ตอนที่ 4 นายหัว

2434 คำ
“ในที่สุดฉันก็กำจัดเสี้ยนหนามไปได้ ทุกอย่างของธาดาสิริสกุลต้องตกเป็นของฉันคนเดียว” แก้วไวน์ในมือชาวีแกว่งน้ำข้างในไปมาก่อนจะกระดกมันด้วยใบหน้าสะใจ ภายในห้องนั่งเล่นของบ้านหลังใหญ่มีเขาและแฟนสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ “บัวก็รำคาญ เหม็นขี้หน้ามันจะแย่ ไปซะได้ก็ดีค่ะ” ใบบัวยิ้มอย่างสะใจไม่ต่างกัน ก่อนจะถูกชาวีตวัดสายตามามองและถามขึ้น “แล้วเธอล่ะ คุยกับทางนั้นเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?” “เรียบร้อยค่ะ รับรองว่าคีตาจะไม่ได้กลับมาให้พี่วีรำคาญใจอีกตลอดไป” “หึ” ชาวีกระตุกยิ้มเมื่อเห็นใบบัวตอบแบบนั้น ใบหน้าร้ายกาจมองไปทางอื่นอีกครั้ง ที่ชาวีไม่จับคีตาเข้าคุกตั้งแต่ตอนนี้ ไม่ใช่เพราะเขายังเห็นเธอเป็นน้องสาวอย่างที่พูดเอาไว้หรอก เขาแค่ไม่อยากให้เรื่องทั้งหมดไปถึงขั้นกฎหมายจริง ๆ ต่างหาก แล้วอีกอย่าง เขาต้องการกำจัดเธอในรูปแบบ ‘ศาลเตี้ย’ มากกว่า เพราะศาลยุติธรรมประเทศนี้มีระยะเวลาที่รอคอยนานเกินไป เขารอไม่ได้ ชาวีต้องการให้น้องสาวนอกไส้ของตัวเองทรมานมากที่สุด และมีจุดจบที่ย่ำแย่โดยไม่เหลืออะไรเหมือนกับเขาเมื่อยี่สิบปีก่อนตอนสมัยเป็นเด็กกำพร้า... ที่ผ่านมาคีตาได้รับทุกอย่างมากกว่าเขาเพราะคำว่าเธอเป็นลูกแท้ ๆ ส่วนเขามันแค่ลูกบุญธรรม แม้กระทั่งความรัก คีตาก็ได้รับจากคุณพ่อและคุณแม่มากกว่าจนชายหนุ่มรู้สึกได้ และรับรู้มาตลอด ชาวีเกลียดน้องสาวคนนี้ตั้งแต่วันแรกที่เหยียบเข้ามาในบ้านหลังนี้เขาเกลียดเธอ คิดทุกวันว่าหากไม่มีคีตาก็คงจะดี เขาเลยวางแผนกำจัดเธอออกไปให้พ้น ๆ แต่ชาวีไม่อยากให้มือของตัวเองแปดเปื้อน เลยให้เป็นหน้าที่ของใบบัวเป็นคนจัดการ เพราะหากมีอะไรผิดพลาด เขาจะได้โทษว่าเป็นแผนของใบบัวคนเดียว จะเรียกว่าหลอกใช้แฟนสาวของตัวเองก็ย่อมได้ ชาวีปรายสายตามองหญิงสาวที่นั่งข้างตัวเอง อีกฝ่ายหยิบมือถือออกมากดต่อสายหาใครบางคน และชาวีเดาว่าน่าจะเป็น... ‘คนคนนั้น’ เสียงคลื่นแรง ๆ กระทบชายฝั่งและสายลมทะเลพัดกระหน่ำชวนให้เหนียวตัว ท่าเทียบเรือประมงขนาดใหญ่กินพื้นที่แนวยาวเลียบชายฝั่งของเกาะที่เป็นแหล่งธุรกิจทางด้านการประมงโดยเฉพาะ ทว่าท่าเทียบเรือแห่งนี้มีขนาดใหญ่มากที่สุดในจังหวัด คนงานชาวประมงนับห้าร้อยชีวิตกำลังทำงานกันอย่างขันแข็งตามหน้าที่และจุดประจำการของตัวเอง เรือหลายขนาดและส่วนมากเป็นขนาดใหญ่จอดเทียบอยู่ตรงชายฝั่งมากกว่าหนึ่งร้อยลำ ทุก ๆ ลำสลักชื่อ ‘ขุนภาค’ อยู่ที่ด้านข้างด้วยหมึกสีดำสนิท สะพานปูนยาวที่ยื่นออกไปนอกทะเลปรากฏร่างสูงใหญ่ล่ำสันของชายหนุ่มผิวสีคร้ามแดด เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีเทาแขนยาวพอดีตัว กางเกงขายาวสีดำและรองเท้าที่ใช้ลุยน้ำได้แบบติดดิน เส้นผมสีดำสนิท ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มน่ามองโดยเฉพาะร่างกายที่กำยำล่ำบึกเพราะผลจากการที่ชอบออกกำลังกายอยู่แล้วและทำงานหนักมามากกว่าสิบปี แต่แม้จะมีใบหน้าที่หล่อเหลาเอาการชวนมอง แต่เจ้าตัวดันชอบทำหน้าบอกบุญไม่รับโดยเฉพาะหัวคิ้วที่ขมวดชนกันแทบตลอดเวลา นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มตวัดมองลูกน้องที่วิ่งหน้าตื่นเข้ามาในขณะที่เขาพึ่งขึ้นมาจากเรือ “นายหัวครับ แย่แล้วครับ” “มีอะไร?” ขุนภาค ธนาทรัพย์ เจ้าของท่าเทียบเรือ ‘ขุนภาค’ ท่าเทียบเรือประมงหาสัตว์น้ำในน่านน้ำทะเลอ่าวไทยขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดชุมพร นายหัวของลูกน้องมากกว่าห้าร้อยชีวิตที่เขาเป็นผู้นำ ร่างกายกำยำเดินเข้าไปใกล้ลูกน้องคนหนึ่งในขณะที่อีกฝ่ายหอบแฮ่ก ๆ “ไอ้พวกเด็กเรือมันทะเลาะกันครับ!!” เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉับพลันนัยน์ตาดุดันก็แข็งกร้าวขึ้นมาอย่างน่ากลัว ลูกน้องที่วิ่งมาเหนื่อย ๆ ก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งพลางขนลุกซู่ ก่อนจะเห็นนายหัวของตัวเองเดินดุ่ม ๆ ตามแนวสะพานยาวเข้าไปในตัวท่าเทียบทันที เสียงโหวกเหวกโวยวายและข้าวของกระจัดกระจายเพราะมีเด็กเรือสองฝักสองฝ่ายกำลังทะเลาะถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน ลานกว้างที่มีหลังคาปูนเป็นพื้นโล่ง ตรงนี้เป็นสถานที่คัดแยกสัตว์ทะเลเมื่อเรือที่ออกหาปลาเข้ามาเทียบท่า ทว่าตอนนี้ถังปลาจำนวนมากกระจัดกระจาย สัตว์ทะเลที่ยังเป็น ๆ นอนเกลื่อนกล่านบนพื้นปูนเฉอะแฉะ คนงานผู้หญิงส่วนมากที่เป็นคนทำหน้าที่นี้ก็ต่างพากันหนีไปกระจุกกันอีกฝั่งเพราะกลัวโดนลูกหลงจากการทะเลาะของพวกคนงานชาย ผู้เป็นหัวหน้าเดินเข้าไปเรื่อย ๆ ตามเสียงดังที่ได้ยิน ก่อนลูกน้องที่ยืนมุงดูคนทะเลาะกันจะค่อย ๆ แหวกทางให้เขาเดินเข้าไป สายตาคมกริบกวาดมองสถานที่ที่ดูแทบไม่ได้ ก่อนเขาจะหยิบบางอย่างออกมาจากเอวกางเกงตัวเอง ปืนสั้นกระบอกสีดำอยู่ในมือหนา เสียงทุ้มน่าเกรงขามตวาดกร้าวออกมา “ถ้าพวกมึงไม่หยุด กูจะยิงทิ้งเรียงตัว” กึก... คนงานชายที่พากันต่อยตีหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงสนั่นที่คุ้นเคย ต่างก็หันมองมาที่ขุนภาคซึ่งถือปืนอยู่ในมือ คนงานชายมากกว่าสิบคนที่ก่อเรื่องก็ยืนนิ่งแข็งทื่อพลางพากันก้มหน้ากุมมือ เช่นเดียวกับคนงานคนอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องก็ต่างหวาดกลัวไปด้วย “เป็นเหี้ยอะไร?” เขากำปืนในมือแน่น จ้องหน้าไอ้พวกที่อยากลองดีรายคน พวกนั้นต่างพากันก้มหน้าก้มตา และยิ่งขุนภาคเห็นสินค้าของเขาที่สามารถเอามาทำเงินได้ตรงหน้ากระจัดกระจายเละเทะ ยิ่งทำให้ชายหนุ่มมีโทสะ “กูถาม!!!” “อ...ไอ้พวกนั้นมันหาเรื่องพวกผมก่อนครับนายหัว” หนึ่งในลูกน้องที่ก่อเรื่องตอบ ขุนภาคขมวดคิ้วแน่น ตวัดมองคนที่ถูกเอ่ยถึงแก้ตัว “ไม่จริงนายหัว พวกมันต่างหากที่หาเรื่องพวกผมก่อน” ภาษาไทยเปล่ง ๆ พูดไม่คล่องกันสักคนเพราะลูกน้องส่วนใหญ่ของเขาคือแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน ขุนภาครับพวกมันมาใช้แรงงาน เอาเข้ามาทำงานแลกกับเงินที่ไม่ได้น้อยเลย แต่สิ่งที่เขามักจะเจอคือการทะเลาะกันของพวกมัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรก เด็กเรือที่ออกเรือประมงต่างมีฝักฝ่ายแบ่งพรรคแบ่งพวก ยิ่งคนเยอะ ปัญหายิ่งเยอะ เขาคุมลูกน้องมากกว่าห้าร้อยชีวิตและส่วนมากเป็นผู้ชาย ขุนภาคจึงกลายเป็นคนที่มีนิสัยโหดเหี้ยม ดุร้าย และเด็ดขาด เพราะนอกจากเขาจะเป็นเจ้าของท่าเทียบเรือแห่งนี้แล้ว นอกจากธุรกิจประมง เขายังจับธุรกิจสีเทาและเป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลในแถบนี้ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะการทำธุรกิจแบบนี้ แน่นอนว่าต้องมีเรื่องกฎหมาย ข้อจำกัดหลาย ๆ อย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง เขาได้ครอบครองน่านน้ำหลายแห่งเพื่อให้ตัวเองได้หาผลประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว เขาได้สิทธิ์ส่งออกผูกขาดกับตลาดรับซื้อขนาดใหญ่มาหลายสิบปีก็ต้องใช้เส้นสายที่ใหญ่พอตัว รวมถึงลูกน้องส่วนมากที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านก็เข้ามาแบบผิดกฎหมาย ทว่าเขารู้จักผู้คนมากมายโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่เป็นฝ่ายเปิดทางทำเป็นหลับหูหลับตาเพราะได้สินบนจากนายหัวขุนภาคกันเป็นแถว ๆ แม้ว่าเขาจะมีธุรกิจที่ดูเหมือนจะธรรมดาอยู่ในมือ ทว่าชายหนุ่มก็คล้ายคลึงกับพวก ‘มาเฟีย’ ในแถบนี้ก็ไม่ปาน นัยน์ตาแข็งกร้าวจ้องมองลูกน้องตรงหน้า เขายกปืนในมือตัวเองขึ้นมาพลิกไปมา บรรดาคนงานต่างพากันหน้าซีดกลัวตาย “กูบอกพวกมึงแล้วใช่ไหมว่าอย่าก่อเรื่องที่นี่” “...” “อยากตีกันนัก ไปตีกันที่อื่น นอกเวลางาน อย่ามาทำในที่ของกู!!” “พ...พวกผมขอโทษครับนายหัว พวกผมจะไม่ทำอีกแล้ว” “กูจะฆ่าพวกมึงก็ยังได้ พวกมึง มึง มึง จะตายห่าไป...ไม่มีใครแม่งรู้ด้วยซ้ำ” ขุนภาคเอากระบอกปืนชี้ลูกน้องตรงหน้าเรียงตัว เขากดเสียงต่ำรอดไรฟัน ทุกคนหวาดกลัวจนตัวสั่น ไม่เว้นพวกที่พากันมุงดูซึ่งไม่เกี่ยวข้องก็พากันก้มหน้าขนลุกเพราะความกลัวไปด้วย ขุนภาคจ้องหน้าลูกน้องที่ก่อเรื่องอีกครั้ง ก่อนจะกวาดสายตามองรอบ ๆ “ทุกคนฟัง อย่าเลียนแบบไอ้พวกเหี้ยนี่ ถ้าทะเลาะกันแล้วทำของกูเสียหายแบบนี้อีก กูจะไม่ไว้หน้าใคร เข้าใจไหม!” “ครับ! / ค่ะ!” เสียงขานรับชัดเจน ขุนภาคเก็บกระบอกปืนไว้ที่เอวเช่นเดิมและเดินออกจากตรงนี้ เขาพ่นลมหายใจเสียงดังอย่างหงุดหงิด ยกมือเสยเส้นผมขึ้นและเดินดุ่ม ๆ ไปยังรถยนต์ของตัวเองที่จอดอยู่หลังโกดังเก็บของขนาดใหญ่ นอกจากท่าเทียบเรือที่มีเรือประมงมากมายซึ่งเขาเป็นเจ้าของ ท่าเรือขุนภาคยังสร้างโกดังเอาไว้สองหลังใหญ่ ๆเพื่อเป็นกระบวนการทำและเก็บสินค้าอาหารทะเลแปรรูปและแช่แข็งส่งออกขายอีกด้วย เขาจึงมีพนักงานและลูกน้องมากมายหลายลำดับ ร่างกำยำเดินไปถึงรถกระบะคันใหญ่สีดำและเปิดประตูเข้าไปนั่งตำแหน่งคนขับ ฉับพลันเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น มือหนาหยิบมากดรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์โทรของใคร ‘ใบบัว’ (พี่ขุน ว่างคุยไหมคะ) เมื่อได้ยินเสียงของปลายสายก็ทำให้อารมณ์ที่ฉุนเฉียวก่อนหน้านี้มลายหายไป แม้ว่าจะหายหงุดหงิด แต่ใบหน้าหล่อเข้มยังคงเรียบตึงเช่นเดิม “ว่างสิ” (บัวจะโทรมาบอกว่า...ผู้หญิงคนนั้นออกเดินทางไปแล้วนะคะ) และประโยคของใบบัวทำให้ขุนภาคเผลอกำมือแน่น เขาตอบออกไป “อืม แล้วบัวเป็นยังไงบ้าง ออกจากโรงพยาบาลวันไหน” (บ...บัวยังแอดมิดอยู่ค่ะ เพราะแท้งลูกทำให้บัวยังปวดท้องแล้วก็ไม่มีแรงเพราะเสียเลือดเยอะ บัวเจ็บมาก ๆ เลยค่ะพี่ขุน) “พี่อยากไปหาบัว” (ไม่ต้องมา! เอ่อ...ไม่ต้องมาหรอกค่ะ พี่ขุนไม่ชอบกรุงเทพ อย่ามาเลยนะคะ บัวไม่เป็นอะไรมาก คุณชาวีก็ดูแลบัวอย่างดี) “อืม ดีแล้ว” (เรื่องของคีตา บัวอยากให้พี่ขุนทำให้ยัยนั่นหายไปจากชีวิตของบัวกับคุณชาวีตลอดไป พี่ขุนทำได้ไหมคะ) “...” ขุนภาคจ้องมองออกไปนอกรถยนต์ ตรงหน้าเป็นลูกน้องที่กำลังเดินขวักไขว่เพราะทำงานกันอยู่ นัยน์ตาแข็งกร้าวน่ากลัว ยามนึกถึงเรื่องที่ ‘น้องสาว’ โทรมาเล่าให้เขาฟังเมื่อวาน ใบบัว น้องสาวของเขาบอกว่าตัวเองแท้งลูก ครั้งแรกที่ขุนภาคได้ยิน เขาตกใจจนยืนแทบไม่อยู่ ใบบัวพึ่งจะบอกข่าวดีกับเขาว่าท้องเมื่อสองสัปดาห์ก่อน และวันนี้โทรมาบอกว่าแท้ง เขาตัวชาหูอื้อไปหมด ความเสียใจกัดกินอย่างหนักหน่วง ก่อนที่อีกฝ่ายจะบอกสาเหตุของการแท้งลูกในครั้งนี้เพราะตกบันได และคนที่ทำให้ใบบัวตกบันไดคือ ‘คีตา’ น้องสาวไม่แท้ของชาวี แฟนของเธอ ใบบัวส่งคลิปจากกล้องวงจรปิดในจังหวะที่ฉุดกระชากกับคีตาและเป็นใบบัวที่เสียหลักตกกระแทกบันไดลงไป คลิปสั้นมาก ๆ ทว่าขุนภาคดูแค่นั้นก็รู้ว่าคีตาเป็นคนยังไง ใบบัวยังส่งใบรังรองแพทย์มาให้เขาเพื่อยืนยันว่าตัวเองได้เสียลูกน้อยไปแล้วจริง ๆ อีกฝ่ายโทรมาร้องไห้กับเขาและบอกข่าวร้ายที่ขุนภาคไม่คิดว่าจะได้ยิน รวมถึงสันดานที่แท้จริงและวีรกรรมมากมายของคีตาตลอดเวลาที่น้องสาวของเขาอยู่ในบ้านหลังนั้น อีกฝ่ายต้องโดนคีตากลั่นแกล้งมากแค่ไหน ที่ผ่านมาขุนภาคพอจะรู้มาบ้างว่าใบบัวไม่ถูกกับน้องสาวของแฟน แต่ที่ผ่านมาเขาไม่ได้ใส่ใจ ทว่าครั้งนี้ถึงขั้นทำร้ายร่างกายและทำให้ใบบัวแท้งลูก ขุนภาคคิดว่ามันเกินไป ใบบัวเล่าว่าคีตาเป็นลูกที่เลวมากจนไม่ได้รับมรดกจากครอบครัวสักบาทเดียว เพราะความโกรธที่ตัวเองไม่ได้อะไรเลย จึงไปลงกับน้องสาวของเขาที่อุ้มท้องลูกของพี่ชายเธออยู่ ขุนภาคคิดว่าทุกอย่างมันบ้ามาก...โดยเฉพาะผู้หญิงคนนั้น อีกฝ่ายจำเป็นต้องหนีคดีเรื่องทำร้ายร่างกายและทำให้เด็กในท้องต้องตาย ใบบัวขอร้องให้คีตามาอยู่ที่เกาะนี้และมาทำงานที่ท่าเรือของเขา เพราะชาวีไม่อยากให้น้องสาวของตัวเองต้องติดคุก ขุนภาคได้ยินแบบนั้นก็นิ่งงันก่อนจะตกปากรับคำว่าเขาจะเป็นคนดูแลคีตาต่อจากนี้เอง “ทำได้สิ ทำไม่พี่จะทำให้บัวไม่ได้” ที่ใบบัวถามเขาว่าทำให้ผู้หญิงคนนั้นหายไปจากชีวิตของใบบัวตลอดไปได้ไหม เขาตอบออกมาว่าได้อย่างไม่ลังเล ขุนภาคคิดว่าคนเลวแบบนั้นไม่เหมาะสมกับกฎหมายไทยหรอก อีกฝ่ายเหมาะสมกับศาลเตี้ยอย่างเขามากกว่า (บัวขอบคุณพี่ขุนนะคะ) “อืม ดูแลตัวเองด้วยนะ” (ค่ะพี่ขุน...บัวรักพี่ขุนนะคะ) แววตาของขุนภาควูบไหวเล็กน้อย เขาตอบออกไปอย่างที่เคยทำ “พี่ก็รักบัว” เขากดวางสาย สตาร์สรถกระบะคันใหญ่และขับออกไปจากที่นี่ แววตาจากที่เรียบนิ่งค่อย ๆ มีเปลวไฟลุกโชนจ้องมองถนนตรงหน้า เขารอเวลาที่ ‘คีตา’ จะเดินทางมาถึงแทบไม่ไหวแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม