ตอนที่ 5 แค่เกม
“รินทร์”
หลังจากที่ผมถูกคนทั้งโลกหันหลังใส่ ในช่วงบ่ายของวันหนึ่งเสียงของใครบางคนซึ่งคุ้นหูเอ่ยเรียกดังมาจากหน้าประตูห้องนอน ผมยกหัวอันปวดมึนและร่างกายอันอ่อนแรงเพราะขาดอาหารมานานหลายวันลุกขึ้นไปเปิดประตู
“ปาร์ค” คู่จิ้นในโลกมายาของผมปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าบานประตูใหญ่ ใบหน้าคมหล่อเหลาของนักแสดงหนุ่มนั้นทำให้ผมปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง
“รินทร์....เป็นยังไงบ้าง”
“ฮึก...ขอโทษ รินทร์ขอโทษนะ” ผมทรุดตัวลงนั่งอยู่ตรงหน้าแล้วพร่ำขอโทษคนที่ผมมีส่วนดับอนาคตของเขา ซีรีส์เรตติ้งแรงที่มันควรจะต้องฉายตอนจบในคืนวันนี้และมีคอนเสิร์ตใหญ่ มีงานแฟนมีตติ้ง มีกิจกรรมพบปะแฟนคลับมากมาย ทุกอย่างพังพินาศไปเพราะผมเพียงคนเดียว
“รินทร์ขอโทษ....”
“ไม่เป็นไร ไม่เอาไม่ต้องร้องไห้นะ” ฝ่ามืออุ่นๆ วางลูบลงมาพร้อมคำปลอบโยน ท่อนแขนอันว่างเปล่ารั้งให้ผมเข้าไปซบอยู่กับอกกว้าง โดยมีเสียงกระซิบอ่อนโยนปลอบประโลมใจให้คลายเศร้า
“รินทร์ขอโทษ...ขอโทษ”
“ไม่เป็นไร”
“รินทร์ไม่ได้ทำนะ...รินทร์ไม่ได้ทำ”
“อืม....ปาร์คเชื่อใจรินทร์”
คำพูดประโยคสั้นทำให้ผมถึงกับต้องเงยหน้าแหงนคอขึ้นไปมองเจ้าของหัวไหล่แข็งที่ผมใช้มันซับน้ำตาอยู่ในเวลานี้ หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ปาร์ค คือผู้ชายคนแรกและเป็นคนเดียวที่พูดคำว่า “เชื่อใจ” ออกมาให้ผมได้รับรู้
“แน่ใจเหรอรินทร์ว่าจะไม่ให้ปาร์คขึ้นไปด้วย”
“เรื่องนี้มันเป็นปัญหาของรินทร์ รินทร์ไม่อยากทำให้ปาร์ค ต้องมาเจอข่าวแย่ๆ หรือต้องมาพลอยเสียหายไปด้วย แค่ปาร์คมาส่ง รินทร์ที่นี่ก็ขอบคุณมากแล้ว” ผมหันไปส่งยิ้มขอบคุณเพื่อนเพียงคนเดียวที่ผมเหลืออยู่ในตอนนี้แม้เราสองคนจะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานอีกทั้งการถูกจับคู่จิ้นนั้นมันก็เป็นเพียงการแสดงละครฉากหวานเพื่อเรียกเรตติ้งตบตาแฟนคลับและคนดู แต่ใครเลยจะรู้ว่าปาร์คคือคนเพียงคนเดียวที่กล้าเดินฝ่ามรสุมข่าวฉาวทั้งหลายเข้ามาหาผมอย่างจริงใจ
“ถ้าอย่างนั้น...ปาร์ครออยู่ข้างล่างนะ”
“ไม่เป็นไรปาร์คกลับเถอะ ขากลับเดี๋ยวรินทร์เรียกแท็กซี่ได้ รินทร์ไม่อยากให้ใครมาเจอปาร์คที่นี่”
“แต่ว่า....”
“รินทร์ไม่เป็นอะไรจริงๆ”
ผมยืนมองตึกสูงเบื้องหน้าผ่านแว่นตากันแดดสีเข้ม แม้เวลานี้มันจะดึกจนเกือบเลยเที่ยงคืนไปแล้ว แต่ผมยังเลือกที่จะสวมมันเอาไว้เพื่อใช้อำพรางใบหน้าและสายตาจากผู้คน ทั้งเสื้อฮูทตัวใหญ่หมวกใบเก๋และแมสปิดบังใบหน้าสีดำสนิท จนมั่นใจว่าคงไม่มีใครจดจำดารินทร์ คนนี้ได้ ผมยกมือขึ้นเพื่อหวังจะใช้มันกดปุ่มสัญญาณบอกกล่าวเรียกหาคนที่อยู่ภายในห้องให้รับรู้เหมือนครั้งก่อน หากแต่ประตูนั้นกลับถูกดึงให้เปิดออกพร้อมกับเจ้าของห้องซึ่งยืนส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ตอบกลับมาจากภายใน
“มาแล้วเหรอ ฉันรอเธออยู่ตั้งหลายวันนะ” เจ้าของห้องพักเอ่ยทักทายผมทันทีเมื่อเราพบหน้ากัน
“รอผมอย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่...”
“คุณครามผมต้องการพูดกับคุณยังลูกผู้ชาย คุณน่าจะรู้เรื่องของผมบ้างแล้ว” ผมเปิดประเด็นโยงเข้าเรื่องถึงสาระสำคัญในการตัดสินใจเสี่ยงตายมาหาเขาในคืนวันนี้ทันที
“ต่อให้ฉันไม่อยากรู้ ก็มีคนส่งข่าวของเธอมาให้ฉันดูอยู่ดี เอาล่ะบอกฉันสิว่าคืนนี้เธอมาหาฉันทำไมหรือว่ายังติดใจเรื่องคืนนั้นอยู่” สายตาเหมือนหมาป่าเจ้าเล่ห์ของพี่เขยไฮโซมองมายังผมพร้อมกับเท้า คู่หนาขยับออกมายืนอยู่เบื้องหน้ากลางโถงทางเดินส่วนกลาง
“ผมไม่ได้ติดใจอะไรคุณทั้งนั้น แต่ที่ผมมาเพราะยังมีเรื่องค้างคาใจ คลิปทุเรศนั่นมันถูกถ่ายขึ้นภายในห้องนอนของคุณ ผมอยากรู้ว่าคุณใช้วิธีสกปรกอะไรและทำไมคุณถึงทำกับผมแบบนั้นและผมหวังว่า... คุณคงไม่ใช้คำพูดปฏิเสธว่าคุณไม่รู้เรื่องหรอกนะ” ผมชักเท้าก้าวถอยหลังพาตัวเองออกห่างจากผู้ชายคนนี้จนด้านหลังนั้นสัมผัสได้ถึงผนังทางเดินอันเย็นเฉียบ
“เพื่อจำลองเหตุการณ์ในคืนวันนั้นให้สมจริง เธอน่าจะเข้าไปในห้องนั้นกับฉันอีกครั้งนะ”
“ไม่! ผมจะยืนคุยกับคุณตรงนี้” ผมขยับตัวแนบแผ่นหลังชิดไปกับผนังทางเดินให้มากขึ้น เฝ้ามองดวงตาขบขันชอบใจจากคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจ
“เธอไม่กลัวคนอื่นมาเห็นเหรอ”
“คนเห็นแล้วยังไง ผมยืนอยู่นอกห้อง ส่วนคุณยืนอยู่ตรงนั้น เราไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวกันเลยด้วยซ้ำ” ผมเบียดตัวเองถอยกรูดรูดแผ่นหลังไปตามผนังอันเย็นเฉียบเพื่อเว้นช่องว่างระยะห่างระหว่างเราสองคนให้มากขึ้น
“รู้อะไรมั้ยดารินทร์ เธอเป็นนักแสดงแต่เธอกลับไม่รู้กลไกการตลาดหรือการทำงานของสื่อเลยแม้แต่น้อย ต่อให้เธอยืนอยู่ที่ลานจอดรถชั้นล่าง นักข่าวเขาก็เขียนให้เธอมานอนอยู่บนเตียงของฉันได้ หรือต่อให้เธอยืนอยู่ตรงนั้น นักข่าวเขาก็เขียนว่า...เธอเข้ามาหาฉันในห้องอยู่ดีเพราะฉะนั้นอย่ามัวมาเสียเวลายืนให้เมื่อยขาอยู่เลย เข้าไปข้างในเถอะ อย่างน้อยคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเขาจะได้ไม่เห็นเธอและไม่ได้ยินสิ่งที่เราสองคนจะคุยกันนับจากนี้”
เจ้าของรอยยิ้มมีเสน่ห์กระตุกมุมปากยกขึ้น จากนั้นจึงหันหลังเดินกลับเข้าไปภายในห้องพักแล้วทิ้งผมให้ยืนกระอักกระอ่วนอยู่ด้านนอกนานครู่หนึ่งกว่าผมจะต้องยอมรับว่าสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นพูดมาเป็นเรื่องจริง โลกมายาใบนี้ความจริงมันไม่ได้สำคัญเท่าเรตติ้งและตัวเงินที่จะได้มาจากการขายข่าวยิ่งฉาวเท่าไหร่มันก็ยิ่งกระตุ้นความสนใจและความอยากรู้อยากเห็นของคนที่ใส่ใจเรื่องของคนอื่น ยิ่งเป็นเรื่องเหม็นโฉ่แบบนี้รับรองว่ายอดไลค์ยอดแชร์นั้นทำให้ยิ้มหน้าบานเผลอๆ ผมอาจจะได้แฮชแท็กใหม่แทนชื่อเดิม #ดารินทร์เล่นชู้ ก็เป็นได้
“มานั่งคุยกันตรงนี้สิ” เจ้าของห้องเชื้อเชิญผายมือไปยังโซฟาใหญ่ ก่อนที่ร่างสูงจะเดินไปหยิบขวดเหล้ามาจากบาร์ก่อนจะเปิดฝาแล้วเทน้ำสีน้ำตาลทองลงไปภายในแก้วใบสวย ท่าทางสุขสบายผ่อนคลายกับสีหน้าเรียบเฉยของเขาทำให้ผมอึดอัดแปลกๆ
“ดูคุณไม่ทุกข์ร้อนกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลยนะครับ”
“ฮึ...ดารินทร์ ฉันเป็นนักธุรกิจ อะไรที่ฉันตัดสินใจทำลงไป ถ้าหากมันจะทำให้ฉันเสียเปรียบหรือว่าขาดทุน ฉันจะไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงเด็ดขาด”
“แต่เรื่องนี้คุณมีแต่เสียกับเสีย พี่รัณกำลังจะฟ้องหย่าเพราะเรื่องในคืนนั้น ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของธุรกิจคุณ...คุณจะบอกว่าคุณไม่ได้เสียหายอะไรจากสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอครับ” ผมยังคงยืนอยู่ห่างออกมาจากเจ้าของห้อง แม้ว่าภายในห้องนี้จะมีเพียงเราสองคนแต่ผม ก็เข็ดหลาบกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนไม่อาจวางใจเข้าใกล้ผู้ชายคนนี้ได้อีก
“ใช่ ดารัณยื่นฟ้องหย่าฉันด้วยข้อกล่าวหาว่าฉันคบชู้ซึ่งก็คือเธอ หลักฐานแน่นหนาแทบดิ้นไม่หลุดเลยล่ะ เรียกค่าเสียหายเงินชดเชยจากชื่อเสียงที่เสียไป เธอรู้ไหมว่าพี่สาวเธอต้องการเงินจากฉันเท่าไหร่...” ร่างสูงหย่อนกายลงไปนั่งไขว่ห้างอย่างสบายใจก่อนที่มือข้างหนึ่งซึ่งว่างอยู่จะเอื้อมไปหยิบรีโมททีวีแล้วกดมันให้เปิดขึ้นแล้วเลื่อนช่องไปมาอย่างใจเย็น
“ผมไม่อยากรู้...ไม่อยากรู้...แล้วทำไมคุณถึงไม่ปฏิเสธว่าเรื่องระหว่างเรามันไม่เป็นความจริง ผมรู้นะว่าคืนนั้นคุณกับผมเราไม่ได้มีอะไรกัน” ผมขยับเท้าเดินถอยหลังไปยืนชิดโต๊ะตัวหนึ่งซึ่งด้านบนวางของประดับทำด้วยทองเหลืองเอาไว้
“ใครบอกเธอว่าเราไม่มีอะไรกัน...” ใบหน้าคมเหลียวหันกลับมาส่งยิ้มให้ ดวงตาเจ้าเล่ห์ร้ายกาจนั้นสั่นคลอนความเชื่อมั่นในตัวผมจน มันเกือบไม่มีเหลือ
“คุณหมายความว่ายังไง”
“คลิปพวกนั้นยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ”
“ถึงคลิปนั้นมันจะดูเหมือนว่าเราสองคนมีอะไรกัน แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ คุณเองก็รู้นี่” ผมยืนกรานเสียงแข็งหนักแน่น มือหนายื่นออกไปเบื้องหน้าก่อนจะกดปุ่มเล็กๆ บนรีโมทในมือ ภาพบนจอทีวีเปลี่ยนฉายเป็นภาพคลิปวิดีโอเจ้าปัญหาที่ผมไม่กล้าหันไปมองมันเต็มสายตานักเพราะรู้สึกกระดากอายเหลือเกิน ระดับความดังของเสียงถูกเร่งขึ้นสุดเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์จนผมได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของคนที่กำลัง ซุกจมูกจูบลงมาตรงซอกคอของผมบนจอสี่เหลี่ยม
“เธอมั่นใจได้ยังไง...”
“มั่นใจสิเพราะผม...ผม...ผมอ่านมาหมดแล้ว ถ้าเรามีอะไรกันจริงๆ ผมก็ต้องรู้สึกบ้าง...เอ่อ...มันก็ต้องมีหลักฐาน มีร่องรอยอะไรบ้างสิ...แต่นี่...ผมไม่รู้สึกอะไรเลย” ผมก้มหน้าลงมองพรมปูพื้นแทนใบหน้าเจ้าของห้อง รู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก
“อ่านมาอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่....”
“ฮึ...ดารินทร์เธอนี่...ซื่อกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เยอะเลยนะ” ร่างสูงขยับลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงแล้วเดินเข้ามาใกล้ มือหยาบใหญ่ยังไม่ยอมวางแก้วเครื่องดื่มสีเข้ม
“ผมเปล่าสักหน่อย”
“แล้วเธอได้บอกใครหรือเปล่าเรื่องนี้...เรื่องที่ว่า...เธออ่านมาหมดแล้วนั่นน่ะ” รอยยิ้มเยือกเย็นกับดวงตาหมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นั้นทำให้ผมขนลุก
“ผม...ผมพยายามบอกแล้ว แต่ไม่มีใครเชื่อ...ทุกคนเชื่อคลิปนั่น” ผมพยักหน้ากลับไปทางจอทีวีใหญ่ซึ่งยังถูกเปิดค้างอยู่ เสียงผมครางชื่อเจ้าของห้องดังกระหึ่มจนผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปสบดวงตาสีเข้มซึ่งเจ้าของมันโน้มยื่นลงมาห่างจากใบหน้าของผมไปไม่ถึงหนึ่งฝ่ามือ
“ถ้าอย่างนั้น...ถือว่าฉันเป็นนักแสดงฝีมือดีคนหนึ่งทีเดียวนะ”
“คุณหมายความว่ายังไง คุณแกล้งสร้างภาพ ถ่ายคลิปทำเหมือนเรามีอะไรกันอย่างนั้นเหรอ?"
“ใช่ คลิปนั้นฉันใช้โทรศัพท์มือถือของเธอถ่ายเอาไว้เอง” มือหนาล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบชูโทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังเครื่องหนึ่งขึ้นมาแล้วแกว่งมันไปมาอยู่ต่อหน้าผม
“คุณทำแบบนั้นทำไม” ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินสิ่งนี้หลุดออกมาจากปากของสามีพี่สาว
“ฉันแค่กำลัง...วางรอบดักปลาเท่านั้นเอง” แก้วบรั่นดีเย็นเฉียบถูกนาบลงมาบนแก้มของผม เจ้าของดวงตาเป็นประกายฉายยิ้มฉลาดอันเยือกเย็นเหมือนอยากเยาะเย้ยคนซื่อแต่โง่เขลาอย่างผม
“วางลอบดักปลาอย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่...ต้นทุนต่ำแต่ผลกำไรนับว่าเกินควรเกินคาด”
“หมายความว่าทั้งหมดนั้นเป็นฝีมือคุณอย่างนั้นเหรอ”
“เธอจะโยนว่าเป็นฝีมือของฉันทั้งหมดก็ไม่ถูก”
“คุณทำแบบนั้นทำไม คุณรู้หรือเปล่าว่าผมต้องเสียอะไรไปบ้าง คุณรู้หรือเปล่าว่าครอบครัวของผมต้องเสียอะไรไปบ้าง” ผมยกมือขึ้นมาปัดแก้วเหล้าใบนั้นออกไปจากตัว รู้สึกเหมือนคนทั้งโลกช่างโหดร้ายใจดำกับผมเหลือเกิน ในขณะที่ชีวิตผมพังทลายลงอย่างไม่เป็นท่า แต่ผู้ชายคนนี้กลับยังยืนยิ้มอยู่ได้ อีกทั้งสีหน้าแววตาดูเหมือนเขาไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย
“คุณรู้หรือเปล่า...ว่าผมต้องเจอกับอะไรบ้าง ไอ้ลอบดักปลาชั่วช้าเลวทรามของคุณมันทำลายชีวิตผม”
“ฉันไม่สนว่าเธอจะเสียอะไรไปบ้าง ฉันรู้แค่ว่าฉันจะไม่ยอมเสียเปรียบในเกมนี้”
“เกมอย่างนั้นเหรอ นี่มันชีวิตของผมนะ อนาคตของผม อาชีพผม เพื่อนๆ ของผม คุณบอกว่ามันเป็นเกมอย่างนั้นเหรอ”
ผมเหนี่ยวมือกำรอบคอเสื้อราคาแพงนั้นเอาไว้แน่นพร้อมกับเหวี่ยงหมัดเล็กๆ ออกไปอยากทำร้ายให้ผู้ชายใจดำคนนี้ได้รู้สึกเจ็บ แม้มันจะเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดทรมานที่ผมต้องเผชิญมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ หากแต่กำปั้นนั้นมันไม่อาจส่งไปถึงร่างหนาเพราะถูกรวบดึงไว้ระหว่างทาง
“ดารัณส่งเธอมาหาฉัน เขาต้องการสร้างเรื่องเพื่อทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเธอกับฉันคบชู้กันอยู่แล้วนี่นา แต่เขาคงไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นภาพบาดตาที่ฉันพาเธอขึ้นเตียงจริงๆ” มือหยาบยึดข้อมือของผมเอาไว้ทั้งสองข้างก่อนจะเดินดันต้อนผมให้ถอยหลังไปยืนชิดติดกับขอบโต๊ะตัวใหญ่
“คุณจะบอกว่าพี่รัณหลอกใช้ผมอย่างนั้นเหรอ”
“ดารินทร์ เธอเป็นแค่หมากตัวหนึ่งบนกระดานของเกมระหว่างฉันกับดารัณเท่านั้น โชคร้ายที่ดารัณเลือกเธอ แต่มันก็ทำให้ฉันได้เห็นธาตุแท้ของดารัณว่าแท้จริงแล้ว...พี่สาวแสนสวยของเธอเลือดเย็นแค่ไหน อันที่จริงถ้าเขาเพียงแค่จ้างสาวไซต์ไลน์ ผู้หญิงขายตัวหรือใครสักคนขึ้นมาหาฉันในคืนนั้น เขาก็คงทำสำเร็จได้ง่ายๆ แต่บังเอิญว่าเขาจงใจส่งเธอมา ถ้าหากจะโทษใครสักคน เธอควรโทษพี่สาวของเธอเอง โทษความอิจฉาริษยาของเขา ฉันบอกแล้วไง...ว่าเธอน่ะยังไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นดีพอ”
“พี่รัณ...หมากตัวหนึ่งบนกระดานอย่างนั้นเหรอ”
“เขาแค่กำลังพยายามดิ้นรนหาทางเอาชีวิตรอดน่ะ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ให้เธอเป็นชู้กับฉันนานนักหรอกดารินทร์ ฉันบอกแล้วไง ว่ามันเป็นเกมและเกมนี้ฉันจะไม่มีวันแพ้”
“คุณสองคนเห็นชีวิตผมไร้ค่าขนาดนั้นเชียวเหรอ คุณยังมีความเป็นคนอยู่มั้ย คุณรู้หรือเปล่าว่าคุณได้ทำลายชีวิตผมไปแล้วทั้งชีวิต”
“ฉันบอกแล้วไงว่าเธอเป็นแค่หมากตัวหนึ่งบนกระดานเท่านั้น รู้หรือเปล่าดารินทร์...ว่าบางครั้งเราจำเป็นต้องยอมฆ่าม้าเพื่อรักษาเบี้ยตัวเล็กๆ”