ห้ามใจ

2049 คำ
@คณะวิศวะ “วันนี้มันกินอะไรผิดมาหรือเปล่าวะ?” เสียงของมีนดังขึ้นเบา ๆ ข้างหูเพื่อนสนิท ขณะเหลือบมองไปยังอีกคนที่นั่งยิ้มอยู่คนเดียว “นั่นดิ...ตั้งแต่มา กูเห็นมันยิ้มไม่หุบเลยนะ” ธันวาพยักหน้าเห็นด้วย พูดไปก็มองไป พลางเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เพราะนานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เห็น ‘สิงหา’ ยิ้มแบบนี้ “ยิ้มแรกภายในรอบปี...ไม่น่าเชื่อว่ากูจะได้เห็นรอยยิ้มของมันอีกครั้ง...” มีนเอ่ยเสียงเบา สีหน้าครุ่นคิดปนโล่งใจลึก ๆ เหมือนเห็นเพื่อนที่ตกอยู่ในหลุมดำมานานกำลังหาทางปีนขึ้นมาได้แล้ว พวกเขาสองคนซุบซิบกันไม่หยุด ขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังภาพที่ชวนให้หัวคิ้วขมวด สิงหา นั่งพิงพนักเก้าอี้ ริมฝีปากโค้งขึ้นน้อย ๆ แววตาเต็มไปด้วยแสงระยิบระยับที่พวกเขาไม่เห็นมาเป็นปี ๆ มือหนากำลังจับโทรศัพท์เอาไว้แน่น ราวกับกลัวว่าถ้าปล่อยวาง มันจะหายไปตลอดกาล ใครจะไปเชื่อว่า...คนที่เคยทำหน้าเหมือนโลกกำลังถล่ม จะมานั่งยิ้มให้กับมือถือเครื่องหนึ่ง ที่แค่เห็นเคสก็ทำเอาทั้งมีนและธันวาแทบหลุดขำ “มือถือใครวะ?” ธันวาอดไม่ได้ที่จะขยับเข้าไปใกล้ เอ่ยถามด้วยความอยากรู้ เพราะมือถือที่อยู่ในมือของสิงหานั้นมี เคสสีชมพูหวานแหวว ลายแมวเหมียวหน้ามุ่ย แถมยังมีพวงกุญแจตุ้งติ้งห้อยอยู่อีกต่างหาก ถ้าจะบอกว่าเป็นของไอ้สิงหา เขาไม่เชื่อเด็ดขาด ใครจะเอาเคสแบบนี้กันวะ? มันไม่เข้ากับหน้าตานิ่งเฉยและลุคดิบ ๆ ของเพื่อนเขาแม้แต่นิดเดียว “เสือก!!!!!” เสียงห้วน ๆ ดังขึ้นทันที ทำเอาธันวาชะงักไปหนึ่งจังหวะ “อ้าว...ไอ้นี่...กูถามดี ๆ ไหม?” ธันวาทำหน้าขัดใจนิด ๆ “ดูมึงอารมณ์ดีผิดปกตินะไอ้สิง มีเรื่องอะไรเหรอ...ทำไมมึงถึงหลุดออกมาจากโลกสีเทาของมึงได้วะ?” มีนถามพลางจ้องตาเพื่อน ไม่ใช่แค่ความสงสัย...แต่เขาห่วงไอ้คนตรงหน้าจริง ๆ “มึงคิดแบบนั้นเหรอ...?” คนถูกถามยังคงไม่ละสายตาจากหน้าจอ มือเลื่อนอะไรบางอย่างช้า ๆ แต่รอยยิ้มก็ยังคงอยู่ตรงมุมปากเหมือนเดิม “อืม...อาการมึงออกชัดมากกกกกก...” มีนลากเสียงยาว พลางยักคิ้วให้ธันวาอย่างรู้กัน สิงหานิ่งไปสักพัก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ คล้ายยอมรับกับตัวเอง ริมฝีปากเขาค่อย ๆ ขยับพูด เสียงทุ้มต่ำแต่เต็มไปด้วยอะไรบางอย่างที่อ่อนโยนเกินกว่าที่พวกเขาจะคุ้นเคย “เปล่า...กูแค่บังเอิญไปเจอแมวน้อยตัวหนึ่ง...มันทั้งดื้อ ทั้งซน...แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ดูเหมือนจะน่ารักมาก ๆ เลยว่ะ...” ทันทีที่คำว่า ‘แมวน้อย’ หลุดออกมา มีนกับธันวาเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะหันมามองหน้ากัน “หมายถึงแมว? แมวที่เป็นสัตว์เลี้ยงอ่ะนะ?” มีนถามย้ำอีกครั้ง น้ำเสียงเจือความไม่แน่ใจ ราวกับยังไม่อยากเชื่อว่า...แค่ ‘แมว’ ตัวเดียวจะสามารถเปลี่ยนสิงหาคนที่เคยจมอยู่ในทะเลของอดีตได้นานนับปี ให้กลับมามีแววตาที่มีชีวิตชีวาได้ขนาดนี้ เธอจำได้ดี เพื่อนคนนี้ไม่เคยยิ้ม ไม่เคยหัวเราะ ไม่แม้แต่จะเปิดใจพูดเรื่องที่มันรู้สึก มีนมองสีหน้าเรียบนิ่งที่ยังคงจ้องโทรศัพท์ในมือตัวเองนิ่ง ไม่ตอบโต้อะไรมากไปกว่านั้น “อืม...ถ้าไม่ใช่แมว แล้วจะเป็นอะไรได้อีก...” เสียงทุ้มต่ำของสิงหาตอบกลับมาในจังหวะเนิบช้า คล้ายจะยืนยัน พร้อมแววตาที่ไม่แม้แต่จะเหลือบมามองเพื่อนทั้งสอง แต่คนฟังกลับรู้สึก...ว่าในน้ำเสียงนั้น มีบางอย่างซ่อนอยู่ “หึ...” เสียงหัวเราะเบา ๆ จากธันวาดังขึ้น เขาส่ายหน้าอย่างคนจับพิรุธได้ “กูว่าไม่ใช่ล่ะ...” เขาพูดต่อ พลางพยักเพยิดไปที่เคสโทรศัพท์สีชมพูสดใสในมือเพื่อน “แมวน้อยที่มันหมายถึง...น่าจะเป็น ‘เจ้าของมือถือ’ ลายแมวเหมียวสีชมพูในมือนั่นมากกว่ามั้ง...” ทันใดนั้น ความเงียบก็แทรกเข้ามาในบทสนทนา สิงหาไม่ตอบ ไม่แก้ ไม่แม้แต่จะส่ายหน้า และนั่นคือคำตอบที่ดังกว่าคำพูดใด ๆ “…ไม่ปฏิเสธซะด้วยเว้ย...” ธันวาเบิกตากว้างก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ ด้วยความคันปาก “เอาแล้วไง...อยากรู้แล้วสิว่าใครกันนะ...ที่จะมาดึงหัวใจมึงออกจาก ‘พลอยใส’ ได้...” แต่เสียงหัวเราะนั้นกลับชะงักลงกะทันหัน เมื่อดวงตาคมของสิงหาหันมามองตรง ๆ แววตานั้นไม่ใช่แค่ดุ แต่มันแฝงไปด้วยบาดแผลลึก ๆ ที่ยังไม่สมาน และไม่อนุญาตให้ใครแตะต้อง “มองกูแรงขนาดนั้น...มันคงไม่ฆ่ากูหรอกใช่ไหม?” ธันวาหันไปพึมพำกับมีน น้ำเสียงติดเล่น แต่สีหน้ากลับเจื่อนลงอย่างชัดเจน “เรื่องมันกำลังจะดีอยู่แล้ว...มึงจะพูดถึงพลอยใสทำไมวะ...” มีนถอนหายใจ แล้วตบบ่าธันวาเบา ๆ อย่างเหนื่อยใจ “…ไอ้เชี่ย กูลืมตัว…พลั้งปากพูด…” ธันวาเอ่ยเสียงอ่อย รู้ตัวในวินาทีที่สายตาสิงหากระทบเข้ากับเขาเต็ม ๆ “ไม่คิดว่ามันจะมองแรงขนาดนี้…” เงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนที่เสียงแผ่วต่ำจากสิงหาจะดังขึ้น น้ำเสียงนั้นเย็น เรียบ แต่ชัดเจน และเต็มไปด้วยความหนักแน่นที่ไม่มีใครกล้าตอบโต้ “หัวใจกูยังเป็นของคนเดิม...” “กูไม่คิดจะเปลี่ยนใจไปชอบใคร...กับบางคน แค่รู้สึกดี...ไม่ได้แปลว่ากูจะรู้สึก ชอบ...” คำพูดนั้นเหมือนเข็มแหลมทิ่มตรงกลางอก ทั้งสองคนเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรตอบดี เพราะคำตอบของสิงหามันชัดเจนเหลือเกิน “…เออ...กูขอโทษละกัน...” ธันวาเอ่ยออกมาในที่สุด สีหน้าสลดลงเล็กน้อย เขาไม่ได้ตั้งใจจะลากเพื่อนกลับไปเจ็บอีก แค่อยากดีใจ ที่เห็นเพื่อนรักของเขายิ้มได้อีกครั้ง เขาแค่หวังว่า ‘แมวน้อย’ นั่น...จะเป็นความหวังเล็ก ๆ ที่จะช่วยพาสิงหาออกจากความรักที่ไม่มีวันหวนคืน จากการเป็น ต้นไม้ที่ยืนต้นตาย อยู่อย่างเดียวดาย...ให้กลับมา ผลิดอกใบ อีกครั้ง แม้จะเป็นแค่หน่อใหม่...ที่ยังบอบบาง @17.00 น. "กูกลับล่ะนะ... : สิงหารีบลุกออกจากเก้าอี้ก่อนจะเอ่ยลาเพื่อนๆที่กำลังก้มหน้าก้มตาจดงานอยู่.. "รีบไปไหนวะ เลิกห้าโมงครึ่งไม่ใช่เหรอ ? : ปืน "กูมีธุระ....ทำงานเสร็จแล้ว ฝากส่งอาจารย์ให้ด้วย...ไปนะ : สิงหาพูดจบก็เดินออกจากห้องเรียนทันที ทำเอาเพื่อนทั้งสามหันมามองหน้ากันอย่างพร้อมเพียง "อะไรของมันวะ..กูว่าหมู่นี้มันดูผิดปกติ : ธันวา "ก็เรื่องของมันไหม..มึงเสือกอะไร หรือมึงหึง ? : ปืน "หึงเชี้ยอะไร...กูไม่ได้เป็นอะไรกับมัน : ธันวา "อ้าวเหรอ ... กูนึกว่ามึงเป็นเมียหลวงมันซะอีก..เห็นตัวติดกันตลอด : ปืน "ใช่ไหม ? แต่ก่อนมันไปไหนมาไหนกับกูตลอด แต่เดี๋ยวนี้ แม่ง.. ทำตัวลับๆล่อๆ : ธันวาเอ่ยออกมาหน้าตาขึงขัง คนโดนแซวไม่ได้สนใจประโยคเมียหลวงของปืนเลยสักนิด เน้นหลักไปที่ประเด็นเพื่อนรักที่แต่ก่อนไปไหนไปกัน เรียกได้ว่ามีสิงหาที่ไหนก็ต้องมีธันวาที่นั่น แต่รู้สึกว่าสองสามวันมานี้..ไอ้เพื่อนรักดูเหมือนจะตีตัวออกห่างอย่างไม่รู้สาเหตุ "ยังไงวะ : มีน "ก็เมื่อเช้าอ่ะดิ...กูเห็นรถมันจอดอยู่หน้ามอ. ตอนแรกก็ไม่แน่ใจเพราะตอนกูเห็นมันยังเช้ามากๆ ยังไม่ถึงแปดโมงเลยด้วยซ้ำ...มึงก็รู้ว่าปกติมันตื่นสายจะตาย.. : ธันวา "แล้ว ? : ปืนทำหน้าสงสัย "แล้วพอมันเห็นรถกู...มันรีบขับออกไปจากพื้นที่ตรงนั้น..กูกะว่าจะตามไป มันเสือกขับรถซอกแซกหายไปเร็วอย่างกับจรวด..มันเห็นกูชัวร์ ถึงได้รีบขับรถหนี : ธันวา "แล้วมันจะหนีมึงเพื่อ ? : มีน "ก็นั่นไง...มันจะหนีเพื่ออะไรวะ มันต้องไม่ปกติดิ..มันถึงรีบหนี..เพราะกลัวกูจะรู้ : ธันวา "กูว่ามึงคิดมากเกินไปล่ะ...หึงจนหน้ามืดแล้วมึงอ่ะ : ปืน "ไอ้เชี้ย...กูจริงจังอยู่นะเว้ย : คนที่เอาแต่คิดเป็นเรื่องเป็นราวหน้าตาคิ้วขมวดขึ้นมาทันที แต่สองเพื่อนรักมีนกับปืนกลับหัวเราะออกมาในท่าทีขึงขังของเขา .. @คณะบริหารธุรกิจ สิงหานั่งรอพาขวัญในรถ...ระหว่างรอเขานึกถึงคำพูดของธันวาและมีนตลอด...หัวใจเขากำลังอ่อนไหวกับว่าที่คู่หมั้นอย่างห้ามไม่อยู่ ข้อนี้ตัวเขาเองรู้ดี คนเคยมีความรักมาก่อนจะไม่รู้ใจตัวเอง มันคงเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ตอนนี้เขายังไม่ได้รักได้ชอบเธอมากมายสักเท่าไหร่ แค่รู้สึกว่าเธอน่ารัก เป็นความรู้สึกเริ่มต้นที่หากจะคิดอะไรไปมากกว่านั้นเขาคงไม่ทำ คนเคยผิดพลาดอย่างเขาไม่อยากนำพาใครเข้ามาในชีวิต อีกปัจจัยหนึ่งคือเขายังคงความรู้สึกรักเอาไว้ให้พลอยใสคนเดียวเท่านั้น ไม่เคยคิดจะรักจะชอบผู้หญิงคนอื่น บทเรียนราคาแพงที่เคยได้รับทำให้เขากลัว กลัวว่าหากมีความรักอีกครั้งเขาจะดูแลรักษาใครไว้ไม่ได้ ความรู้สึกดีดีที่มีเขาควรที่จะตัดไฟเสียแต่ต้นลม... "รอนานไหมคะ... : พาขวัญเปิดประตูรถพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มจนตาหยี่ ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยสีสันที่ถูกแต่งเติมด้วยฝีมือของรุ่นพี่..เธอยิ้มสดใสให้กับเขา ทำเอาคนมองถึงกับรีบเบนหน้าหนีไม่อยากเห็นสายตาขี้อ้อนและรอยยิ้มพิมพ์ใจนั้น "..........สายตาและรอยยิ้มแบบนั้นของเธอเก็บกลับไปเลยนะ.. เห็นแล้วมันน่ารำคาญ.... : คนเป็นพี่ทำหน้าดุ ทำเอาพาขวัญถึงกับหน้าถอนสี เมื่อเช้ายังคุยกันดีๆอยู่เลย เจอกันอีกทีทำไมถึงทำหน้าอย่างกับโกรธเคืองเธออีกแล้ว "ขวัญทำอะไรผิดหรือเปล่าคะ..ทำไมพี่ดุจัง..เมื่อเช้ายังใจดีอยู่เลย.... : พาขวัญ "ฉันไม่ใช่คนใจดีอะไรขนาดนั้น...ที่อ่อนให้เพราะคำสั่งแม่ ต่อไปนี้ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องมาคุยกับฉัน...และอย่าทำตัวเป็นภาระให้มาก...ฉันไม่มีเวลามาดูแลลูกคุณหนูแบบเธอ : สิงหาพูดด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย สายตาคมจ้องมองตรงไปยังถนน..ไม่เหลือบหันมามองคนเป็นน้องเลยแม้แต่น้อย "ค่ะ..ขอโทษนะคะที่ทำให้ลำบาก..ต่อไปจะไม่รบกวนพี่อีกแล้วค่ะ : คนเป็นน้องใบหน้าที่เคยสดใสกลับเศร้าซึมลงอย่างกับคนละคน...ในใจได้แต่คิดว่าวันนี้เธออาจจะรบกวนเขามากเกินไป ตั้งแต่เช้าก็ปล่อยให้เขารอ ตกเย็นมายังมานั่งรอเธออีก..คนอย่างเธอคงจะเป็นภาระของทุกคนจริงๆสินะ...ขนาดพ่อแม่ยังผลักใสให้เธอออกห่างโดยไม่รู้สาเหตุ คู่ม้งคู่หมั้นอะไรเธอไม่ได้อยากมี ถึงได้ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่แบบนี้ เมื่อเช้าเธอยังมีความรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง แต่พอเห็นท่าทีของคนเป็นพี่ในตอนนี้ ก็พอจะเดาออกว่าคงไม่เต็มใจที่จะหมั้นหมายกับเธอ..คงจะมีแต่ผู้ใหญ่เท่านั้นที่ยินดีกับเรื่องพวกนี้ เธอไม่ได้อยากจะเป็นภาระหรือทำให้เขาลำบากใจ ใบหน้าสดใสร่าเริงที่แสดงออกมา ภายในใจมีแต่คำถามและความหม่นหมองใครบ้างจะเข้าใจ..
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม