ามาแทรก ตัดช่องทางคีตาทั้งหมด ตอนนี้เธอตกเป็นรองอีกฝ่ายทุกทาง รวมถึงทรัพย์สินทุกอย่างที่ควรจะเป็นของเธอ “...” “ป้าว่า คุณหนูไปตั้งหลักก่อนเถอะนะคะ แกล้งทำตามน้ำไปก่อน แล้วเรามาหาวิธีกันทีหลังก็ยังไม่สายค่ะ เพราะขืนสู้ตอนนี้ มีแต่แพ้กับแพ้ พี่น้องฆ่าแกงกัน ใส่ร้ายป้ายสีกันเพราะแก่งแย่งสมบัติมีให้เห็นเยอะแยะ...ป้าไม่อยากให้คุณหนูเป็นแบบนั้น เพราะยังไงตอนนี้เราก็สู้คุณชาวีไม่ได้” คีตาสบตากับอีกฝ่ายด้วยแววตาสั่นระริก “คุณหนูยอมทำตามคุณชาวีไปก่อน ออกไปจากที่นี่ แล้วทางนี้ป้าจะช่วยสืบหาความจริงให้ คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ป้าจะคอยติดต่อไปหาค่ะ” ดวงตาสั่นไหวหลุบมองพื้นทันที น้ำตามากมายไหลลงอาบแก้มเนียน คีตาร้องไห้ออกมาอีกครั้งอย่างอึดอัดใจก่อนจะถูกอีกฝ่ายสวมกอดเพื่อปลอบประโลม วันต่อมา ร่างบอบบางเดินลงจากบันไดพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่หนึ่งใบ ใบหน้าซีดเซียวต่างจากแววตาที่แข็งกระด้างและแดงก่ำตลอดเวลา คีตาเดินลงมาจนถึงชั้นหนึ่งของบ้าน เจอร่างสูงของพี่ชายและร่างเล็กของคนที่ตกบันไดเมื่อวาน วันนี้อีกฝ่ายมีสีหน้าและท่าทางที่เบิกบาน ราวกับไม่เคยมีอุบัติเหตุใด ๆ เกิดขึ้น ชาวีและใบบัวยืนรอให้คีตาเดินมาถึง หญิงสาวหยุดตรงหน้าคนเลวทั้งสอง เธอจ้องหน้าชาวี และเคลื่อนสายตาไปที่ใบบัว “หายไวดีนะ” คีตาเอ่ยทัก ใบบัวเบะริมฝีปากก่อนจะยักไหล่เบา ๆ บนใบหน้ามีรอยยิ้มเย้ยหยัน “ฆาตกรที่ฆ่าเด็กในท้องของฉัน และก็เกือบฆ่าฉัน...มีสิทธิ์พูดอะไรด้วยเหรอ?” ปากบอกว่าลูกตัวเองตาย ทว่าบนใบหน้าของใบบัวไม่ได้รู้สึกแบบนั้น คีตากำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ชัดเจนแล้วว่าการแท้งลูก ไม่ได้มีจริง คนพวกนี้จัดฉากและจงใจจะยัดข้อหาให้เธอ คนเลวอย่างชาวีและใบบัว เธอภาวนาให้คนอย่างพวกเขาไม่ตายดี คีตาเคลื่อนสายตามองหน้าพี่ชายนอกไส้ของตัวเองอีกครั้ง บนใบหน้าชายหนุ่มเรียบตึง นัยน์ตาร้ายกาจเลวทรามและต่ำช้า “คนของฉันจะไปส่งเธอถึงที่หมาย ต่อไปนี้อยู่ในที่ที่ฉันให้อยู่ อย่าคิดไปที่อื่น” “...” “เพราะถ้าฉันรู้ว่าเธอผิดคำพูด ฉันจะเอาตำรวจไปลากคอเธอเข้าคุกวันนั้น” “...” ก้อนหนัก ๆ หล่นทับในอก คีตาจ้องหน้าชาวีและฟังคำพูดของอีกฝ่าย...แทบจะไม่อยากเชื่อว่าออกมาจากปากของคนที่พ่อและแม่ของเธอเลี้ยงดูอย่างดีเหมือนลูกแท้ ๆ คนหนึ่ง คีตาไม่คิดว่าชาวีต้องการเอาทุกอย่างไปเป็นของตัวเองและเฉดหัวเธอทิ้งอย่างไม่ใยดีแบบนี้ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอด...กระตุกยิ้มมุมปากหนึ่งครั้งและเอ่ยออกไป “ค่ะ คีจะจำไว้” “...” “พี่วีอยู่ที่นี่ก็ระวังตัวเอาไว้ให้ดีแล้วกันนะคะ” “...” “ปกปิดความเน่าเฟะของตัวเองเอาไว้อย่าให้กลิ่นเหม็นมันโชยออกมา เพราะไม่อย่างนั้นพี่วีอาจจะกลับไปเป็นคนไร้ค่า...เหมือนก่อนที่คุณพ่อคุณแม่ของคีจะไปเจอ” “...” ชาวีบดกรามแน่นเมื่อได้ยินประโยคเจ็บแสบจากน้องสาว เขาข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง ทว่านัยน์ตาแสดงชัดเจนว่าโกรธมากแค่ไหน และต่อจากนี้ไป เราสองคนจะไม่ใช่พี่น้องกันอีก “แล้วเจอกันค่ะ” คีตาทิ้งคำพูดเอาไว้แค่นั้นและลากกระเป๋าเดินทางของตัวเองออกจากบ้าน รถยนต์คันสีดำมาจอดรอเธออยู่แล้ว คนขับรถลงมายกกระเป๋าใบใหญ่ใส่ท้ายรถ หญิงสาวขึ้นนั่งเบาะหลัง ไม่นาน รถยนต์คันนี้ก็เคลื่อนไปข้างหน้า ออกจากบ้านของเธอ...บ้านที่คีตาอยู่มาตั้งแต่เกิด ‘เพราะฉันยังเห็นว่าเธอเป็นน้องสาว ฉันถึงยื่นข้อเสนอนี้ให้ เพื่อไม่ให้เธอติดคุกนะคีตา ไปอยู่ที่นั่น ฉันฝากให้เธอทำงาน พวกงานบัญชีไม่ได้ยาก คนที่ไม่มีทางเลือกอย่างเธอ นี่ก็นับว่าเป็นบุญมากแล้ว’ คีตานึกถึงคำพูดของชาวีที่พูดกับเธอเมื่อคืน เขาจงใจไล่ให้คีตาไปไกล ๆ จากบ้านหลังนี้และบริษัท รวมถึงทรัพย์สินทั้งหมดที่สมควรจะเป็นของเธอด้วย ที่ผ่านมาคีตาไม่เคยอยากได้ทุกอย่างเพื่อเป็นของตัวเองแค่เพียงผู้เดียว ทั้งที่รู้ว่าชาวีไม่ใช่ลูกแท้ ๆ แต่เธอก็เห็นอีกฝ่ายเป็นพี่ชายมาตลอด และตลอดเวลาที่เราสองคนโตมาด้วยกัน ไม่มีทีท่าเลยว่าเขาจะเกลียดเธอ ชาวีทำตัวเป็นลูกชายและพี่ชายที่แสนดี คีตาคิดว่าชาวีก็มีสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติของคุณพ่อคุณแม่ตามที่พวกท่านจะยกให้ ทว่าในวันที่เปิดพินัยกรรม ชาวีเป็นผู้ที่ได้รับทุกอย่าง ซึ่งไม่ควรเป็นแบบนั้นเพราะเธอก็เป็นลูกสาวของพวกท่านเหมือนกัน และคีตาก็มั่นใจมาก ๆ ว่ายังไงพินัยกรรมฉบับนั้นก็ต้องเป็นของปลอม เพราะท่าทางและแววตาของชาวีไม่ได้ปิดบัง ราวกับเขายอมรับและแสดงตัวตนออกมาโต้ง ๆ ว่าตัวเองได้กลายเป็นคนเลวไปแล้ว ทว่าเป็นคีตาเองที่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ ทั้งที่รู้ว่าถูกกลั่นแกล้งแต่ก็สู้ไม่ได้ มันเป็นความผิดของเธอ ที่ผ่านมาคีตาชะล้าใจเกินไป คิดว่าพวกเราคือครอบครัว เธอไม่กระหายในสมบัติขนาดนั้นด้วยซ้ำ และไม่คิดจะเข้าไปทำงานในบริษัทเลยสักครั้งถ้าหากคุณพ่อไม่ได้ขอร้องไว้ คีตาอยากทำอย่างอื่น เธออยากเป็นดีไซน์เนอร์เพราะจบด้านนี้มาโดยตรง เธออยากเปิดร้านเสื้อผ้าและทำแบรนด์เป็นของตัวเอง เรื่องนี้คุณแม่สนับสนุนเต็มที่ ทว่าจู่ ๆ วันหนึ่งคุณพ่อก็ได้มาขอร้องว่าอยากให้คีตาเข้ามาดูแลบริษัทคู่กับชาวี เธอไม่รู้เหตุผลว่าทำไมบิดาเปลี่ยนใจอยากให้เธอเข้าไปทำตรงนั้น และไม่นานหลังจากที่คีตาตอบตกลง พวกท่านทั้งสองก็เกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิต... ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนคีตาตั้งตัวไม่ทัน รวมถึงวันนี้ด้วย ชีวิตของเธอถึงคราวตกต่ำมากที่สุด รถยนต์ขับไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางความเงียบงัน สายตามองออกไปนอกหน้าต่าง เธอรู้แค่ว่าตัวเองจะต้องไปทำงานในสถานที่หนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าคือที่ไหน หญิงสาวเหลือบสายตามองคนขับรถที่เป็นผู้ชายสวมชุดสีดำทั้งตัว ใบหน้าเรียบนิ่ง ทำให้เธอตัดสินใจเอ่ยขึ้น “กำลังจะไปที่ไหนคะ” “...” “...” คีตามองคนขับรถยังเบาะข้างหน้า อีกฝ่ายเงียบ ไม่ตอบออกมาราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงของเธอ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าเพื่อเรียกกำลังใจกลับมาให้ตัวเอง เธอไม่คะยั้นคะยอ นั่งมองนอกหน้าต่างในขณะที่รถยนต์ก็ขับออกไปยังเส้นทางที่เธอไม่คุ้นเคย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม