ปลายฝนค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างเหนื่อยอ่อน เธอจำได้แค่ว่ามีอาการปวดเกร็งหน้าท้องมากจนหายใจไม่สะดวก แถมยังมีเลือดไหลออกมาตามหน้าขา ทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาที่มีประจำเดือนเลยด้วยซ้ำ แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ทำไมถึงได้มีสายน้ำเกลือห้อยลงมาที่แขนด้วยนะ สายตาคู่สวยหันไปจ้องมองคนที่กำลังนั่งไถหน้าจอมือถือเล่นอยู่ที่โซฟามุมห้องอย่างแปลกใจนัก
"พี่คิม มาได้ยังไงคะ?"
ชายหนุ่มละใบหน้าหล่อออกจากหน้าจอ หันมาส่งยิ้มอบอุ่นให้กับคนที่กำลังนอนป่วยอยู่ ก่อนที่จะลุกเดินเข้าไปหา พร้อมกับถามไถ่อย่างนึกเป็นห่วงเป็นใย
"เป็นยังไงบ้างครับ ฝนรู้สึกดีขึ้นหรือยัง?"
"ค่ะ ก็ไม่ได้ปวดท้องแล้ว พี่คิมมาได้ยังไงคะ?"
"เอ่อ...พอดีไอ้วิลมันโทรไปบอกพี่ให้มาดูฝนแทนมันก่อนน่ะ เห็นมันว่ามันติดธุระ ฝนรู้สึกดีแล้วพี่ก็เบาใจ"
ปลายฝนแอบน้อยอกน้อยใจเสียไม่ได้ เธอเป็นคนโทรศัพท์ไปหาเขา นึกว่าตื่นขึ้นจะเห็นหน้าหล่อ ๆ ของคนรักเป็นคนแรก แต่กลับเป็นเพื่อนของเขาแทน ซึ่งก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น พักหลังมาเวลาที่เธอต้องการความช่วยเหลือ คิมหันต์จะเป็นคนยืนอยู่ตรงหน้าแทนอนาวิลตลอด หรือว่าทุกวันนี้เธอไม่ใช่คนที่สำคัญสำหรับอนาวิลไปแล้ว แม้จะเข้าใจดีว่าแม่ของเขาก็ป่วยกะทันหันเหมือนกัน ถ้าจะให้เลือกระหว่างดูแลบุพการีกับแฟนสาวเช่นเธอแล้ว เขาก็ต้องเลือกอย่างแรกก่อนไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร
"หมอบอกว่าฝนเป็นอะไรคะพี่คิม?"
คิมหันต์ถึงกับทำหน้าเลิกลักไม่อยากจะพูด แต่ก็จำเป็นต้องบอกเพราะสายตาของสาวน้อยตรงหน้าใสซื่อบริสุทธิ์จนน่าสงสารนัก
"คือ....คือหมอบอกว่าฝน...ฝน...ฝนกำลังตั้งครรภ์น่ะ"
ปลายฝนถึงกับหน้าชาขึ้นทันทีที่ได้ยินประโยคบอกกล่าวนั้นจากปากคิมหันต์ เพราะเป็นสิ่งที่เธอและอนาวิลไม่ได้พูดคุยวางแผนกันเอาไว้ล่วงหน้าเลยสักนิด แม้เธอจะพูดคุยกับเขาเรื่องของอนาคตอยู่บ่อยครั้ง แต่ดูเหมือนว่าอนาวิลเองก็ยังไม่พร้อมกับเรื่องที่จะมีครอบครัวเลยสักนิด
"พี่ว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเลยนะฝน ถ้าไอ้วิลมันรู้มันต้องดีใจมากแน่ ๆ เลย" คิมหันต์จ้องมองใบหน้าที่ดูเป็นกังวลของปลายฝนอย่างเข้าอกเข้าใจ แม้ว่าสองคนนี้จะคบหากันมานานแล้ว แต่อนาวิลก็ยังไม่ได้เปิดตัวปลายฝนอย่างเป็นทางการนัก แม้แต่ครอบครัวของอนาวิลปลายฝนก็ยังไม่เคยได้ไปเห็น มีแต่เพื่อนสนิทเช่นเขาที่รับรู้เรื่องราวทั้งหมดดีกว่าใคร บางทีคิมหันต์ก็รู้สึกอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย เขารับรู้เรื่องราวทุกอย่างแต่กลับพูดออกมาไม่ได้สักเรื่อง สงสารปลายฝนก็สงสาร แต่ก็ไม่อาจหักหลังเพื่อนรักอย่างอนาวิลได้เช่นกัน
อนาวิลเดินทางมาที่ห้องพักของคิมหันต์ในเวลาสายของวันถัดมา เพราะเขาต้องเข้ามาเอารถและโทรศัพท์มือถือที่ฝากเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้
คิมหันต์เดินออกมาเปิดประตูให้ ด้วยสีหน้าที่เหนื่อยล้าเพราะอดหลับอดนอน เขาพึ่งจะกลับมาจากโรงพยาบาลเมื่อรุ่งสางของเช้าวันนี้เอง
"โผล่หน้ามาได้แล้วเหรอ ขึ้นสวรรค์จนลืมโลกเลยสินะ" คิมหันต์ทักทายเพื่อนอย่างไม่สบอารมณ์เลยสักนิด เพราะสีหน้าอิ่มเอมมีความสุข มันช่างต่างกับคนที่นอนทุกข์แอบร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่โรงพยาบาลยิ่งนัก
"โคตรเด็ดอ่ะ ใช่แล้วล่ะ คนนี้โคตรจะใช่เลย" คำพูดคำจาที่ฟังดูดี๊ด๊าน่าตบกระบาลนัก ทำให้คิมหันต์ต้องส่ายหน้าให้อย่างเอือมระอาแบบนี้ทุกครั้ง
"จะไม่ไปดูน้องฝนหน่อยหรือไง เขานอนโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วนะ อยากจะโทรบอกแต่โทรศัพท์แกก็อยู่ที่ฉัน"
"ฝนเป็นอะไร เป็นหนักถึงขั้นต้องแอดมิทขนาดนั้น?" ร่างสูงใหญ่ของอนาวิลเดินไปล้มตัวนั่งลงอย่างคนเหนื่อยอ่อนและหมดแรง จะไม่ให้เหนื่อยได้ยังไงก็ในเมื่อประกายดาวเล่นสูบพลังเขาแทบจะไม่ได้หลับนอนเลยเมื่อคืนนี้
"มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันควรบอก ปลายฝนน่าจะเป็นคนบอกกับแกเรื่องนี้"
"ทำเป็นมีความลับ ซีเรียสขนาดนั้นเชียว?"
"ก็พอสมควรว่ะ แกอาจจะช็อกจนหัวใจวายตายไปเลยก็ได้ไอ้วิล"
อนาวิลถึงกับขมวดคิ้วจ้องมองหน้าเพื่อนรักอย่างไม่เข้าใจกับสิ่งที่คิมหันต์กำลังพูด แล้วทำไมคิมหันต์ต้องทำสีหน้าไม่พอใจกันแบบนี้ด้วยนะ
"เคืองอะไรฉันหรือเปล่าวะไอ้คิม"
"มันไม่ใช่เรื่องของฉัน ไม่อยากจะพูดเลยว่ะ เคืองแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี แกรีบไปโรงพยาบาลเถอะคนที่แกควรรีบไปดูคือปลายฝน"
"ขอนอนพักสักชั่วโมงไม่ได้หรือไงวะ ฝนเขาคงไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วไม่ใช่หรือไง"
"เรื่องของแกเถอะ ฉันจะไปนอนแล้วเหมือนกัน ออกไปก็ล็อกประตูห้องให้ด้วยก็แล้วกันนะ โทรศัพท์กับกุญแจรถวางอยู่บนโต๊ะโน่น" คิมหันต์เดินกลับเข้าไปยังห้องนอนของตน ไม่อยากจะสนใจเพื่อนที่ไม่ได้เรื่องอย่างอนาวิลมากนัก เพราะเขาเป็นแค่คนนอกที่ไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นให้ปวดหัว
เวลาเที่ยงวัน อนาวิลเดินทางมาที่โรงพยาบาลที่ปลายฝนนอนพักรักษาตัวอยู่ เขาเปิดประตูห้องพักพิเศษเข้าไปอย่างคนหน้าตาตื่นเหมือนเป็นกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก
"ฝน เป็นยังไงบ้างพี่เป็นห่วงแทบแย่เลย" สีหน้าและแววตาที่อนาวิลแสดงออกให้ได้เห็น ปลายฝนไม่ได้ผิดสังเกตเลยสักนิด เธอกลับยิ้มหวานส่งให้อย่างดีใจที่ได้เห็นหน้าของอนาวิลในตอนนี้
"ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วค่ะ คุณแม่พี่ดีขึ้นหรือยัง?"
"ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อคืนแล้ว โรคคนแก่น่ะ นั่งคุยกันอยู่ดี ๆ ความดันขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ แล้วฝนล่ะเป็นหนักถึงกับต้องนอนโรงพยาบาลขนาดนี้เลยเหรอ หมอบอกว่าฝนเป็นอะไร?"
ปลายฝนถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะบอกออกไปตรง ๆ หรือมันยังไม่ถึงเวลาที่เธอควรจะพูด เพราะไม่อาจรู้ได้เลยว่าอนาวิลจะดีใจหรือเสียใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
"เอ่อ....พอดีว่าฝนกินอาหารผิดสำแดงมา อาหารเป็นพิษน่ะพี่วิล แต่ตอนนี้ฝนดีขึ้นมากแล้วค่ะ"
"เฮ้อ..โล่งอกไปที ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วพี่เป็นห่วงฝนมากนะครับ" ชายหนุ่มโอบกอดร่างผอมบางของคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงอย่างปลอบประโลม ปลายฝนรู้สึกดีอยู่ไม่น้อย อ้อมกอดของอนาวิลยังอบอุ่นแบบเดิมเสมอ ที่ไม่ตัดสินใจบอกความจริงเขาในตอนนี้ เพราะเธออยากมั่นใจว่าอนาวิลจะไม่โกรธ ที่เธอพลาดมีลูกกับเขาแบบนี้
"พี่วิลเมื่อไหร่จะพาฝนไปไหว้คุณแม่พี่สักทีคะ?"
คำถามของปลายฝนทำให้อนาวิลกระอักกระอ่วนใจอยู่ไม่น้อย ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปลายฝนพูดแบบนี้ แต่เขาก็หาเรื่องปฏิเสธเธอได้ตลอดเวลา เพราะแน่ใจมากว่าคนเป็นแม่คงไม่ชอบใจปลายฝนอย่างแน่นอน ฐานะชาติตระกูลที่แตกต่างกันมาก และเขาก็ไม่อยากพาผู้หญิงคนไหนเข้าบ้านไปแนะนำกับแม่ ถ้าไม่มั่นใจว่าคนนั้นคือคนที่เขาจะลงเอยด้วยในอนาคต
"พี่ว่ารออีกหน่อยก็แล้วกันนะฝน ฝนก็รู้ว่าพี่พึ่งจะเข้ามารับตำแหน่งประธานบริหาร พี่อยากโฟกัสเรื่องงานมากกว่าเรื่องส่วนตัว อีกอย่างแม่พี่ท่านก็เจ็บป่วยออดแอดอยู่ พี่ไม่อยากให้ท่านต้องมาคิดมากกับเรื่องของพี่อีก
"ฝนถามจริง ๆ นะพี่วิล เราจะมีอนาคตที่ดีร่วมกันไหมคะ?"
นั่นสินะ มันเป็นคำถามที่ตอบยากอยู่ไม่น้อย เพราะอนาคตของเขาไม่ได้มีเธออยู่ในแบบแผนของชีวิต แค่ทุกวันที่เป็นอยู่เขาก็ว่าดีที่สุดสำหรับเขาสองคนแล้ว