ทางด้านพราวตะวัน
หญิงสาวแทบจะจำทางกลับบ้านไม่ได้เลยในตอนนี้ ความรู้สึกหวาดกลัวกัดกินหัวใจดวงน้อยขึ้นมาอีกครั้ง เพราะตอนที่เดินมาก็มัวแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น จนไม่ได้สังเกตหรือจดจำเส้นทางที่ตัวเองได้เดินผ่านเลยสักนิด
ท้องฟ้าที่มืดสลัวบวกกับแสงแฟลชที่สะท้อนลงจากท้องฟ้า พร้อมกับเสียงคำรามที่กำลังกึกก้องดังอยู่ไม่ไกล ลมพายุที่กำลังพัดต้นไม้ปลิวว่อนสะพัด ทำให้เท้าเรียวเล็กต้องเร่งรีบเดินเร็วขึ้นยิ่งกว่าเดิม แม้จะไม่รู้เลยว่าเส้นทางที่กำลังเดินไปจะใช่ทางกลับบ้านอย่างที่ตัวเองคิดเอาไว้หรือเปล่า แต่เหมือนยิ่งเดินก็ยิ่งจะผิดทางเข้าไปใหญ่ ฝนก็ตั้งท่าจะตกหนักแล้วเธอจะต้องทำอย่างไรต่อไปดี
หญิงสาวถึงกับร้องไห้ปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ออกมาไกลจากบ้านพักมากขนาดนี้ 3 เดือนที่ผ่านมาเธอแทบจะอยู่ในรัศมีไม่ได้ห่างจากบ้านมากกว่า 50 เมตรเลยสักครั้ง แล้วแบบนี้เธอจะได้กลับบ้านหรือจะต้องอยู่เป็นอาหารสัตว์ป่าที่หิวโหยกันแน่นะ ฝีเท้าที่กำลังเร่งรีบเดินเกี่ยวเข้ากับเถาวัลย์จนสะดุดล้มลงกับพื้น เสียงร้องโอดครวญด้วยความรู้สึกเจ็บจนต้องร้องไห้ก็ดังขึ้นอย่างเหลืออด ก่อนจะพยายามลุกขึ้นเดินแต่สุดท้ายก็ต้องทรุดตัวลงนั่งที่เดิมเพราะไปต่อไม่ไหว ข้อเท้าที่พลิกแพลงสร้างความเจ็บปวดให้กับเธออยู่มาก
"เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรของฉันนะ ทำไมต้องมาเจ็บเท้าในเวลานี้ ฮือออ"
จนในที่สุดสายฝนก็เทกระหน่ำลงทำให้ร่างบอบบางที่ทรุดนั่งอยู่บนพื้นเปียกปอนจนน่าสงสาร เสียงร้องไห้ยังคงดังแข่งกับเสียงฝนที่กำลังตกกระหน่ำ ฟ้าร้องฟ้าแลบทำให้ความกลัวที่มีอยู่เพิ่มทวีมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ถ้าไม่โดนเสือกินในคืนนี้เธอก็คงต้องเป็นปอดบวมตายอยู่ภายในป่าแห่งนี้เป็นแน่ ไม่คิดและไม่หวังว่าจะมีใครออกมาตามหาเธอหรือเปล่า ยิ่งเป็นสามีที่แต่งงานกันมาเขาคงไม่สนใจว่าเธอจะอยู่หรือว่าเธอจะไป อาจจะดียิ่งกว่าหากว่าไม่มีเธออยู่บนโลกใบนี้แล้ว ชีวิตเขาก็อาจจะมีความสุขมากกว่าใคร
หลังจากที่อาบน้ำกินข้าวขึ้นไปบนห้องนอนได้ 2 ชั่วโมงแล้ว เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่ากลับทำให้นายหัวกิตติภพถึงกับนั่งอยู่ไม่ติด เดินลงมาชั้นล่างของบ้านพราวตะวันก็ยังไม่กลับเข้ามาอีก รู้สึกเป็นห่วงหญิงสาวขึ้นมาจับใจ ก่อนที่จะตัดสินใจเดินไปหยิบร่มและวิ่งไปขึ้นรถประจำตัวก่อนจะพุ่งทะยานออกไปยังบ้านพักคนงานที่อาจจะให้ที่พักพิงกับพราวตะวันในเวลานี้
"ผ่าฝนมาทำไมล่ะนายหัว ฝนตกหนักขนาดนี้มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?"
ลิ้นจี่ถามผู้เป็นนายขึ้นด้วยความสงสัย เพราะตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว แต่นายหัวกิตติภพก็ยังมาเคาะประตูห้องพักเรียกเหมือนต้องการความช่วยเหลือ
"ฉันจะมาถามว่าเห็นพราวตะวันหรือเปล่า?"
"นายหญิงเหรอ ลิ้นจี่ไม่เห็นหรอก ก็กลับไปก่อนที่นายหัวจะกลับไปอีกไม่ใช่เหรอจ๊ะ?"
"เขาไม่ได้อยู่บ้าน ไม่งั้นฉันจะออกมาตามหาถึงที่นี่เหรอลิ้นจี่"
"ตายแล้ว ๆ ฝนก็ยิ่งตกหนักขนาดนี้แล้วนายหญิงจะไปอยู่ที่ไหนล่ะนาย"
"ไปช่วยกันถามทุกคนสิว่าเห็นเมียฉันไหม?"
"จ้ะนาย ไปเดี๋ยวนี้เลยจ้ะ"
คนงานสาวรีบวิ่งออกไปเคาะประตูห้องนั้นห้องนี้เพื่อถามไถ่เพื่อนร่วมงานตามคำสั่งของผู้เป็นนาย สุดท้ายทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่พบเจอนายหญิงเลย กิตติภพร้อนใจเป็นอย่างมากถ้าเขาออกตามหาเธอตั้งแต่ฝนยังไม่ตกก็คงจะไม่เป็นแบบนี้สินะ แล้วตอนนี้พราวตะวันจะไปอยู่ที่ไหน อยู่อย่างไร แล้วเขาต้องไปเริ่มตามหาเธอจากที่ไหนก่อน
"พากันออกไปตามหานายหญิงเดี๋ยวนี้ ตามหาให้เจอถ้าไม่เจอห้ามกลับมานอน"
เหล่าคนงานรับคำของผู้เป็นนายอย่างพร้อมเพียง ก่อนจะพากันเดินออกไปตามเส้นทางที่คิดว่านายหญิงจะหลงเดินผ่านไปแถวนั้น แม้แต่ตัวของกิตติภพเองก็ยังคงเดินไปพร้อมกับทุกคน เสียงตะโกนเรียกชื่อคุณพราว บางคนก็เรียกนายหญิงครับ นายหญิงขา แต่ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีใครพบเจอหญิงสาวเลยสักคน
"เราหามาเป็นครึ่งชั่วโมงแล้วนะครับนายหัว หรือว่านายหญิงจะไม่ได้เดินมาทางนี้ครับ หรือไม่ก็อาจจะกลับบ้านไปแล้ว"
นั่นสินะหรืออาจจะคลาดกันตอนที่เขาเดินทางออกมาถึงที่นี่ ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านไปพักผ่อนได้ ส่วนตัวเขาเองจะกลับไปที่บ้านไปดูหญิงสาวว่าเธออยู่ที่นั่นจริงหรือเปล่า แต่ถ้าหากว่าอีกคนยังไม่กลับไปถึงบ้าน เขาก็จะไม่สนใจเธอแล้วเหมือนกัน พราวตะวันอาจจะเรียกร้องความสนใจจากเขาอยู่ก็ได้นี้ จะมาเรียกร้องอะไรเหมือนเด็ก อยากจะเล่นซ่อนแอบจากเขาหรืออย่างไรกัน
กิตติภพนอนไม่หลับแทบจะทั้งคืน เขายืนรอ นั่งรออีกคนที่ห้องรับแขกของบ้าน ตั้งแต่เมื่อคืนจนตอนนี้ฟ้าสาง ฝนเริ่มหยุดแต่ทว่าภรรยาในทะเบียนสมรสของเขาก็ยังไม่กลับบ้านมาเลย
"เล่นอะไรของเธอนะพราวตะวัน หายหัวไปไหนทั้งคืนป่านนี้ยังไม่กลับมาบ้านอีก ไม่รู้หรือยังไงว่าทำคนอื่นเขาเป็นห่วงแค่ไหน"
แม้จะไม่อยากสนใจอีกคน แต่ทว่าเมื่อหญิงสาวมาอยู่ที่นี่เธอก็เป็นหนึ่งในความปกครองของตนเช่นกัน ก่อนจะได้ยินเสียงรถวิ่งเข้ามาภายในบ้าน ร่างสูงรีบเดินออกไปดู ทว่าเป็นเพื่อนรักหมอวายุหมอหนุ่มประจำเกาะมันตรากลับลงจากรถปรากฏตัวขึ้นอยู่ตรงหน้า
"มาแต่เช้าอะไรขนาดนี้วะไอ้หมอ?"
เสียงทุ้มเอ่ยทักทายแต่ทว่าหมอหนุ่มกลับรีบวิ่งไปยังเบาะด้านหลังของรถ ก่อนจะช้อนอุ้มเอาร่างของผู้หญิงที่เขาตามหามาทั้งคืนลงจากรถคันนั้น
"เอาเมียมึงมาส่ง"
พราวตะวันจ้องมองหน้าของสามีในทะเบียนสมรสไม่วางตา เขาแลดูไม่พอใจ ดูโกรธที่ได้เห็นหน้าเธอในวันนี้
"แล้วทำไมต้องอุ้ม เดินเองไม่ได้หรือไง หรือว่าอยู่ใกล้ผู้ชายหล่อเลยต้องสำออยไว้ก่อนงั้นสิ"
"มึงก็ว่าไปนั่น คุณพราวข้อเท้าพลิกเขากำลังเจ็บขาอยู่แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก อีกสักอาทิตย์ก็คงจะเดินเองได้คล่อง มึงจะอุ้มต่อหรือว่าต้องให้กูอุ้มเข้าไปส่งในบ้าน?"
"มึงอุ้มมาแล้วนี่ งั้นก็พาเขาเข้าบ้านเถอะ"
กิตติภพเดินนำหน้าของคนทั้งคู่เข้าไปภายในบ้านไม้สักหลังใหญ่ พอไปถึงโซฟาหมอวายุก็วางร่างบอบบางลงบนโซฟาตัวยาวอย่างเบามือ
"ขอบคุณนะคะหมอวายุ ขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยพราวไว้เมื่อคืน"
"ยินดีมากครับ อันนี้ยาแก้อักเสบแล้วก็ยาแก้ปวด ผมเตรียมมาให้ด้วยแล้ว พักนี้ก็อย่าเพิ่งเดินเหินลงน้ำหนักข้อเท้ามากนักนะครับ มีอะไรก็คงต้องบอกให้สามีคุณพราวช่วยเหลือไปก่อน"
พราวตะวันได้แต่พยักหน้ายิ้มรับ จะให้พึ่งพาเขามันเป็นเรื่องที่ไกลตัวมาก ไม่รู้ว่าเขาจะยอมช่วยเหลือหรือดูแลเธอมากน้อยสักเท่าไหร่กัน แต่ถ้าเลือกไม่ได้เธอก็คงต้องทำอะไรด้วยตัวเองแม้จะเจ็บปวดปางตายก็ตาม