สหรัฐอเมริกา (1ปีต่อมา)
ปัง! ปัง!
ลูกกระสุนถูกยิงออกจากกระบอกเข้าเป้าอย่างแม่นยำถึงแม้ว่าจะเป็นเป้าแบบเคลื่อนที่ก็ตาม หลังจากยิงจนกระสุนปืนหมด มือเล็กก็ถอดชิ้นส่วนของปืนอย่างชำนาญตามที่เคยได้รับการสั่งสอนมาแต่เด็ก
“ไงแก ไปหงุดหงิดอะไรจากไหนมา ถ้าเป้าเป็นคนจริงๆ คงตายเป็นร้อยรอบแล้ว” จีอาหญิงสาวลูกครึ่งอเมริกัน-ไทย ถามเพื่อนสนิทที่กำลังถอดหูฟังออก ถึงแม้เธอจะเพิ่งรู้จักนิ่มได้แค่ปีเศษๆ แต่สไตล์และความชอบที่คล้ายๆ กันเลยสนิทกันเร็ว
“เปล่า...วันนี้ไปดื่มกันไหม”
“ได้สิ!! แต่ว่าฉันต้องไปร้านสักก่อนนะ พอดีนัดช่างสักเอาไว้”
“สักอีกแล้วเหรอ แกรู้ไหมว่าตอนนี้สักเยอะเหมือนมาเฟียแล้ว...ไม่สิตอนอยู่แก๊งมาเฟียฉันยังไม่สักเลยด้วยซ้ำ” ปลายประโยคนิ่มพูดเสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน
“แกบ่นเหมือนพ่อฉันอีกแล้ว...ก็ฉันมันลูกสาวมาเฟียอยู่แล้วนิ เหมือนแกไงมีผัวเป็นมาเฟีย ว่าแต่ทำไมฉันไม่เห็นพี่เขามาหลายเดือนแล้ว”
คำพูดของจีอาทำให้นิ่มหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม ที่เธอมีอาการแบบนี้ก็เพราะคนที่เพื่อนกำลังพูดถึง หลังจากที่เธอย้ายมาอยู่ที่นี่ก็หนึ่งปีแล้วช่วง 5 เดือนแรกพายุบินมาหาเธอเดือนละ 4-5 วัน แต่คนที่มาหาบ่อยๆ จู่ๆ ก็หายไป เกือบ 7 เดือนแล้วที่เธอไม่ได้เจอเขาและหนึ่งเดือนมานี้แม้แต่ข้อความจากโทรศัพท์ก็ยังไม่มี
“อย่าพูดถึงเขาเลยเหอะ!!”
อาการของนิ่มทำให้จีอามุมยิ้มปาก ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าที่เพื่อนหงุดหงิดเป็นเพราะอะไร ก็เอาเถอะคนมีความรักก็แบบนี้แหละ
MMJ KUB
“นิ่ม…ยัยนิ่มมมม!!!”
“ยัยจีอาแกตะโกนทำไมเนี่ย”
เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกหันมาตวาดเพื่อนกลับเพราะถูกขัดจังหวะที่กำลังเต้นสนุกๆ ผมสีควันบุหรี่จากการทำสีพริวไหวไปมาตามจังหวะโยกย้ายของร่างกาย
“ตอนนี้ 4 ทุ่มแล้วแกไม่กลับเหรอ เดี๋ยวฉันไปส่ง” จีอามองนาฬิกาข้อมือตัวเองปกติแล้วถ้ามาเที่ยวแบบนี้นิ่มอยู่ได้ไม่เกินสามทุ่มหรอกเพราะเจ้าตัวเคยบอกว่าเป็นกฎที่คู่หมั้นตั้งไว้ แต่ตอนนี้มันเกือบจะเที่ยงคืนแล้วแต่เพื่อนของเธอก็ไม่เห็นจะกลับสักที
[หรือยัยนี่จงใจจะกบฏ]
“ไม่เอาวันนี้ฉันจะอยู่กับแกจนถึงเช้า”
“ห๊ะ!! ฉันหูฟาดไปหรือเปล่า แกเอาจริงใช่ไหม”
“จริง! วันนี้พวกเรามาดื่มให้เมากันไปเลยยยย”
พูดจบนิ่มก็หันไปเต้นกับเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันตอนเข้าคลับเมื่อกี้ อาการของนิ่มตอนนี้จีอารู้ว่าอีกฝ่ายคงโกรธหรืออยากประชด ส่วนนิ่มเองก็รู้ดีว่าการทำแบบนี้มันเหมือนเด็กทั้งที่อายุตัวเองก็ไม่ใช่น้อย...แต่แล้วไงล่ะถ้าไม่นับจากก่อนตายแล้วมาอยู่ร่างนี้เธอก็แค่ยี่สิบกว่า
“ยัยจีมาได้แล้วจะยืนเป็นรูปปั้นเทพีสันติภาพหรือไง”
จีอาถอนหายใจยาวแต่นอกจากหน้าสวยและมีความสามารถแล้ว ยัยนี่ไม่มีอะไรดีเลยโดยเฉพาะปากที่เลี้ยงหมาไว้เป็นสิบตัว
“แกไม่กลัวถูกตามตัวเจอเหมือนทุกทีเหรอ”
“ทุกทีฉันแค่แกล้งให้ตามเจอง่ายๆ เพราะเอาเครื่องที่ติดสัญญาณจีพีเอสมาด้วย แต่คราวนี้ยากหน่อย”
[ฉันน่าจะเชื่อพ่อเวลาคบเพื่อนอย่าหาคนเหมือนตัวเอง เอาเถอะพรุ่งนี้มีเรื่องอะไรอย่ามาคร่ำครวญกับฉันแล้วกัน]
คนที่ถูกเรียกได้แต่ถอนหายใจยาวก่อนที่จะเดินไปหาเพื่อนสนิทแล้วปล่อยจอยกับความสนุกตรงหน้า เพราะขนาดเจ้าตัวยังไม่คิดอะไรเลย แล้วทำไมเธอต้องคิดแทนเพื่อนด้วย
12.00 น. ประเทศไทย
“อะไรนะ!!!ยังไม่กลับแล้วทำไมไม่โทรตามหรือออกตามหา” พายุตะคอกคนที่อยู่อีกฝั่งของปลายเสียงดัง
“ผมจัดการให้คนออกตามหาแล้วครับ แต่ดูเหมือนคุณหนูจะไม่ได้ไปที่ที่เคยไป เครื่องสัญญาณจีพีเอสก็ถูกถอดออกทิ้งไว้ที่ร้านอาหารครับ” คานพยายามอธิบายให้เจ้านายฟัง
“นายทำงานล่ะหลวมมากนะคาน ไปตามหาหนูนิ่มให้เจอแล้วบอกเธอโทรกลับมาหาฉันด่วนเข้าใจไหม” พายุพยายามข่มความโกรธของตัวเองไว้ อาจจะเพราะหนูนิ่มไม่เคยดื้อหายไปแบบนี้มาก่อนเลยทำให้เขาหัวเสีย
“ครับบอส”
หลังจากวางสายจากลูกน้องคนสนิทฝีมือดีอย่างคานที่เขาส่งไปดูแลนิ่มเสร็จ เขาก็กลับมาเคลียร์เอกสารในมือต่อเพราะโรงงานผลิตไวน์มีเรื่องต้องวุ่นวายมาก จากการขยายใหญ่ขึ้นกระจายเข้าหลายประเทศในช่วงหลายเดือนมานี้เขาไม่ว่างเลย อารมณ์ก็แปรปรวนจากความเหนื่อยล้ายิ่งมาฟังเรื่องที่คานรายงานให้ฟังมันเลยทำให้เขาหงุดหงิดง่ายกว่าปกติ
“แม็กไปจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินไว้ ฉันเคลียร์เรื่องโรงงานเสร็จจะบินไปอเมริกา” พายุหันไปสั่งลูกน้องที่ยืนอยู่อีกฝั่ง
“ครับ”
“หนูนิ่มดูสิเฮียจะจัดการกับเรายังไง” พายุได้แต่คาดโทษคนที่ทำให้ตัวเองไม่เป็นอันทำงาน
07.00 น. สหรัฐอเมริกา
“คุณหนูนิ่มกลับมาแล้ว”
คานพูดด้วยความดีใจเมื่อเห็นคู่หมั้นของเจ้านายตัวเองกลับมาหลังจากหายไปทั้งคืน
“คุณคานจะตื่นเต้นทำไมคะ นิ่มแค่ออกไปเที่ยวกับเพื่อน” นิ่มพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ไม่รู้ว่าที่เป็นแบบนี้เพราะนอนยังไม่พอหรือยังไม่หายจากอาการแฮงค์ก็ไม่รู้
“คุณหนูไปดื่มมาหรือครับ ผมโทรหาทั้งคืนก็ไม่รับสาย”
“ใช่ค่ะ ไปดื่มกับเพื่อนไม่มีอันตรายหรอก”
“อันตรายหรือไม่อันตรายก็ไม่ควรไปไหนคนเดียว บอสเป็นห่วงคุณหนูมากเลยนะครับ”
“เหอะ!! เขาไม่สนใจเรื่องของนิ่มหรอก ขนาดข้อความยังไม่แม้แต่จะส่งมา”
“โถ่~คุณหนูอย่าพูดแบบนี้ครับ เมื่อคืนบอสก็โทรมา”
“เฮียโทรมาจริงเหรอคะ”
“เอ่อ...ความจริงแล้วผมโทรไปรายงานเรื่องที่คุณหนูหายไปครับ แต่บอสเป็นห่วงคุณหนูนิ่มมากเลย” คานแกล้งบอกว่ามันคือความห่วง แต่เขายังจำโทนเสียงของเจ้านายตอนพูดได้อยู่เลยมันคือเสียงของคนที่พร้อมฆ่าเหยื่อทุกตัวที่ขวางหน้ามากกว่าห่วงความปลอดภัยธรรมดา “เจ้านายสั่งไว้ว่าถ้าคุณหนูกลับมาให้โทรศัพท์หาทันทีครับ”
“งั้นเหรอคะ...แต่ตอนนี้นิ่มง่วงมาก ค่อยโทรแล้วกันปล่อยให้รอบ้าง จะได้รู้ว่าเวลาคนอื่นรอตัวเองมันเป็นยังไง” นิ่มเลือดที่จะเมินในสิ่งที่เจ้านายของคานสั่ง
“ไม่ดีมั้งครับคุณหนูผมว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่เอานะครับ” คานอดหวั่นใจแทนหญิงสาวที่ตัวเองคอยดูแลอยู่ตลอดหนึ่งปีไม่ได้ เพราะเขารู้ดีว่าเจ้านายตัวเองเป็นคนแบบไหน แม้ว่าต่อหน้านิ่มจะเป็นคนที่ทั้งอ่อนโยนและก็ใจดี แต่ความจริงด้านในคือมังกรร้าย
“ช่างเถอะ นิ่มขอไปนอนก่อนล่ะถ้าเฮียโทรมาก็บอกว่านิ่มนอนอยู่”
คานได้แต่ถอนหายใจกับร่างบางเล็กที่เดินออกไป นิ่มเป็นคู่หมั้นของเจ้านายเขา แต่ก่อนตัวเธอสติไม่ค่อยสมประกอบแต่เพราะวันนั้นเหมือนว่าจะมีคนที่ถูกเรียกว่าหมอเทวดาพาไปรักษาจนเกือบ 3 เดือนก็กลับมาเป็นปกติ ตอนแรกเจ้านายเขาไม่เชื่อ จนถึงขนาดที่ให้เขาเอาเส้นผมเธอกับพ่อไปตรวจ ผลปรากฏว่าเป็นนิ่มจริงๆ ก็พยายามให้พวกเขาตามหาหมอ แต่เหมือนจะหายเข้ากลีบเมฆก่อนที่เขาจะถูกสั่งให้ตามมาดูแลคู่หมั้นของเจ้านายอยู่ที่นี่ บางทีเขาก็ว่าเธอเป็นอัจฉริยะนะ เจ้านายสั่งให้จ้างครูฝึกสอนภาษามาสอนแต่แค่เดือนเดียวก็เก่งกว่าบางคนที่เรียนมาทั้งชีวิต
“แล้วถ้าบอสโทรศัพท์มา ผมจะตอบยังไงครับเนี่ย”