เมื่อคืนเรามีอะไรกันเหรอ

1716 คำ
“พี่พนา” ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของฉัน พี่พนาก็เงยหน้าขึ้นมามองแววตาเหมือนจะตกใจเล็กน้อย แต่มองแบบนั้นฉันไม่มั่นใจเลยสักนิด เดิมทีที่หยิบชุดนี้ออกมาใส่ก็เขินจะตายอยู่แล้ว แต่ฮึบไว้น้ำเขาไม่ชอบเด็กดังนั้นทำตัวโตหน่อย ฮึบ! “ทำไมถึงใส่ชุดแบบนี้ล่ะ” “ไม่สวยเหรอคะ” เขามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าเหมือนจะงงๆ “ก็สวยนะแต่มันดูไม่เข้ากับเธอ” “งั้นน้ำไปเปลี่ยนดีกว่า” หมดกันความมั่นใจทั้งหมดของวันนี้ ได้ไปเที่ยวกับเขาสองต่อสองทั้งทีดันทำพังตั้งแต่ยังไม่เริ่ม รู้อนาคตเลยสายน้ำเอ้ย ไม่น่าทำตัวกระโตกกระตากหยิบชุดเว่อร์ๆ ตัวนี้ขึ้นมาใส่เลย “ไม่ต้องแล้ว ไปชุดนี้แหละ” “แต่พี่บอกว่ามันไม่เข้ากับน้ำ” “มันไม่เข้าแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอใส่แล้วไม่สวยนะ” เพราะเขาเป็นแบบนี้ไงฉันเลยเดาไม่ได้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวจูบเดี๋ยวด่า เดี๋ยวชมเดี๋ยวติ อยากร้องเพลง ‘จะรักหรือจะร้าย’ ของพี่เคลียร์ให้ฟังเสียจริงๆ บนรถฉันนั่งกระดุกกระดิกไปมาจนถูกคนขับหันมองอยู่หลายครั้ง เพราะเมื่อนั่งลงแล้วไอ้กระโปรงที่คิดว่ายาวมาตลอดมันดันร่นขึ้นมาอีกจนเผยให้เห็นต้นขาอ่อน บอกตามตรงเลยว่าแอบหนาวอยู่นะ แถมไอ้รถหรูคันนี้ยังก้าวขึ้นก้าวลงลำบากอีก หากไม่ระวังประชาชีได้เห็นกางเกงในสีชมพูพริ้งพรายของฉันพอดี ชมพูยันกางเกงใน ปฏิเสธว่าไม่ชอบก็คงไม่ได้แล้ว อีกอย่างมันยังเป็นลายดอกไม้ด้วย สาบานได้เลยว่าฉันไม่มีทางให้ใครได้เห็นความลับนี้แน่นอน ฟึ้บ! เห็นฉันดุ๊กดิ๊กอยู่นานพี่พนาเลยใจดีหยิบเสื้อสูทที่พาดอยู่บนเบาะฝั่งคนขับโยนมาให้ฉันคลุมเข่า เอาล่ะนั่งฉีกขาได้เต็มที่ไม่มีใครเห็นละ “ขอบคุณนะคะพี่พนา” เขาไม่ได้เอ่ยตอบทำเพียงเหล่มองฉันด้วยหางตาและมุ่งหน้าขับรถต่อไป ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าผีเข้าผีออกจริงๆ เพราะตอนโทรหาฉันก่อนหน้านี้ยังมีท่าทีอ่อนหวานอยู่เลย ตัดภาพมาตอนนี้ตึงเปรี๊ยะเสียยิ่งกว่าฉีดโบท็อกช์อีก จะยิ้มให้หน่อยก็ไม่ได้ เห็นอีกคนไม่พูดฉันจึงอยู่นิ่งๆ มองข้างทาง แต่นิ่งได้ไม่ถึงสองนาทีก็เริ่มรู้สึกอึดอัดเพราะมันเงียบเกินไปจึงเอื้อมมือไปเปิดเพลงฟัง ซึ่งเปิดมาแต่ละเพลงก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าคนฟังกำลังอกหัก เศร้าเกิ๊น ฉันจัดการเปลี่ยนเพลงเป็นจังหวะสนุกพร้อมเซิ้งแทน เริ่มด้วยเพลงสัญญาเดือนหกแบบปังๆ เอาจริงก็เพิ่งมาฟังเพลงแนวนี้ตอนงานเฟรชชี่ไนท์ที่เพิ่งผ่านไปเนี่ยแหละ เพลงขึ้นปุ๊บพวกเพื่อนๆ นักศึกษาก็ลุกขึ้นเต้นปั๊บ ไอ้ฉันก็เป็นพวกเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามเลยออกสเต็ปขาแดนซ์จนลืมไปเลยว่าตัวเองเคยเป็นคนเรียบร้อยมาก่อน “สไตล์เธอเหรอ” อีกฝ่ายเอ่ยถามซึ่งฉันก็เห็นนะว่าพี่พนาแอบยิ้ม โดนเพลงที่ฉันเปิดตกเข้าให้แล้วล่ะสิ “ค่ะ” ฉันตอบสั้นๆ เก็บอาการ ที่จริงตอนหันไปเห็นเขายิ้มเมื่อกี้ก็แทบอยากจะกรี๊ดแล้ว คนบ้าอะไรยิ้มน่ารักชะมัดแต่กลับชอบทำหน้าบึ้ง (เฉพาะกับฉัน) เพราะกับพี่ขนมผิงและขนมปัง พี่พนาอ่อนโยนมาก มากแบบก.ไก่ล้านตัว จนเผลอคิดไปว่าจะดีสักแค่ไหนกันนะหากพี่พนาลูบหัวฉันเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไงตัวเล็ก” เฮ้อแค่คิดก็ฟินแล้ว วาสนาพี่ขนมผิงแท้ๆ ที่มีพี่ชายอ่อนโยนขนาดนี้ แต่พี่ขนมผิงก็น่าทะนุถนอมจริงนั่นแหละ ส่วนฝั่งขนมปังก็หยอกล้อเล่นกับพี่พนาจนน่าอิจฉา เวลาถูกเรียกว่าไอ้แสบ มันน่ารักมากเลยนะ “นั่งมะโนอะไรหื้ม” โป้ก! หัวฉันถูกอีกฝ่ายใช้ข้อนิ้วเคาะเบาๆ เรียกสติ “เคาะแบบนี้ถ้าหนูความจำเสื่อมหรือเอ๋อขึ้นมาจะทำยังไง พี่จะดูแลหนูไหมล่ะ” “ถ้าทำแค่นี้แล้วเธอพิการพี่ยอมลาออกจากงานมาดูแลเธอเลย” “พี่พูดละนะ!” ฉันหันไปทำตาโตใส่พี่เขาซึ่งก็ไม่รู้ว่าไอ้ท่าทางประหลาดนี้ไปโดนจุดอะไรเข้าพี่พนาถึงได้หลุดหัวเราะออกมา และใช่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่พี่พนาหัวเราะเพราะฉัน ดีจัง.. ฉันมองพี่เขาหัวเราะก็หลุดยิ้มตาม ปกติแววตาพี่พนาจะดูเศร้าแต่ครั้งนี้แววตาเขากลับดูมีความสุขกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ฉันรู้นะว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นเพราะพี่ขนมผิงเล่าให้ฟังหมดแล้ว ฟังจบฉันก็โกรธพี่ครีมอะไรนั่นมากเลยนะที่ทำกับพี่พนาแบบนั้น แต่ในทางกลับกันก็นึกอิจฉาพี่เขา...อีกฝ่ายต้องดีขนาดไหนกันถึงได้ทำให้พี่พนายอมมีเขาแค่คนเดียวมาตั้งหลายปี ทั้งที่เขาไม่เคยมีพี่พนาอยู่ในใจเลยด้วยซ้ำ ถ้าเปลี่ยนให้ฉันเป็นพี่คนนั้นคงจะทะนุถนอมความรู้สึกพี่พนาเป็นอย่างดีไม่ให้บอบช้ำเด็ดขาด เพราะสำหรับฉันพี่เขาเหมาะกับรอยยิ้มสดใสมากกว่าท่าทางเคร่งขรึมไม่มีความสุขแบบนี้ “เธออยากกินอะไร” มัวแต่พะวงเรื่องการแต่งตัวจนลืมดูเวลาเลยว่าตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว “อะไรก็ได้ค่ะ” “ไม่มีขาย และที่สำคัญพี่ไม่ชอบคำตอบนี้สักเท่าไหร่” เอ้า! ก็คนมันอะไรก็ได้จริงๆ นี่นา แต่ช่างเถอะเรื่องกินฉันถนัดอยู่แล้ว “ราแมงค่ะ” ยอมรับว่ายังรู้สึกเมาค้างอยู่นิดๆ และอยากหาอะไรร้อนๆ แซ่บๆ กระดกลงคอมาก เผื่อไอ้อาการพะอืดพะอมจะได้ดีขึ้น “ยังเมาค้างหรือเมารถ?” ตอบว่าเมาค้างก็รู้สึกอายจัง ไม่อยากย้อนกลับไปคิดเลยว่าเมื่อวานฉันทำเรื่องน่าอับอายอะไรลงไปบ้าง แต่พอคิดถึงเรื่องนี้แล้วก็น่าสงสัยอยู่นะว่าทำไมจู่ๆ พี่พนาถึงได้ประทับรอยจ้ำแดงนั่นที่ต้นคอฉันได้ หรือว่า... ฉันเบิกตาโตมองคนขับที่หันมาสบตาพอดี “อะไร?” “เมื่อคืน...เราไอ้นั่นกันเหรอคะ” “ห้ะ?” “หนูถามว่าเมื่อคืนเรามีอะไรกันเหรอ” “แคร่กๆ!!” นั่น!! พอถามปุ๊บมีพิรุธปั๊บ ต้องมีอะไรเกิดขึ้นในกอไผ่แน่ๆ แต่ฉันเสียซิงตอนเมาเนี่ยนะไม่น่าจะใช่มั้ง...เมื่อเช้าตื่นขึ้นมาก็ยังปกติไม่ได้เจ็บตรงจิมินี่นา “คิดทะลึ่งอะไรของเธออยู่เนี่ยยัยเด็กต๊อง” “ก็พอถามแล้วพี่มีพิรุธอ่า บอกมาเหอะหนูทำใจได้ไม่ซีเรียสหรอก” “เห็นพี่เป็นคนยังไงเนี่ย คิดว่าพี่ไร้ศีลธรรมจะทำเรื่องแบบนั้นกับคนเมาหรือไง” “อ้าว ก็รอยที่คอมันฟ้องนี่นาจะคิดก็ไม่แปลกใช่ไหมล่ะ” “เฮ้ออ” พี่พนาถอนลมหายใจยาวทำเอาฉันถอนหายใจตามด้วยอีกคน “ถอนหายใจทำไม” “เสียดาย..เอ้ย! โล่งใจ ใช่ๆ หนูโล่งใจที่ตัวเองยังบริสุทธิ์อยู่” เกือบกลับลำไม่ทันเลยสายน้ำ “เธอยังบริสุทธิ์อยู่แน่นอน” “แล้วรอยนี่มันมาได้ยังไงเหรอคะ” ฉันสัมผัสต้นคอบริเวณรอยดังกล่าวที่ตอนนี้ถูกกลบด้วยรองพื้น “จะให้เล่าจริงเหรอ” “จริงสิคะ” ฉันมองอีกคนตาแป๋วเป็นลูกแมวใคร่อยากรู้ แต่เขากลับมองฉันด้วยแววตามีเลศนัยแถมยังยกยิ้มมุมปากอีก “พี่ว่าเธอไม่อยากรู้หรอก” พูดแบบนี้อย่าบอกนะว่า... “หนูเป็นคนเริ่มเหรอคะ” “รู้ตัวด้วยแฮะ” ปึง! จบกัน...ตอนนี้ฉันขออนุญาตตามหาถังปี๊บด่วน รู้สึกไม่อยากรู้แล้วล่ะ... “อยากให้พี่เล่าอยู่ไหม” “เอ่อ...มันแย่มากไหมคะ” “อะไรแย่?” “ก็ภาพรวมนั่นแหละ หนูไม่รู้นี่ว่าทำอะไรลงไปบ้าง คงไม่ได้ทำตัวแย่ๆ ใส่พี่หรอกใช่ไหม” เอาอีกแล้ว เขาอมยิ้มมีเลสนัยอีกแล้ว แบบนี้มันแปลว่าฉันทำตัวแย่ๆ ใส่เขาไหมเนี่ย คงไม่ได้ต่อยหรือเตะผ่าหมากกลางหว่างขาเขาใช่ไหม หรือไม่ได้จะ จูบ...เขาซ้ำใช่ไหม... ว่าแล้วก็รู้สึกเหมือนจะจำได้รางๆ ว่าจูบพี่พนาซ้ำอีกครั้ง แต่นั่นฉันคิดว่ามันเป็นความฝันมาตลอดและไม่แปลกใจด้วยที่ฝันแบบนั้น เพราะก่อนหน้านี้เราก็จูบกัน แต่ในฝันฉันจำได้ว่าจูบเขาเก่งมากเลยนะไม่ได้เงอะงะเหมือนตอนแรก แต่ถ้านั่นไม่ใช่ฝันก็แปลว่า... “นะ หนูได้จูบพี่ซ้ำไหม” “หึ! จำได้แล้วเหรอ” ปึง! อีกสักรอบ ปี๊บค่ะ ประกาศตามหาแบบด่วนๆ ตอนนี้ไม่มีหน้ามองคู่สนทนาแล้วค่ะ อายเหลือเกิน ทำอะไรลงไปเนี่ยสายน้ำเอ้ย!! “ความจริงก็ไม่ได้แย่นะ” “คะ?” “พี่หมายถึงจูบครั้งที่สองน่ะ ยังเงอะงะอยู่บ้างแต่ก็รู้สึกแปลกๆ ดี” ฉันยังคงขมวดคิ้วทำหน้า งง เพราะไม่เข้าใจว่าไอ้คำว่าแปลกๆ ดีนี่เป็นคำชมหรือว่าคำติกันแน่ แต่ดูจากหน้าแล้วก็คงไม่ได้แย่จริงๆ นั่นแหละ เฮ้อโล่ง! “เธอยังอยากได้คำตอบไหม” “หืม?” “ก็ที่เธอถามแล้วพี่ไม่ได้ตอบไง” สิ้นเสียงของพี่พนาประโยคหนึ่งที่เคยเอ่ยถามค้างไว้ก็ลอยเข้ามาในหัว ‘เรื่องของเราจะไม่มีวันเป็นไปได้เลยเหรอคะ พี่จะไม่มีโอกาสชอบน้ำเลยเหรอ’ “พี่มีคำตอบให้หนูแล้วเหรอ” “อืม”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม