การกลับมา 1
สนามบินสุวรรณภูมิ
บริเวณผู้โดยสารขาเข้าร่างสูงโปร่งในกางเกงยีนเข้ารูปสวมบู้ทสั้นหุ้มข้อเน้นให้เห็นช่วงขาเรียวสวยและสะโพกผายดึงดูดสายตาท่อนบนสวมเกาะอกตัวสั้นเผยหน้าท้องแบนราบและสะดือสวยสวมทับด้วยแจ็กเก็ตยีนสีเดียวกับกางเกง ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นเผยโครงหน้างดงามจนทำให้ผู้โดยสารเพศตรงข้ามหลายคนแอบเหล่มองด้วยความสนใจ แต่เจ้าของเรือนร่างระหงที่มีสัดส่วนเย้ายวนใจไม่ได้มีอาการเคอะเขินเพราะชินกับการตกเป็นเป้าสายตา ในฐานะที่เคยครองตำแหน่งรองอันดับ 1 Miss Sexy Star และเคยทำงานอยู่ในวงการบันเทิง การตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนจึงไม่ใช่ปัญหาของกานต์พิชชา แม้เธอจะหมดสัญญากับต้นสังกัดและเดินทางไปตามความฝันที่ต่างประเทศถึงสองปีครึ่งแต่ก็ยังคงโลดแล่นในโลกโซเชียลมีเดียไม่ห่างหาย แถมยังมีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นทุกวันและยังรับงานอินฟูลเอนเซอร์ออนไลน์ตลอดและไม่เคยทิ้งดีกรีความเซ็กซี่ผ่านรูปถ่ายกิจกรรมต่างๆ ในโซเชียลมีเดียส่วนตัว
ดวงตาภายใต้แว่นกันแดดกวาดมองไปรอบๆ ก่อนที่ริมฝีปากสีชมพูสดจะแย้มยิ้มออกมาเมื่อเห็นมารดายืนอยู่บริเวณจุดนัดพบ กานต์พิชชารีบโผเข้าไปหามารดาที่กางแขนออกกว้างเป็นการต้อนรับลูกสาวคนเดียวกลับเมืองไทย
“คุณแม่” สองสาวต่างวัยกอดกันกลม
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ้ะลูกรัก” การะเกดกอดและหอมหัวลูกสาวเพียงคนเดียวอย่างรักใคร่สุดหัวใจ ตลอดเวลาที่กานต์พิชชาไปเรียนที่ออสเตรเลีย เธอมีโอกาสไปเยี่ยมแค่ครั้งเดียวเนื่องจากเป็นห่วงร้าน โชคดีที่สมัยนี้เทคโนโลยีก้าวหน้าจึงใช้การเฟซไทม์หากันทุกวันเพื่อบรรเทาความคิดถึง
“คิดถึงคุณแม่ที่สุดเลย”
“แม่ก็คิดถึงลูกจ้ะ”
“ไม่เจอกันนาน คุณนายการะเกดสวยขึ้นนะคะเนี่ย” กานต์พิชชาแกล้งแซวมารดา แต่ที่บอกว่าสวยนั้นคือเรื่องจริง
“แหม ไม่สวยก็เสียชื่อเจ้าของร้านเสริมสวยที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดหมดสิจ๊ะ” หลังจากเลิกรากับบิดาที่มารดามาทราบภายหลังว่าเขามีภรรยาอยู่แล้วจากการที่ภรรยาหลวงบุกมาอาละวาด มารดาของเธอก็ใจเด็ดพอที่จะหอบเธอกลับต่างจังหวัดและตัดขาดกับบิดาของเธอในทันที หลังจากคลอดเธอมารดาก็ไปเรียนเสริมสวยซึ่งเป็นสิ่งที่ชอบและถนัด หลังจากนั้นจึงมาเปิดร้านเล็กๆ และเป็นอาชีพที่ใช้เลี้ยงดูเธอมาโดยตลอด เพราะรักและสงสารมารดาเธอจึงตั้งใจเรียนให้เก่งเพื่อที่จะสอบได้ทุนช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายเพราะไม่อยากให้มารดาเหนื่อย
หลังเข้ามหาลัยเธอก็เริ่มเข้าสู่วงการพริตตี้ พอมีคนติดตามก็รับงานรีวิวต่างๆ จนเข้าสู่การประกวด พอเรียนจบเธอเก็บเงินได้ก้อนโตจึงน้ำเงินก้อนนั้นไปซื้อตึกแถวสองชั้นสองคูหาที่ทำเลอยู่ในเมืองให้มารดาเปิดร้านเสริมสวยเพื่อที่จะได้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น และเหนือสิ่งอื่นใดการมีร้านเสริมสวยครบวงจรคือความฝันอันสูงสุดของมารดา ดังนั้นวันที่เธอพาท่านไปโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมที่ดิน มารดาของเธอถึงกับร้องไห้ด้วยความดีใจและนั่นก็เป็นความภาคภูมิใจอันสูงสุดของเธอเช่นกัน เธอจ้างบริษัทอินทีเรียมาตกแต่งร้านให้สวยที่สุดตามมารดาต้องการและเป็นสปอนเซอร์ให้ท่านไปเรียนทักษะด้านต่างๆ เพิ่มจนตอนนี้ร้านการะเกดซาลอนกลายเป็นร้านเสริมสวยครบวงจร มีลูกค้ามาใช้บริการเนืองแน่นทุกวันจนต้องจองคิวและเป็นร้านดังประจำจังหวัด
เธอภูมิใจและดีใจมากที่ได้ช่วยสานฝันผู้เป็นแม่ให้เป็นจริงและสร้างอาชีพที่มั่นคงให้กับคนในครอบครัว เธออาจจะมีแนวคิดต่างจากลูกคนอื่นตรงที่ไม่ได้นิยมการยึดเอาภาระทุกอย่างในครอบครัวมาไว้ที่ตัวเองทั้งหมด แต่เธอชอบที่จะช่วยเหลือให้ทุกคนเลี้ยงดูตนเองได้อย่างมั่นคง เพราะหากวันใดที่ไม่มีเธอพวกเขาเหล่านั้นจะได้ไม่ลำบาก เพราะไม่มีอะไรการันตีว่าใครจะอยู่จะไปก่อนกัน ดังนั้นการที่ทุกคนยืนได้อย่างมั่นคงแข็งแรงด้วยตัวเองย่อมดีกว่า แต่เธอก็ยินดีที่จะดูแลมารดาหากวันไหนที่ท่านอายุมากจนทำไม่ไหว แต่กว่าจะถึงวันนั้นคงอีกนานเพราะมารดาของเธอยังแข็งแรงและรักอาชีพนี้ยิ่งกว่าสิ่งใด ท่านมีความสุขที่ได้บริการลูกค้าในทุกๆ วัน เธอเคยถามถึงการเปิดใจหาคนมาเคียงข้าง แต่ท่านก็ยืนยันหนักแน่นว่าได้ตั้งปณิธานกับตัวเองเอาไว้แล้วว่าชาตินี้จะไม่มีคู่ครองอีก ทุกวันนี้ท่านมีความสุขดีและรักตัวเองมากจนไม่เหลือพื้นที่หัวใจจะไปรักใครได้อีก แค่มีเธอเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
กานต์พิชชาใช้เวลาอยู่กับครอบครัวหนึ่งอาทิตย์ก็เดินทางกลับกรุงเทพ เธอแวะไปเยี่ยมครอบครัวเพื่อนรักพร้อมของฝากให้หลานสาวตัวน้อยและอยู่ทานข้าวกับครอบครัวของเพื่อน พิมพ์ลดามองลูกสาวตัวน้อยที่นั่งอยู่บนตักของเพื่อนรัก หนูน้อยรบเร้าให้เธอใส่ชุดกระโปรงสีชมพูฟูฟ่องที่น้ากั้งคนสวยซื้อให้ตั้งแต่บ่าย เพราะรู้ว่าคุณน้าคนโปรดจะมาหา สองสาวจุ๊บกันไปจุ๊บกันมาอยู่อย่างนั้นตามประสาคนที่คิดถึงกัน
“แล้วเธอวางแพลนชีวิตหลังจากนี้ไว้ยังไงบ้าง” พิมพ์ลดาถามเพื่อนถึงสิ่งที่จะทำหลังได้ไปเรียนหลักสูตรการทำเบเกอรี่ตามฝันจากสถาบันชื่อดังที่ประเทศออสเตรเลีย
“ฉันก็คงรับงานรีวิวต่างๆ ตามเดิมพร้อมกับขายขนมออนไลน์ไปก่อน หลังจากนั้นค่อยขยับขยายเปิดร้าน” ตั้งแต่ไปเรียนต่างประเทศ เธอก็เปิดช่องทางโซเชียลมีเดียเพิ่มอีกหนึ่งช่องเพื่อเอาไว้ลงคลิปทำขนมต่างๆ จนมีผู้ติดตามไม่น้อยและหลายๆ คนต่างเฝ้ารอจะได้ชิมขนมของเธอ ซึ่งมีทั้งแฟนคลับที่ตามมาสนับสนุนและคนที่รักการทานของหวาน
“ดีเลย ฉันจะเป็นอินฟูลฯ ที่รีวิวให้เธอคนแรกเลยและดูเหมือนว่าจะมีคนแถวนี้พร้อมเป็นลูกค้าเธอสุดๆ เพราะขยันดูคลิปที่เธอลงทุกวันแล้วก็อ้อนให้พ่อเขาซื้อให้” พิมพ์ลดาแอบเผาลูกสาวให้เพื่อนรักฟังว่าหลังจากที่ดูคลิปเบเกอรี่น่ากินๆ ของน้ากั้งคนสวยเมื่อไหร่ จะต้องอ้อนให้ผู้เป็นพ่อซื้อมาให้ทุกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าทาสลูกสาวแบบสามีเธอนั้นไม่เคยขัดคำร้องขอของลูกสาวสุดที่รักและภารกิจหนักก็จะมาตกอยู่ที่เธอ ที่ต้องหลอกล่อหนูน้อยให้กินข้าวก่อนถึงจะทานขนมได้
“กินขนม น้องแพมอยากกินขนมที่น้ากั้งทำค่ะ”
“ได้สิคะ เดี๋ยวน้ากั้งจะให้น้องแพมชิมเป็นคนแรกเลยดีไหมคะ”
“เย้ ดีค่ะ” เสียงโทรศัพท์ของพิมล์ลดาที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น เมื่อเห็นรูปที่โชว์หน้าจอก็รีบบอกลูกสาว
“คุณพ่อโทรมาค่ะ” ได้ยินดังนั้นหนูน้อยก็รีบลงจากตักน้ากั้งคนสวยไปคุยกับบิดาผ่านเฟซไทม์
“คุณพ่อขา จะกลับหรือยังคะ”
“จะกลับแล้วค่ะ พ่อโทรมาถามว่าน้องแพมจะเอาขนมไหมคะ”
“น้องแพมอยากทานขนมอะไรคะ เดี๋ยวลุงทิมซื้อให้เอง” เสียงที่แทรกเข้ามาในโทรศัพท์ทำให้กานต์พิชชารู้สึกหัวใจกระตุกเพราะคาดไม่ถึงว่าเขาจะอยู่ในสายด้วย แต่หนูน้อยพิมพ์พิศากลับกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจที่เห็นหน้าคุณลุงสายเปย์ที่มักซื้อของเล่นมาให้ตัวเองบ่อยๆ
“เอาทาร์ตผลไม้ค่ะ เอามาเยอะๆ เลยนะคะลุงทิม น้องแพมจะเอามาแบ่งน้ากั้งด้วย” คำพูดไร้เดียงสาของหนูน้อยทำให้ผู้ใหญ่ที่ได้ฟังต่างรู้สึกต่างกันไป กานต์พิชชารู้สึกหน้าร้อนวูบด้วยความอายที่หลานสาวบอกให้เขาซื้อขนมมาเผื่อเธอซึ่งเธอคงเป็นคนสุดท้ายในโลกที่เขาจะคิดอยากซื้อมาฝาก ส่วนบิดาของหนูน้อยได้แต่อมยิ้มกับคำพูดของลูกสาว ภัทรเหล่มองเพื่อนสนิทที่อึ้งไปเพราะคงไม่คิดว่าลูกสาวของเขาจะมีเพื่อนอยู่ด้วย เพราะเขาไม่ได้บอกว่ากานต์พิชชาจะแวะมาทานอาหารเย็นด้วยในวันนี้ แต่ฐิติก็กลบเกลื่อนสถานการณ์ได้อย่างแนบเนียน
“ได้สิคะ เดี๋ยวลุงทิมซื้อให้นะคะ” ยามพูดกับหลานสาวตัวน้อยฐิติมักใช้คำพูดหวานหูคะขาเสียงสองแบบที่ภัทรเคยค่อนขอดว่าคงใช้เสียงแบบนี้กับสาวๆ เช่นกันสาวถึงได้ติดทั่วบ้านทั่วเมือง หลังวางสายจากลูกสาวภัทรก็หันมามองเพื่อนรักที่กำลังจ้องเขม็งมาที่เขา
“อะไรของแกไอ้ทิม จ้องฉันแบบนี้หมายความว่าไง”
“ทำไมแกไม่บอกฉันว่ากั้งอยู่ที่บ้าน”
“อ้าว ใครจะไปรู้ล่ะว่าแกจะสนใจ เห็นเจอกันตอนงานวันเกิดน้องแพมเมื่อหกเดือนก่อนแกยังไม่สนใจไม่ทักทายคุณกั้งเขาสักคำ”
“เขาก็ไม่ทักฉันเหมือนกัน”
“อ้อ รับบทพ่อแง่แม่งอนว่างั้น ฉันจะบอกแกไว้อย่างนะไอ้ทิม ขืนแกมัวท่ามากทำฟอร์มแบบนี้ แกจะเสียคุณกั้งไปเพราะคุณกั้งน่ะทั้งสวยทั้งเซ็กซี่ เชื่อได้เลยว่าหนุ่มๆ จ้องตาเป็นมันแน่ หรือถ้าแกไม่สนไม่แคร์ก็แล้วไป ฉันจะกลับบ้านไปหาลูกหาเมียแล้ว แกจะซื้อขนมให้ลูกฉันก็รีบๆ เลย”
กานต์พิชชาอยู่ทานอาหารเย็นและนั่งคุยเม้าท์มอยกับพิมพ์ลดาตามประสาเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันมานาน ก่อนจะลากลับเมื่อเวลาสองทุ่มเพราะมีนัดกับซินดี้ ที่พอรู้ว่าเธอกลับมาเมืองไทยแล้วก็โทรมานัดเจอทันที เธอบอกลาเพื่อนสนิทและสามีสุดท้ายก็กอดลาสาวน้อยที่มีอาการงอแงนิดหน่อยเมื่อรู้ว่าเธอจะกลับ
“น้ากั้งกลับก่อนนะคะ เดี๋ยวน้ากั้งมาหาใหม่นะคะคนเก่ง” กานต์พิชชาปลอบหนูน้อยที่ใช้สองขาเกี่ยวเอวเธอและใช้สองแขนกอดคอไว้แน่น
“แต่น้องแพมยังไม่อยากให้น้ากั้งกลับ” หนูน้อยเริ่มเบะจนมารดาต้องเข้ามาปลอบ
“น้องแพมมาหาแม่มาลูก น้ากั้งต้องกลับแล้ว เราไปส่งน้ากั้งที่รถกันนะคะ” พิมพ์ลดาปลอบลูกสาวอย่างอ่อนโยน
“เราส่งน้ากั้งแล้วขึ้นไปอาบน้ำกัน วันนี้แม่จะเล่านิทานให้ฟังสองเรื่องเลยโอเคไหมคะ” หนูน้อยลังเลนิดหน่อยก่อนจะยอมโผเข้าหามารดาที่กางแขนรอรับ สามคนพ่อแม่ลูกเดินตามมาส่งกานต์พิชชาที่รถ
“บ๊ายบายน้ากั้งก่อนค่ะ” หนูน้อยยกมือเล็กโบกไปมาตามคำบอกของมารดา
“บ๊ายบายค่ะ เดี๋ยวน้ากั้งมาหาใหม่นะคะ” กานต์พิชชาขับรถออกมาจากบ้านของเพื่อนรัก เธอปรายตามองกระจกมองหลังเห็นภาพพ่อแม่ลูกแสนอบอุ่นยืนส่งเธอที่หน้าบ้าน ส่วนหนูน้อยพิมพ์พิศานั้นยังโบกมือหยอยๆ ให้เธอ หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูและแวบหนึ่งก็อยากมีครอบครัวอบอุ่นแบบนี้บ้าง ถ้าเธอมีลูกสาวน่ารักๆ แบบน้องแพมจะเป็นยังไงนะ เธอชอบเด็กผู้หญิงและคงจะเป็นคุณแม่ที่มีความสุขที่สุดในโลกหากมีลูกสาวน่ารักน่าชังแบบนี้ ทันใดนั้นใบหน้าของใครคนหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในความคิดและเป็นคนที่เธอไม่ควรจะนึกถึงมากที่สุด
แลมโบกินีสีเทาจอดนิ่งสนิทเหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง ฐิตินั่งอยู่ที่นั่งคนขับเคาะนิ้วบนพวงมาลัยเบาๆ ก่อนจะยกข้อมือที่ประดับด้วยนาฬิการาคาแพงระยับขึ้นดูเวลา เป็นจังหวะเดียวกับที่บีเอ็มดับเบิลยูสีขาวเลี้ยวออกมาจากซอยอันเป็นที่ตั้งของบ้านเพื่อนสนิท ชายหนุ่มขับตามไปช้าๆ โดยไม่ให้คลาดสายตา เมื่อเห็นรถความคิดถึงและโหยหาผู้เป็นเจ้าของก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น รถคันนี้เขาเป็นคนจ่ายเงินซื้อมันเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้กับผู้เป็นเจ้าของและจำได้ไม่ลืมว่าคืนนั้นเจ้าของหมาดๆ ขอบคุณเขาด้วยความเร่าร้อนเพียงใด ความหลังอันแสนหวานและเร่าร้อนผุดขึ้นมาพร้อมกับความปวดร้าว เมื่อมันมาพร้อมกับความทรงจำถึงวันที่เธอนำกุญแจมาคืนเขาในวันที่เป็นฝ่ายขอเลิกรา
‘ผมไม่ใช่ไอ้กระจอกที่ให้ของผู้หญิงแล้วจะทวงคืน ผมให้แล้วให้เลย แต่ถ้าคุณอยากจะทิ้งขว้างมันเพราะไม่ต้องการก็ตามใจคุณ แต่ผมขอเตือนถ้าคุณพยายามจะเอามันมาคืนผมไม่ว่าวิธีใด เราจะได้เห็นดีกัน’ คำขู่นั้นคงเป็นเหตุผลเดียวที่กานต์พิชชายังคงใช้รถยนต์ที่เขาเป็นคนซื้อให้ ไม่อย่างนั้นเธอคงจะพยายามหาวิธีนำมันมาคืนเขาจนได้ ฐิติไม่อาจปฏิเสธว่าลึกๆ เขาดีใจที่เธอไม่ได้ขายมันทิ้งไป อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้เกลียดเขาจนไม่อยากเก็บไว้แม้แต่สิ่งของที่เขาซื้อให้
มาแล้วจ้าาาาา ไหนใครรอคุณทิมกับกั้งอยู่บ้าง วันนี้ได้ฤกษ์นำมาส่งสู่อ้อมอกอ้อมใจนักอ่านทุกท่านแล้วนะคะ หวังว่าจะชอบกันนะคะ