ตอนที่8 ฝืนทน

1542 คำ
"ฉันจะเชื่อในสิ่งที่เธอพูดก็ได้ แต่เธอเข้าใจใช่ไหมพราวตะวัน เพราะเธอขึ้นชื่อว่าเป็นเมียฉัน ใช้นามสกุลฉันอยู่ เธออย่าคิดที่จะทำอะไรให้คนอื่นต้องนินทาให้ฉันได้ยินเด็ดขาด" "เขาจะมานินทาพราวทำไมคะ ในเมื่อพราวบริสุทธิ์ใจ เว้นเสียจากว่าคุณจะไม่เชื่ออะไรในสิ่งที่พราวพูดเลย แต่มันไม่สำคัญหรอกค่ะว่าคุณจะเชื่อหรือเปล่า เพราะพราวรู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นเมื่อคืนนี้" "ก็แค่นั้นแหละ แล้วเธอจะมาบีบน้ำตาร้องไห้ให้ฉันเห็นทำไม น่ารำคาญ ทำตัวเหมือนเด็กที่ทำผิดแล้วกลัวพ่อแม่ตีงั้นแหละ" สีหน้าและแววตาของพราวตะวันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดที่ได้เห็น บ่อยครั้งที่เธอร้องไห้แบบนี้ ร้องไห้เหมือนเด็กไม่รู้จักโต แต่รู้สึกสงสารแต่ทว่ากลับรู้สึกรำคาญใจมากกว่า "ขอร้องล่ะ ถ้าคุณกิตพูดกับพราวดี ๆ ไม่ได้ คุณก็ไม่ต้องมาพูดให้พราวต้องเสียความรู้สึกหรอกค่ะ พราวจะไม่ยุ่งวุ่นวายอะไรกับเรื่องของคุณทั้งนั้น แต่พราวขอนะคะช่วยพูดกับพราวดี ๆ สักครั้งเถอะ พราวรู้ว่าพราวไม่ได้มีค่า พราวรู้ว่าคุณกิตไม่เคยจะชอบหน้าพราวเลย แต่ถ้าคุณกิตเป็นพราวคุณกิตก็คงไม่อยากให้ใครต้องมาพูดจาเหยียดหยาม พูดเสียดสีเราได้ตลอดเวลาหรอกจริงไหมคะ?" ก็จริงอย่างที่หญิงสาวว่า เพราะตั้งแต่แต่งงานกันมาเขาก็ไม่เคยพูดจาดีกับเธอมาก่อน หลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นทำให้เขาไม่อยากพูดดีด้วยสักนิด เพราะความเห็นแก่เงินของคนตรงหน้าเลยทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพของคนที่มีพันธะแบบนี้ "เธอหิวหรือยัง ฉันจะได้ไปทำอะไรรองท้องให้เธอกินก่อน เดี๋ยวจะไปบอกลิ้นจี่ให้มาช่วยทำงานบ้านและดูแลเธอในตอนที่ฉันไม่อยู่" น้ำเสียงที่ดูแปรเปลี่ยน ทำให้พราวตะวันนั่งยิ้มทั้งน้ำตา อย่างน้อยเขาก็รับฟังในสิ่งที่เธอพูดอยู่บ้าง น้ำเสียงแบบนี้ค่อยน่าฟังขึ้นหน่อย ดีกว่าคำพูดจาแดกดันกันเป็นไหน ๆ เลย "อะไรก็ได้ค่ะ ง่าย ๆ ที่คุณกิตสามารถทำ" "รออยู่ตรงนี้นะ อยากได้อะไรบอกฉันก็แล้วกัน อย่าเดินเหินเอง ถ้าเธออยากหายเร็วกว่านี้" ดวงตาคมจับจ้องมองไปที่ข้อเท้าที่มีผ้าพันรอบ อย่างน้อยเธอก็กำลังเจ็บตัว หากเขาจะทำดีกับเธอบ้างก็คงไม่แปลกอะไร ร่างสูงเดินตรงไปยังครัวที่อยู่ไม่ไกลนัก เปิดตู้เย็นหาของมาเตรียมปรุงอาหาร เมนูง่าย ๆ เช่นไข่ตุ๋นเป็นสิ่งที่กิตติภพเลือกทำในเช้าวันนี้ พราวตะวันนั่งมองดูความคล่องแคล่วของพ่อครัวจำเป็น ทำให้เธอแอบเผลอยิ้มอย่างไม่รู้ตัว เวลาเขาไม่ดุ ไม่โมโห พูดจาดีกับเธอแบบนี้มันดีกว่ากิตตภพคนที่ชอบประชดประชันเธอมากกว่า ไม่น่าเชื่อเลยสักนิดนายหัวที่ทุกคนยำเกรงจะมีโหมดเข้าครัวทำอาหารให้กับคนป่วยอย่างเธอได้ลิ้มชิมรสมือ ตั้งแต่อยู่ร่วมบ้านด้วยกันมา เธอไม่เห็นเขาจะเข้าครัวทำอาหารอย่างตอนนี้เลยสักครั้ง ครึ่งชั่วโมงต่อมา อาหารเช้าง่าย ๆ ที่หน้าตาดูน่ารับประทานมาก ถูกวางลงตรงหน้าของหญิงสาว "ไม่รู้จะอร่อยถูกปากหรือเปล่า กินได้ก็กินกินไม่ได้ฉันจะได้เอาไปเทให้ด่างหน้าบ้านมันกิน" พราวตะวันถึงกับต้องหุบยิ้มลงในทันที อุตส่าห์ชื่นชมเขาอยู่เมื่อครู่ กลับต้องมารู้สึกแย่กับคำพูดกระแทกแดกดันแบบนี้ แม้จะเป็นเพียงคำพูดที่ไม่น่าใส่ใจเลย แต่กลับทำให้เธอรู้สึกไม่ดีเสียงั้น "ฉันขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ก่อน เธอก็รีบกินให้มันเสร็จล่ะ กินเสร็จแล้วกินยาด้วย ไอ้หมอมันบอกว่าเธออาจจะเป็นไข้ ตอนนี้ยังไม่เป็นก็ต้องป้องกันไว้ก่อน ฉันยังไม่อยากให้เธอตายคาบ้านฉันหรอกนะ" "ค่ะ พราวคงไม่ตายง่าย ๆ หรอก ขอบคุณนะคะสำหรับอาหารเช้า ขอบคุณที่เป็นห่วงพราว" "ฉันไม่ได้เป็นห่วง ฉันแค่ไม่อยากจะมีเธอมาเป็นภาระ ฉันมีงานให้ทำตั้งมากมาย ไม่มีเวลาที่จะมาดูแลคนป่วยได้ตลอด 24 ชั่วโมงหรอกนะพราวตะวัน" "พราวไม่รบกวนคุณกิตหรอกค่ะ ให้พี่ลิ้นจี่มาอยู่เป็นเพื่อนพราวทั้งตอนกลางวันและกลางคืนก็ได้ คุณกิตจะได้นอนพักผ่อน" "เดี๋ยวฉันค่อยตัดสินใจก็แล้วกัน เธอรีบ ๆ กินซะ กินได้ก็กินกินไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืนกิน" ทันทีที่พูดจบร่างสูงก็เดินหายกลับขึ้นไปบนชั้น 2 ของบ้าน พราวตะวันได้แต่มองตามหลัง พร้อมกับความรู้สึกมากมายที่กำลังก่อตัวขึ้น พยายามชินชากับทุกคำพูดของกิตติภพ แต่เธอไม่ใช่หินผาเธอถึงได้รู้สึกน้อยใจกับคำพูดเล็กน้อยที่เขาได้เอ่ยมันกับเธอ ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองถ้วยไข่ตุ๋นที่หน้าตาน่ารับประทานนั้นอีกครั้ง "ที่เขาทำให้กินเพราะเขากลัวเรามาตายในบ้านเขาหรอก เธออย่าเป็นภาระของคนอื่นนานนะพราว" ฝ่ามือเรียวจับช้อนตักไข่ตุ๋นในถ้วยเข้าปากทั้งน้ำตา รสชาติมันอร่อยมากหากว่าคนทำไม่พูดจาแบบนั้นด้วยเธอคงกินอย่างเอร็ดอร่อยมากกว่านี้ ได้แต่บอกตัวเองให้อดทน อดทนให้กับทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าวันนี้มันจะโหดร้ายมากมายสักแค่ไหนก็ตาม คนอื่นไม่เข้าใจก็ช่างแต่เธอรู้ที่ทนอยู่ทุกวันนี้อยู่เพื่อใคร..... สรุปแล้วกิตติภพให้ลิ้นจี่คอยมาดูแลพราวตะวันแค่ตอนกลางวัน ส่วนในเวลานี้บ้านทั้งหลังมีเพียงเขาและเธอเช่นเคย แต่วันนี้ผิดแปลกไปจากทุกครั้งเพราะว่าพราวตะวันต้องย้ายมาอยู่ที่ห้องนอนเขาชั่วคราว "ให้พราวนอนที่ห้องตัวเองก็ได้นะคะ พราวไม่อยากรบกวนคุณไปมากกว่านี้เลย" "แล้วถ้าเธออยากเข้าห้องน้ำล่ะ เธอจะกระโดดเป็นจิงโจ้ไปหรือว่าเธอต้องลงน้ำหนักให้ข้อเท้ามันเจ็บเรื้อรังไม่หายกลายเป็นภาระฉันไม่รู้จักจบสิ้นงั้นสิ?" พราวตะวันได้แต่จ้องมองหน้า เธอเหรอจะคิดแบบนั้น ถ้าเป็นไปได้ไม่เคยอยากอยู่เป็นภาระ หรือเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจมากสำหรับเขาแบบนี้หรอก "เดี๋ยวพราวไปนอนที่โซฟาก็ได้ค่ะ คุณจะได้นอนหลับสบาย" "ทำไม รังเกียจเตียงนอนฉันงั้นสิ ถึงจะมีผู้หญิงอื่นเคยมานอนบ้างแต่มันก็ถูกทำความสะอาดจนเรียบร้อยแล้ว เธอจะมากระแดะรังเกียจอะไรขนาดนั้นหรือว่ากลัวฉันทำอะไรเธอ ฉันบอกไว้เลยนะว่าฉันไม่เคยพิศวาสอะไรเธอเลย" ข้อนี้พราวตะวันรู้ดีเขาไม่จำเป็นต้องตอกย้ำก็ได้ เธอไม่ได้คิดอย่างที่เขากำลังคิดอยู่เพียงแค่รู้สึกไม่ชินที่จะต้องมาอยู่กับเขาสองต่อสองก็แค่นั้น "อย่าเรื่องมากอย่าเรื่องเยอะ พรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานอีก รีบเข้านอนได้แล้ว" "แล้วคุณกิตจะนอนที่ไหนคะ?" ร่างสูงถึงกับเท้าเอวจ้องมองหน้าเหมือนไม่พอใจ พราวตะวันงุดหน้าลงอีกครั้ง ก้มมองมือของตัวเองก่อนจะบีบกระชับเข้าหากันเบา ๆ "คิดว่าฉันต้องเป็นสุภาพบุรุษย้ายตัวเองไปนอนโซฟาแข็ง ๆ งั้นสิฝันไปเถอะ!" ก่อนที่ร่างสูงจะก้าวขาขึ้นไปนอนตะแคงข้างหันหลังให้กับภรรยาในสมรสของเขา เพียงเพราะขี้เกียจจะต่อปากต่อคำด้วย พราวตะวันทำได้แค่มองคนที่นอนตะแคงข้างหันหลังให้เธออยู่ด้วยความเกรงใจ สุดท้ายแล้วเธอจึงเลือกที่จะนอนตะแคงข้างหันหลังให้เขาเช่นกัน แสงไฟภายในห้องดับวูบลง มีเพียงไฟหัวเตียงเท่านั้นที่ส่องกระทบกับดวงหน้า หญิงสาวได้แต่นอนนิ่งไม่กล้าขยับ ครุ่นคิดมากมายกับหลาย ๆ เรื่องที่กำลังต้องเผชิญอยู่ในทุกวันนี้ นอกจากคืนเข้าหอที่จะได้อยู่ร่วมห้องกับเขาครั้งก่อน เห็นจะมีคืนนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เธอต้องมาอยู่ใกล้ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าสามีในสมรส เป็นความไม่คุ้นชิน เลยไม่รู้ว่าคืนนี้จะต้องข่มตาหลับไปได้อย่างไร ส่วนคนที่นอนอยู่ข้างกายเธอนั้นเพียงแค่ไม่กี่นาทีเสียงกรนเบา ๆ ก็ดังให้ได้ยินชวนให้โล่งใจไปเปราะหนึ่ง อย่างน้อยก็ไม่ต้องรู้สึกเกร็งเหมือนกับตอนที่เขายังนอนไม่หลับ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม