พราวตะวันหันไปมองจ้องหน้าสามีในนามอีกครั้ง กิตติภพไม่ได้พูดอะไรเขาเพียงแต่ยืนกอดอกจับจ้องมองหน้าเธอเหมือนอยากจะกินเลือดกินเนื้อเธอให้แหลกรานเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
"งั้นกูกลับก่อนนะกิต"
"อืม เดี๋ยวกูเดินไปส่ง"
เพราะมีเรื่องจะคุยกับเพื่อนรัก จึงต้องรีบเดินตามอีกคนออกไปนอกบ้าน ไม่ทันที่หมอวายุจะก้าวขาขึ้นบนรถ ฝ่ามือหนากระชากแขนเพื่อนเอาไว้อย่างไว
"มึงไปเจอเขาที่ไหน?"
"หมายถึงคุณพราวเหรอ?"
"อย่ามากวนประสาท"
"อ๋อ เจออยู่ไม่ไกลจากบ้านพักกูนั่นแหละ เขาอาจจะมีไข้นะเพราะว่ากว่าที่กูจะไปเจอเขาก็นั่งตากฝนไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้ว มึงช่วยดูแลต่อด้วยแล้วกันเมียมึงนี่หว่าเพื่อน"
"มึงแน่ใจใช่ไหมว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อคืน?"
"เฮ้ย! ไอ้นี่มึงคิดอะไรอยู่ มึงคิดว่ากูกับคุณพราวจะทำอะไรสิ้นคิดกันงั้นสิ ไอ้อุบาทว์ ความคิดชั่วร้าย เมียเพื่อนกูไม่ยุ่งหรอกนะ"
"อย่าให้กูรู้นะ ไม่งั้นกูเอาตายทั้งคู่"
"ฮ่า ๆ ๆ นี่มึงหวงเขางั้นสิ ไหนมึงบอกว่าไม่ได้สนใจอะไรเมียแต่งมึงไง ตลกแล้วกูควรเชื่อมึงดีไหมวะไอ้กิต"
"ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว กูไม่อยากให้ลูกน้องทั้งเกาะต้องมองกูก็เป็นคนโง่ที่โดนเมียสวมเขาให้"
ฝ่ามือของหมอวายุตบป้าบลงบนบ่าของเพื่อนรักเบา ๆ รับรู้ทุกความสัมพันธ์ของเพื่อนรักดีที่สุด รู้ทุกอย่างแต่ไม่คิดจะเข้าไปก้าวก่ายกับชีวิตของเพื่อนเลย
"มึงสบายใจเถอะ มึงกับกูรู้จักกันมากี่สิบปีแล้ว แต่กูอยากเตือนมึงสักนิดนะกิต ถ้ามึงจะสงสารคุณพราวสักนิดมันจะดีมาก มึงควรจะให้เกียรติเขามากกว่าที่มึงทำอยู่ทุกวันนี้ เพราะสิ่งที่พ่อมึงเลือกให้อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตมึงแล้ว"
"หายไปอยู่ด้วยกันมาคืนเดียว ดูมึงเข้าอกเข้าใจเขาจังเลยนะ มารยาหญิงเล่มไหนที่เขางัดเอามาพูดกับมึงให้มึงเคลิ้มตามขนาดนี้วะวายุ"
"กูน่ะรู้ว่าใครดี ใครไม่ดี ถ้ามึงลองเปิดใจให้เขาอีกสักนิดมึงจะรู้ว่าคุณพราวเป็นผู้หญิงที่ดีมาก มากกว่าคนที่มึงกำลังคบกับเขาอยู่ตอนนี้หลายเท่าเลยล่ะ กูไปนะ อย่าลืมนะเว้ยคอยดูคุณพราวด้วยเผื่อว่าเธอมีไข้"
หมอวายุเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ ก่อนที่รถโฟวิลคันนั้นจะขับเคลื่อนออกห่างจากบ้านไปอย่างช้า ๆ กิตติภพยืนครุ่นคิดกับสิ่งที่เพื่อนพูดหรือเขาอาจจะอคติกับพราวตะวันมากจนเกินไปอย่างที่วายุพูดกันแน่นะ
ร่างสูงเดินกลับเข้าไปภายในบ้านอีกครั้ง เห็นหญิงสาวกำลังจะลุกขึ้นเดินทั้งที่หมอก็บอกว่าห้ามเดินลงน้ำหนักเท้าสักระยะก่อน
"กลัวไม่เป็นภาระของฉันมากไปกว่านี้หรือยังไง หูไม่ได้ยินที่หมอสั่งเหรอว่าเขาห้ามเธอเดิน 1 อาทิตย์ แล้วถ้าเธอยิ่งเดินตอนนี้มันก็ยิ่งจะหายช้ากว่านั้นอีก"
ไม่ใช่คำพูดที่ห่วงใย แต่กลับเป็นคำพูดเหมือนถากถางเธอเสียมากกว่า ถ้าหากจะพูดแบบนี้เขาไม่ต้องพูดอะไรออกมาเสียยังจะดีกว่า
"พราวอยากเข้าห้องน้ำค่ะ"
"อยากเข้าห้องน้ำก็บอกจะได้พาไป"
กิตติภพเดินเข้าไปอุ้มช้อนร่างของหญิงสาวพาไปยังห้องน้ำที่อยู่ชั้นล่างของบ้านทันที
"ขอบคุณนะคะ เชิญคุณกิตออกไปรอข้างนอกก่อนค่ะ"
"คิดว่าฉันอยากเห็นตายห่าล่ะ มีอะไรให้ฉันต้องพิศวาสเหรอ"
ก่อนที่เสียงประตูจะปิดลงดัง ปัง!
ร่างสูงออกไปยืนรอที่นอกห้องน้ำ จะให้เขาพูดคุยกับพราวตะวันดี ๆ คงเป็นเรื่องที่ยากจะเกิดขึ้นมาก
"เสร็จแล้วค่ะ"
ใบหน้าหล่อโผล่พ้นประตูเข้าไปอีกครั้ง โอบอุ้มเอาหญิงสาวนำพาออกมาจากห้องน้ำไปวางบนโซฟาตัวยาวที่เดิม พราวตะวันไม่กล้าจะมองหน้าเขาเลยสักนิด ถ้าหากเดินเองได้เธอคงไม่เป็นภาระให้เขาต้องรำคาญใจแบบนี้
"ขอบคุณนะคะ พราวจะรีบหายไม่ให้เป็นภาระของคุณกิตนาน"
"หายตอนที่เธอจะหายนั่นแหละ แค่เธอไม่ทำตัววุ่นวาย รู้จักนั่งอยู่กับที่ไม่เดินก่อนเวลาที่ควรจะเดิน แค่นี้ก็ไม่เป็นภาระฉันแล้ว ถามจริงเถอะเธอแกล้งเดินไปจนถึงบ้านไอ้วายุมันหรือเปล่า?"
มิวายที่จะถามในสิ่งที่ตัวเองข้องใจ เพราะจากที่ที่หญิงสาวอยู่เมื่อวานครั้งล่าสุดกับบ้านพักหมอวายุไกลกันเป็นโยชน์ ไม่บังเอิญไปหน่อยหรือไงที่พราวตะวันจะไปไกลขนาดนั้นได้
"พราวไม่รู้ว่าคุณกิตกำลังคิดอะไรอยู่ พราวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทางที่พราวหลงไปจะเป็นทางไปบ้านหมอวายุ พราวโชคดีต่างหากล่ะคะที่ไปเจอกับหมอวายุเข้า ถ้าหมอไม่มาช่วยพราวไว้ พราวก็คงจะนอนตายคาป่าสมใจคุณกิตไปแล้ว"
ดวงตาแดงก่ำจับจ้องมองใบหน้าของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าสามีในทะเบียนสมรส เหมือนเขาจะไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด แต่ไม่ว่าเขาจะคิดอะไร ไม่ว่าเขาอยากจะกล่าวหาอะไรเธอ แต่นั่นมันคือความจริงที่ไม่มีอะไรให้โกหกเลย เธอกลัวแทบสติแตกเมื่อคืน ทั้งความมืดที่ปกคลุม ทั้งเสียงฟ้าฝนที่กระหน่ำลงชวนให้หัวใจวายครั้งละ 100 รอบ แต่พอเห็นแสงไฟที่อยู่ไม่ไกล เธอต้องตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจนสุดเสียง แข่งกับเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าที่ไม่แน่ใจเลยว่าคนที่อยู่ในบ้านหลังนั้นจะได้ยินเธอหรือเปล่า แต่เหมือนว่าสวรรค์ยังเห็นใจเธออยู่ เมื่อเขาคนนั้นเดินออกมานอกประตูและบังเอิญได้ยินเสียงร้องขอของเธอเข้า จนเขาต้องรีบวิ่งฝ่าฝนมาดูสภาพที่เปียกปอนของผู้หญิงที่หลงป่ามาอย่างเช่นเธอ