“คุณวชรวรรษคะ!”
บุษบามินตราที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในห้องทำงานของจีเอ็มก็ก้าวตรงมายังอีกฝ่ายแล้วก้าวฉับๆ ตรงไปหาร่างสูงใหญ่ที่ก้มหน้าเซ็นเอกสารด้วยสีหน้าเรียบเฉยด้วยสีหน้าถมึงทึง
ทว่าพออีกฝ่ายได้ยินเธอเรียกอย่างนั้นก็พลันขมวดคิ้ว จ้องมองเธอด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ
“เรียกพี่เหมือนเดิมสิมิ้นต์ ไม่ต้องเรียกชื่อจริงก็ได้มั้ง พี่ไม่ลืมหรอกว่าตัวเองชื่อจริงว่าอะไร”
คำเหน็บแนมนั้นทำให้หญิงสาวถลึงตาใส่เขาอย่างห้ามไม่อยู่
“แต่นี่เป็นที่บริษัทนะคะ” หญิงสาวอ้าง
“ถึงจะเป็นบริษัท แต่พี่ก็มีข้อยกเว้นให้กับเมียอยู่แล้วละ มิ้นต์ไม่ต้องเคร่งครัดขนาดนั้นก็ได้”
โอ๊ย เธอจะบ้าตาย!
คำพูดของวชรวรรษทำให้ใบหน้าของเธอพลันร้อนผ่าว เธอไม่ได้เขินหรืออาย แต่เธอโกรธ!
เมียอะไรกัน ทำไมพูดออกมาไม่อายปากบ้าง ดีที่ไม่มีคนได้ยิน ไม่อย่างนั้นเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!
“หนูยังไม่ใช่เมียพี่นะ อย่าพูดอย่างนั้นหนูเสียหาย”
เธอประท้วง แต่ดูเหมือนจะสะกิดต่อมโทสะของคนตรงหน้า เพราะเขาวางปากกาในมือกระแทกลงกับโต๊ะเสียงดังปึง แล้วผุดลุกมาเผชิญหน้ากับเธอที่อยู่ตรงข้ามโดยมีโต๊ะตัวใหญ่กางกั้นอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวบุษบามินตราก็ถูกคนตัวสูงที่ก้าวเหมือนว้าบมาหยุดต่อหน้าจับต้นแขนบีบแน่น ใบหน้าหล่อเหลากระชากใจสาวๆ นั้นโน้มเข้ามาใกล้เธอจนห่างกันไม่กี่นิ้ว
“มิ้นต์คิดว่าตัวเองเสียหายงั้นเหรอ ทั้งๆ ที่คนเสียหายคือพี่ หรือมิ้นต์จะเบี้ยวสัญญาของเรา?”
ดวงตาคมกริบสีนิลคู่นั้นมองเธอหรี่แคบลง บุษบามินตราตัวสั่นเทาขึ้นมาทันที ท่าทางเก่งกล้าก่อนหน้านี้หายวับไปทันตา
“หนูไม่ได้เบี้ยว แต่หนูคิดว่ามัน...”
“มันทำไมเหรอครับ”
ฮือ...อย่าพูดสุภาพด้วยสีหน้าน่ากลัวแบบนั้นสิ
เธอได้แต่ครวญครางในใจด้วยความหวาดกลัว ถึงอย่างไรก็ไม่เคยลืมว่าคนตรงหน้าคือคนที่เธอแพ้ทางมากที่สุดในชีวิต
“มันเร็วไป...หนูคิดว่ามันเร็วไปน่ะค่ะ หนู...” เธออึกอักแก้ตัว ไม่รู้ทำไมก่อนหน้านั้นคิดจะเอาเรื่องเขาแท้ๆ ตอนนี้กลับกลายเป็นถูกเขาไล่ต้อนอย่างนี้
ไอ้มิ้นต์เอ๊ย! แกต้องอย่ายอมให้อีพี่เดย์มันพานอกเรื่องสิ!
“เร็วอะไรกัน อีกอย่างมิ้นต์อย่าลืมว่าเราสองคนก็มีอะไรกันไปแล้วนะ หรือมิ้นต์จะไม่รับผิดชอบในสิ่งที่มิ้นต์ก่อ” เขามองหน้าเธออย่างข่มขู่ พอบุษบามินตราส่ายหน้ายิกๆ ปฏิเสธวชรวรรษกลับทำหน้าไม่เชื่อถือเสียอย่างนั้น แถมยังเอ่ยต่อไปว่า “พี่ว่าพี่ไม่น่าเชื่อใจเลยว่ามิ้นต์จะรักษาสัญญา พี่บอกหม่าม้าพี่กับพ่อมิ้นต์เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราดีกว่า มันจะได้จบๆ กันไป”
พูดจบเขาก็ปล่อยมือจากเธอตั้งท่าจะเดินออกไป
“เดี๋ยวววว!!!”
บุษบามินตราที่ตอนนี้เป็นฝ่ายกระโจนเข้าไปกอดแขนล่ำๆ ของวชรวรรษรั้งเอาไว้เสียเองก็ร้องห้ามดังลั่นห้อง
พอเขาหยุด เธอก็รีบบอกต่อไปเสียงสั่นทันที
“พี่เดย์ใจเย็น หนูยังไม่ได้ไม่รักษาสัญญาอะไรเลยนะ พี่ใจเย็นแล้วให้เวลาหนูก่อนน้า ไหนรับปากกันแล้วไง หนูยังแคปไลน์ที่เราคุยกันเป็นสัญญาไว้อยู่นะ พี่อย่าเพิ่งบอกพ่อหนูกับคุณหญิงป้าเรื่องเราเลย”
“ช้าเร็วก็ต้องรู้ งั้นรีบบอกเถอะ”
ชายหนุ่มทำท่าจะไม่ยอม ขณะที่คนตัวเล็กกว่าถึงกับหน้าผิดสีไปทันที
“หนูขอโทษที่ดื้อกับพี่ พี่ต้องการอะไรบอกหนูมาได้เลย หนูจะไม่ขัดใจพี่เลย”
หญิงสาวรีบโพล่งออกไปด้วยท่าทีร้อนรน ขณะที่คนตัวโตกว่าหันมาเผชิญหน้ากับเธอ สีหน้าของเขาทั้งระอาใจและหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก
“นะคะ” คนตัวเล็กกว่าอ้อนอย่างที่ไม่เคยทำกับเขามาก่อน ทว่าตอนนี้มารยาหญิงมีเท่าไรงัดมาให้หมด ไม่อย่างนั้นเธอจะตกที่นั่งลำบากแน่ ถ้าเกิดพ่อรู้เรื่องนี้เข้าอาจจะด่าว่าเธอที่ทำให้วชรวรรษแปดเปื้อน แถมอาจจะยอมขายทรัพย์สินที่ควรจะเป็นมรดกของเธอทั้งหมดเพื่อไปสู่ขอหมอนี่ก็เป็นได้! โอ๊ย แค่คิดเธอก็ปวดใจแล้ว โถ...มรดกอันน้อยนิดของเธอ
“พี่จะทำยังไงกับเราดีเนี่ย”
เขาบ่นด้วยสีหน้าอ่อนใจ แต่ท่าทีขึงขังเอาจริงที่คลายลงก็ทำให้บุษบามินตรารีบคลี่ยิ้มเอาใจคนเผด็จการทันที “ทำดีกับมิ้นต์ไง ให้เวลามิ้นต์หน่อย พี่ก็รู้ว่าเราไม่ค่อยถูกกันมาก่อน มิ้นต์ก็ปรับตัวไม่ทันอะ ให้เวลามิ้นต์บ้าง”
ไม่รู้ทำไมตอนเธอพูดสิ่งที่คิดออกไปตรงๆ นั้นวชวรรษเหมือนจะหน้าเสียไปวูบหนึ่ง แต่พอเธอกะพริบตาก็จางหายไปจนเธอคิดว่าตัวเองคงตาฝาดไป
“พี่ก็ทำดีกับเรามาตลอดนั่นแหละ เราไม่เห็นเอง”
คำพูดนั้นทำให้บุษบามินตราตาโต ข่มกลั้นไม่อยู่อีกต่อไป
“โห...ถ้าการแกล้งมิ้นต์ตั้งแต่เด็กยันโตคือทำดี ไนต์มันคงเป็นเทวดาของมิ้นต์ไปเลยน่ะสิ”
“อย่าเอาพี่ไปเทียบกับไอ้ไนต์!!!”
จู่ๆ คนตัวโตกว่าก็ตวาดเสียงดัง สีหน้าอ่อนลงเมื่อครู่พลันเต็มไปด้วยความไม่ชอบใจจนบุษบามินตราถึงกับสะดุ้งโหยง เธอมองเขาด้วยสีหน้าตกใจกับอารมณ์แปรปรวนของคนตรงหน้า
“พี่...เดย์”
หญิงสาวเรียกเขาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว ทำให้คลายสีหน้าดุดันเพราะโดนแทงใจดำลง
“โทษที แต่พี่แค่ไม่ชอบ”
“...”
“มิ้นต์เป็นคนของพี่ และพี่ไม่ชอบที่มิ้นต์จะเห็นใครดีกว่าพี่ ต่อให้คนนั้นเป็นไอ้ไนต์ก็ตาม”
“แต่ไนต์...”
“พี่รู้ว่ามิ้นต์รักไนต์”