ตอนที่ 6 หน้ากล้อง

2889 คำ
ตอนที่ 6 หน้ากล้อง อ๊ากกก ผมพุ่งกระชากแขนตัวเองกลับมารับรู้ได้ถึงผิวหนึ่งซึ่งถูกฝ่ามือหยาบนั้นบาดจนแสบร้อนขาสองข้างถูกยกขึ้นเหวี่ยงขึ้นทั้งเตะ ทั้งถีบใส่เจ้าของร่างหนา ในขณะที่ผมโกรธจนแทบบ้าแต่คนเลือดเย็นตรงหน้ายังคงแสยะยิ้มอันน่ารังเกียจเหยียดหยามผมเหมือนเห็นเป็นเรื่องตลก “มึง!” รูปปั้นทองเหลืองบนโต๊ะนั้นไม่รู้ว่ามันมาอยู่ในมือของผมตอนไหน ผมรู้แค่ว่าผมเกลียดรอยยิ้มของผู้ชายคนนี้ เกลียดจนไม่อาจทนเห็นเขาได้อีกต่อไปแล้ว ผมใช้สิ่งที่อยู่ในมือกระหน่ำฟาดลงไปโดยไม่ได้สนใจว่าไอ้รูปปั้นนี้มันจะไปตกไปตีส่วนไหนของไฮโซหนุ่ม “ดารินทร์!” เจ้าของใบหน้าซึ่งอาบไปด้วยเลือดยื้อยุดฉุดคืนของแข็งสีเหลืองหม่นนั้นก่อนจะเหวี่ยงมันโยนทิ้งไปแล้วคว้าคอผมเอาไว้แทน ดวงตาคู่สีน้ำตาลเข้มเวลานี้ดุดันน่ากลัวริมฝีปากหนาซึ่งเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมันยังคงเยาะยิ้มเย้ยหยันชีวิตผม เวลานี้ตรงมุมปากข้างหนึ่งมีรอยช้ำบวมเจ่อขึ้นมาพร้อมกับเลือดสีแดงซึมผ่านร่องเหงือกและไรฟันขาว ดูเหมือนรูปปั้นทองเหลืองนั้นมันคงทำให้คนเลือดเย็นเริ่มจะอารมณ์เดือดขึ้นมาแล้ว “เธอกล้าลงมือทำร้ายฉัน อย่างนั้นเหรอดารินทร์...” “ถ้าผมมีมีดในมือ...ผมจะฆ่าคุณ” “ต่อให้ฉันไม่มีอะไรในมือ ฉันก็ฆ่าเธอได้...ฆ่าเธอกับพี่สาวให้ตายทั้งเป็น” “อ๊ากกกกก” ผมใช้อวัยวะทุกส่วนที่พอขยับและเคลื่อนไหวได้ตบตีทุบทำร้ายผู้ชายตรงหน้า ทั้งจิก ข่วน กัดอยากฆ่าให้มันตายไปด้วยมือของผมเอง โครม! ความรู้สึกเหมือนตัวเองถูกเหวี่ยงลอยไปในอากาศภาพห้องพักสุดหรูหราแห่งนี้เคลื่อนผ่านหน้าผมไปไวจนจับโฟกัสทิศทางไม่ได้ ก่อนที่จะได้ยินเสียงอะไรดังสนั่นลั่นอยู่ข้างหูพร้อมกับสติที่มันดับวูบหายไปอีกครั้ง “ปาร์ค...” “ปาร์คเชื่อรินทร์ ปาร์คเชื่อว่ารินทร์ไม่มีทางทำเรื่องอย่างนั้นแน่” “ฮึก....ขอบคุณ” ผมโผเข้าไปหาอ้อมกอดนั้นอีกครั้ง แล้วปล่อยให้เสียงร้องไห้ของตัวเองบอกเล่าความรู้สึกเจ็บปวดและตื้นตันที่อย่างน้อยในคนหลายร้อยหลายพันที่ซ้ำเติม ผมยังมีเพื่อนคนนี้ที่เชื่อใจผม หลังจากนั่งทำใจได้สักพักผมถึงได้รู้ข่าวโลกภายนอกว่ากระแสข่าวฉาวของผมยังคงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันสนุกปากและดูเหมือนทุกคนจะเชื่อคำแถลงข่าวและภาพฉาวที่มันหลุดออกไปจนหมดหัวใจ บนโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้ดูเหมือนมันไม่มีพื้นที่พอสำหรับคนอย่างผมอีกแล้ว “แล้วรินทร์จะทำยังไงต่อ” “ไม่รู้สิ...พี่อาร์ตี้บอกว่าให้รินทร์อยู่เฉยๆ รอให้ข่าวเงียบ แต่เรื่องแบบนี้อีกห้าปี สิบปี คำว่าดารินทร์เล่นชู้ มันก็คงไม่เลือนหายไปง่ายๆ หรอก” “แล้วรินทร์คิดจะออกมาให้สัมภาษณ์...แก้ข่าวกับสื่อบ้างมั้ย” “คิด...แต่รินทร์ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากประโยคเดิมซ้ำๆ ว่ารินทร์ไม่ได้ทำ รินทร์จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น ในขณะที่รินทร์มีคำพูดแค่ประโยคเดียว แต่พี่รัณ....” ผมนึกย้อนไปถึงภาพจากกล้องวงจรปิดหลายจุดภายในคอนโดหรูซึ่งมีคนเอามาปล่อย มันเป็นภาพตั้งแต่ผมขับรถไปจอดรออยู่ตรงลานจอดกลางแจ้ง แถมยังมีภาพถ่ายนั่งคุยโทรศัพท์แล้วแหงนคอมองขึ้นไปบนตึกสูงนั้นจนทำให้คนส่วนมากเชื่อว่าผมกำลังคุยกับเจ้าของห้องพักซึ่งรออยู่ชั้นบน ภาพของผมเดินไปกดลิฟต์แล้วยืนรอหน้าห้องจนกระทั่ง คุณครามซึ่งสวมชุดคลุมอาบน้ำเปิดประตูออกมารอรับ แล้วยังคลิปวิดีโอสุดหวือหวาน่ารังเกียจนั่นอีก ผมไม่รู้จะแก้ต่างแก้ตัวกับสังคมยังไงนอกจากความบริสุทธิ์ใจของตัวเองว่า....ผมไม่ได้ทำ “แล้วคุณคราม เขาได้มาหารินทร์บ้างมั้ย” “ไม่! เขาไม่ได้มา...อีกอย่างรินทร์ไม่อยากเจอหน้าเขา” ทันทีเมื่อได้ยินชื่อผู้ชายคนนี้ภาพหวิวในจอทีวีเหมือนมันมาฉายซ้ำตอกย้ำเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ผมจมลงสู่อดีตอันเลวร้ายอีกหน แม้ความทรงจำในคืนค่ำอันดำมืดนั้นยังคงเลือนรางแต่ภาพทุกอย่างมันชัดเจนผ่านหน้าจอทีวีและสื่ออินเตอร์เน็ตเว็บหวิวทั้งหลาย ผมไม่กล้าแม้แต่จะกดเข้าไปดูซ้ำเพราะรู้สึกละอายใจเหลือเกิน “ถ้ารินทร์ไม่ได้ทำก็เหลือแค่คุณครามคนเดียวเท่านั้นนะที่เขาจะตอบได้ว่าเรื่องในคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น แล้วใครเป็นคนปล่อยคลิป” “ปล่อยคลิปเหรอ...” “ใช่ คลิปพวกนั้นมันต้องมีที่มาที่ไปสิ ใครสักคนจงใจถ่ายและตั้งใจปล่อยมันออกมา” “จงใจถ่ายคลิปอย่างนั้นเหรอ แต่ในคอนโดตอนนั้นมันมีแค่รินทร์กับคุณครามสองคนเท่านั้นนะ....” “แต่คุณครามเขาจะปล่อยคลิปมาฆ่าตัวเองทำไม ในเมื่อเขารู้เขารู้อยู่แล้วว่าพี่รัณกำลังจะยื่นฟ้องหย่า รินทร์อย่าลืมสิว่าการที่คลิปนั้นถูกเผยแพร่ออกมามันไม่มีผลดีอะไรต่อตัวเขาเลย เรื่องนี้มีแค่พี่รัณคนเดียวเท่านั้นนะที่ได้ประโยชน์” “ปาร์คจะบอกว่า...พี่รัณทำทุกอย่างเหรอ? พี่รัณจะแอบถ่ายคลิปนั้นได้ยังไง” “ก็ไม่ได้จะบอกแบบนั้น แต่มันน่าสงสัย” “แต่พี่รัณจะทำแบบนั้นทำไมล่ะ...นี่มันชีวิตรินทร์ทั้งชีวิตเลยนะ” “ตลอดชีวิตที่เธอรู้จักเขา ไม่เท่ากับช่วงเวลาบนเตียงที่ฉันเรียนรู้ผู้หญิงคนนี้...” “ปาร์ค รินทร์จะไปหาเขา...รินทร์จะไปหาคุณคราม” ผมรู้สึกหนาวจนคิดว่าตัวเองนอนจมอยู่ภายใต้ภูเขาน้ำแข็ง ร่างหายเลือดเนื้อและกระดูกปวดจนแทบทนไม่ได้ มือเล็กๆ ถูกยกขึ้นมาบีบกดทิ้งไว้บนหัวแล้วพยายามไล่เรียงเรื่องราวต่างๆ ที่มันสับสนวุ่นวายในความทรงจำให้มันลำดับถูกต้อง จนเมื่อสติสตังและกำลังวังชานั้นพอช่วยให้ผมพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง บนเตียงนอนหลังใหญ่ซึ่งการตกแต่งนั้นผมจำได้ในทันทีว่ามันคือห้องเดียวกับฉากทุเรศเรทเอ็กซ์ซึ่งมีผมนอนแก้ผ้าถ่างขาให้ไอ้คนชั่วนั่นเล่นละครตบตาทุกคน “คุณคราม” ผมตวัดผ้าห่มผืนใหญ่ออกจากตัวแล้วหัวสมองก็ปวดหนึบขึ้นมาทันทีเมื่อเวลานี้ผมไม่มีเสื้อผ้าติดตัวเลยแม้แต่ชิ้นเดียว “ไอ้คนชั่ว!” ผมดีดตัวลงจากเตียงนอนแล้วรื้อค้นหาเสื้อผ้าของตัวเองซึ่งสวมใส่มาเมื่อคืนนั้นทุกซอกทุกมุมแต่มันไม่มีเลย ไม่รู้ว่าไอ้หมาป่าเจ้าเล่ห์กำลังคิดวางแผนทำอะไรอีก ในเมื่อหมดหนทางที่จะค้นหาผมจึงถือวิสาสะเปิดประตูตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่แล้วเลือกหยิบเสื้อผ้าเจ้าของห้องออกมาจากไม้แขวนก่อนจะเดินเข้ามายืนตะโกนก่นด่าไอ้ผีห่าซาตานโรคจิตนั้นอยู่ภายในห้องน้ำกว้าง เมื่อทั่วทั้งร่างในเงากระจกนั้นมีแต่รอยดูด รอยแดงขึ้นเรียงกันเป็นแผงจนแทบนับไม่ไหว “ไอ้สัด!” ผมกวาดท่อนแขนกวาดเครื่องอาบน้ำ ครีมโฟม เครื่องโกนหนวด ทุกอย่างบนเคาน์เตอร์หินอ่อนหรูหราลงไปตกแตกกระจายจนเกลื่อนพื้นเพราะรู้สึกเจ็บใจที่ตัวเองพลาดให้ตกอยู่ในฐานะเหยื่ออีกแล้ว ผมจัดการสวมเสื้อผ้าเหล่านั้นอย่างลวกๆ แล้วรื้อค้นข้าวของจากในลิ้นชักหยิบแว่นกันแดดแบรนด์ดังราคาหลายหมื่นบาทออกมาสวมก่อนจะหลบหนีออกจากห้องมาแล้วสาบานกับตัวเองว่าจะไม่กลับมาเหยียบห้องนี้อีก ผมเดินก้มหน้าพยายามหลบสายตาของทุกคนเพราะเพียงแว่นกันแดดอันเดียวนี้ผมไม่รู้ว่ามันจะเพียงพออำพรางช่วยให้คนลืมดารินทร์ไปได้จริงหรือไม่ “คุณดารินทร์!” เสียงเรียกชื่อของผมดังไปทั่วทั้งล็อบบี้ผมเงยหน้าขึ้นมาจากพื้นทางเดินก่อนจะหันไปตามเสียงเรียกนั้นก่อนจะถูกกองทัพนักข่าววิ่งกรูเข้ามาแล้วไล่ต้อนผมให้จำใจเดินถอยหลังไปยืนพิงผนังของเสาต้นหนึ่ง โทรศัพท์มือถือ กล้องไลฟ์สด ไมค์ไวเรทจำนวนมากถูกยื่นจ่อเข้ามาใกล้พร้อมคำถามมากมายจนผมแทบฟังไม่รู้เรื่อง “คุณดารินทร์ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้คะ” “ที่คุณดารินทร์หายหน้าไปเจ็ดวัน แสดงว่าคุณดารินทร์มาพักอยู่กับคุณครามจริงๆ อย่างที่คนเขาลือกันใช่มั้ยคะ” “สรุปว่าคุณดารินทร์กับคุณครามเป็นอะไรกันคะ” “คุณดารินทร์ยอมรับแล้วใช่มั้ยคะว่าเป็นมือที่สามที่ทำให้คุณดารัณและคุณครามหย่าขาดจากกัน” “คุณดารินทร์....” ผมรู้สึกพะอืดพะอมจนอยากจะโก่งคออ้วกใส่หน้าคนพวกนี้แทนการตอบคำถาม ด้านหลังของโทรศัพท์หลากยี่ห้อเคสมือถือหลากหลายลายทั้งการ์ตูนและภาพกราฟิกทำให้ผมมึนงงสับสนไปหมด ผมถูกกดดันบีบให้ยืนตัวลีบอยู่ภายในวงล้อมของคนที่พยายามล้วงถามถึงสิ่งที่ผมไม่ได้ทำ “คุณดารินทร์พูดอะไรสักหน่อยสิคะ” “เอ่อ...ผม...ผมไม่...” ผมพยายามหันหน้าหลบมุมกล้องแต่ไม่รู้จะหันไปทางไหนเพราะทั้งด้านหน้า ด้านซ้ายและด้านขวานั้นถูกขวางไว้ด้วยเหล่านักข่าวสายบันเทิงจากทุกสำนัก “ดารินทร์” เสียงห้วนออกห้าวตะโกนมาจากด้านหลังกลุ่มคนเกือบครึ่งร้อย ความสูงอันโดดเด่นกับใบหน้าหล่อเข้มเจิดจรัสสู้กับเสียงชัตเตอร์และแสงแฟลชของกล้องเกือบร้อยตัว ไฮโซหนุ่มเดิมยิ้มอย่างเยือกเย็นผ่าทะลุกลางวงสัมภาษณ์มายืนค้ำอยู่เบื้องหน้าก่อนจะยกมือขึ้นมาจับขยับปกเสื้อเชิ้ตตัวหลวมโพลกของผมให้เข้าที่เข้าทางเรียบร้อยหลังจากถูกยื้อยุดฉุดดึงจากมือใครหลายคนเมื่อครู่ “คุณครามพอตอบได้มั้ยคะว่าตอนนี้สถานะของคุณสองคนเป็นอะไรกัน” เสียงของนักข่าวคนหนึ่งดังทะลุขึ้นมาท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ จากนั้นความเงียบจึงกลับมาเหมือนทุกคนกำลังเงี่ยหูรอฟังคำตอบ “แล้วคุณคิดว่ายังไงครับ” “ดูจากตอนนี้ฉันคิดว่าเรื่องที่กำลังเป็นข่าวอยู่คุณครามคงไม่ปฏิเสธใช่มั้ยคะว่าคุณครามกับคุณดารินทร์มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันจริงๆ” “ไม่!” ผมตะโกนขึ้นมากลางปล้องร้องปฏิเสธ ผมจะไม่ยอมให้ใครมาใช้ชีวิตผมแทนเบี้ยแทนหมากบนกระดานอย่างไร้ค่าอีกแล้ว “คุณดารินทร์หมายความว่ายังไงคะ” “หมายความว่า...ผมกับคุณคราม เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันและผมไม่เคยมีความสัมพันธ์อะไรกับเขาทั้งนั้น” ผมยื่นมือออกไปผลักอกกว้างนั้นเต็มแรง หากแต่เจ้าของรอยยิ้มเยือกเย็นแต่เจ้าเล่ห์ร้ายกาจกลับตวัดท่อนแขนเกี่ยวเอวของผมแล้วเหนี่ยวรั้งดึงให้ขยับไปยืนชิดก่อนจะ “แสร้ง” ทำตาหวานฉ่ำเหมือนเวลาที่ผมต้องเข้าฉากกับคู่จิ้นเวลาแสดงฉากโรแมนติกในละคร หากแต่เวลานี้กล้องที่กำลังบันทึกภาพของเราสองคนอยู่มันเป็นกล้องจากโทรศัพท์มือถือของนักข่าวและครึ่งหนึ่งนั้นคงเป็นคนทั่วไปที่อยากรู้ อยากเผือก อยากเสือกเรื่องชาวบ้านมากกว่า “ปล่อย...” ผมถลึงตาใส่คนที่ยังตีหน้าซื่อต่อหน้าสื่อ “ถ้าเธองอน ที่ฉันหายไปจากห้องตั้งแต่เช้าล่ะก็ฉันมีข้อแก้ตัวนะ” “แก้ตัวอะไร!” ผมตวัดเสียงถามอย่างไม่วางใจ พลันสมองเจ้ากรรมมันดันคิดวกวนกลับไปเห็นตัวเองซึ่งนอนเปลือยอยู่บนเตียงใหญ่พร้อมกับรอยจูบรอยดูดมากมายที่ไอ้คนใจร้ายเจ้าเล่ห์ทิ้งไว้บนร่างกายผม ฝ่ามือขยับเลื่อนขึ้นมาจับคอเสื้อก่อนจะขยำกำมันเอาไว้แน่นเมื่อนึกว่าถึงตรงนี้ “เอาไว้ขึ้นห้องแล้วจะบอก ตอนนี้เรากลับห้องดีกว่า อยู่ตรงนี้คนเยอะมันไม่เป็นส่วนตัว” “ไม่! ผมจะไม่กลับขึ้นไปบนนั้นอีก ผมจะกลับบ้าน” ผมเอี้ยวตัวหลบแล้วสะบัดเอวออกจากอุ้งมือหนาแล้วพยายามหาช่องว่างพาตัวเองฝ่ากองทัพนักข่าวเพื่อไปหาเรียกรถแท็กซี่ หากแต่ผมขยับออกมาได้แค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้นหัวไหล่เล็กก็มีอันเจ็บแปลบพร้อมกับถูกรั้งกระชากกลับจากปลายมือของใครอีกคน “โอ๊ย!” เสื้อเชิ้ตตัวหลวมถูกดึงจนไหล่กว้างของมันรั้งล่นลงไปจนเผยให้เห็นช่วงไหล่และลำคอซึ่งพราวพร่างไปด้วยร่องรอยอันทุเรศตา พร้อมกับเสียงฮือฮาตกใจและเสียงกดชัตเตอร์และแสงแฟลช แสงไฟรัวจนมันตาลายไปหมด “ปล่อยนะ” ผมสะบัดหัวไหล่แล้วรีบดึงคอเสื้อหลวมๆ นั้นให้มันกระชับกับตัวทันที “ขอโทษทีนะ เมื่อคืน...ฉันรุนแรงกับเธอไปหน่อย แต่เธอก็เอาคืนฉันและนี่” นิ้วชี้เรียวยาวนั้นเคาะลงตรงมุมปากข้างหนึ่งซึ่งมีรอยแตกช้ำให้เห็นอยู่แต่ไม่มากนัก “ไปให้พ้น” ผมยกมือขึ้นมาปัดฝ่ามือนั้นออกไปจากตัวแล้วใช้แขนพยายามแหวกช่องพาตัวเองออกมาจากวงล้อมกองทัพนักข่าวอย่างยากลำบาก เสียงคำถามมากมายยังคงดังมาจากรอบทิศทางแต่ผมไม่อยากตอบคำถามอะไรของใครทั้งนั้น เพราะเวลานี้ ถ้าจะให้พูดจริงๆ ผมยังตอบตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดเรื่องระยำอะไรขึ้นกับชีวิตตัวเอง “ดารินทร์ เธอจะไปไหน” ผมเดินลิ่วออกมาจนเกือบพ้นหน้าประตูกระจกขนาดใหญ่ซึ่งเป็นทางเข้าของคอนโดหรู “ผมบอกว่าจะกลับบ้าน” “แล้วฉันล่ะ” “คุณก็อยู่ของคุณไปสิ” “เธอจะทิ้งฉันไปง่ายๆ อย่างนี้น่ะเหรอดารินทร์ ทำไมถึงได้ใจร้ายกับฉันนักล่ะ ถ้าเธอยังโกรธฉันอยู่เรื่องเมื่อคืน...ฉันขอโทษก็ได้นะ” ฝ่ามืออุ่นเอื้อมคว้ากุมมือของผมเอาไว้ “ผมไม่รับคำขอโทษจากคุณ” ผมสะบัดแขนแล้วเดินออกมาจากคอนโดหรูตรงไปยืนรอโบกมือเรียกแท็กซี่เพื่อต้องการกลับบ้านตัวเอง โดยที่ด้านหลังนั้นมีเหล่าบรรดาเหยี่ยวข่าวยังคงถือกล้องและมือถือยกขึ้นสูงถ่ายภาพผมทุกอิริยาบถ “อะไรกันดารินทร์ ไม่เอาน่าคุยกันก่อนสิ” “จะตามมาทำไม!” ผมหันไปตวาดเสียงใส่อย่างนึกอึดอัดรำคาญใจ หากแต่คำตอบที่ได้คือรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของคนที่ยืนหันหลังให้กล้อง รอยยิ้มนั้นทำเอาผมเกือบบ้า และรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทันเมื่อไฮโซหมาป่าเจ้าเล่ห์คว้าผมเข้าไปสวมกอดพร้อมเสียงกระซิบอันน่ากลัว “ฉันไม่ปล่อยให้เบี้ยเดินออกจากกระดานง่ายๆ หรอก” “ไอ้...อื้อ” คำด่าทอของผมถูกกลืนหายไปกับกลีบปากนุ่มซึ่งบดบี้ขยี้ลงมา ทุกอย่างมันรวดเร็วจนแม้แต่ลมหายใจผมยังสะดุดเผลอหลุดสะดุ้งออกมาเฮือกใหญ่ แล้วพยายามกระเสือกกระสนดิ้นรนเอาตัวเองให้หลุดพ้นจากลิ้นฉ่ำ ผมเหมือนคนถูกจับมัดมือมัดเท้าแล้วกดหัวลงไปในโอ่งแคบที่มีน้ำอยู่เต็มจะดิ้นรนหรือขัดขืนอย่างไรมันก็ไม่เคยได้อิสระกลับมา ทั้งแขนขาเนื้อตัวเจ็บร้าวระบมจนแทบไม่เหลือแรงจะหายใจ ด้วยซ้ำ “ฮึก...” น้ำตาซึ่งกลั้นเก็บไว้พาลไหลลงมาจนนองหน้าในเวลาเพียงไม่กี่วินาที พลันจูบหนักนั้นชะงักลงก่อนจะเปลี่ยนเป็นหวานนุ่มในชั่วพริบตา “เจ็บเหรอ” ปลายจมูกโด่งแตะลากลงมาจากตรงกลางหว่างคิ้วก่อนถูกเขี่ยเล่นล้ออยู่กับปลายจมูกของผมเอง ฝ่ามือหยาบวางทาบนาบประคองสองแก้มแล้วพยายามช่วยเช็ดน้ำตาให้ และฉับพลันทันใดรถคันใหญ่แล่นปราดเลี้ยวมาจอดเทียบอยู่ตรงริมถนน “ไปให้พ้นนะ” “ขึ้นรถสิ” “ไม่!” “ฉันบอกให้เธอ...ขึ้นรถ” “ไม่ พอทีเถอะ...ชีวิตผมไม่เหลือให้คุณทำลายแล้ว ปล่อยผมไป” “เกมนี้มันยังไม่จบ...เธอต้องอยู่ต่อ บนกระดานของฉัน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม