อย่ามาตอแหล

1479 คำ
ใครเลยจะรู้ ว่าวันหนึ่งชีวิตของผู้หญิงที่แสนจะธรรมดา ต้องเปลี่ยนไปตลอดกาลเมื่อมรสุมชีวิตถาโถมเข้าใส่ ยายที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิดเป็นโรคร้าย ต้องใช้เงินรักษานอกเหนือจากสิทธิ์ของทางรัฐบาล เพื่อซื้อยาเฉพาะทางในการรักษา เด็กผู้หญิงวัยสิบเก้าปีในวันนั้น ต้องบากหน้าเข้าไปขอร้องทั้งน้ำตา ให้คุณหญิงดุจดาวเจ้านายของยายช่วยออกค่ารักษาพยาบาล เพื่อแลกกับการที่เธอยอมทำงานทุกอย่างตามที่ท่านต้องการ “นะคะคุณหญิง ช่วยยายหนูด้วยนะคะ...อึก...หนูจะทำงานใช้หนี้เองค่ะ คุณหญิงอยากให้หนูทำอะไร หนูทำได้ทุกอย่าง...อึก...ขอแค่คุณหญิงช่วยยายหนู” “ถึงหนูไม่ขอร้อง ฉันก็จะต้องช่วยยายหนูอยู่แล้ว” มารีนก้มลงกราบแทบเท้า แต่คุณหญิงสาวดุจดาวก็คว้าตัวเอาไว้ได้ทัน “ขอบคุณคุณหญิงมากนะคะที่ยอมช่วยยายหนู ถ้ามีอะไรให้หนูรับใช้ คุณหญิงบอกหนูได้เลยนะคะ หนูพร้อมช่วยคุณหญิงทุกอย่าง” แต่ใครเลยจะรู้ ว่าสิ่งที่คุณหญิงดุจดาวให้เธอตอบแทนบุญคุณ คือการให้เธอมาแต่งงานกับลูกชายของท่าน “ตาไฟจมอยู่กับความทุกข์มานาน แฟนของตาไฟถูกศัตรูยิงจนเสียชีวิต และหลังจากนั้นมา ตาไฟก็ไม่เคยเปิดใจให้ใครอีกเลย เอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นคนผิด ที่ทำให้แฟนต้องจากไป กว่าจะกลับมาเป็นผู้เป็นคนได้ก็หนักหนาเอาการ เพราะฉะนั้นฉันอยากให้ตาไฟมีความสุข เลิกจมกับความทุกข์สักที” “แล้วหนูจะทำได้เหรอคะ” “ทำได้สิ เพราะเธอรักตาไฟ” มารีนยอมรับว่าตกใจมาก เมื่อได้ยินสิ่งที่คุณหญิงดุจดาวเอ่ยมา เพราะนั่นคือความรู้สึกที่เธอเก็บไว้ในใจ พยายามกดไม่ให้ความรู้สึกนั้นเผยออกมาให้ใครได้เห็น “คุณหญิงรู้” “ฉันมองคนออก และฉันก็คิดว่าฉันมองคนไม่ผิด เธอไม่ใช่ผู้หญิงหวังสบายรวยทางลัด ด้วยการจับตาไฟมาเป็นสามีเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้าหา สิ่งที่ฉันเห็นจากเธอ คือความรักที่อยู่ข้างในนั้นต่างหาก ฉันเชื่อว่าความรักของเธอ จะทำให้ตาไฟมีความสุข” ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือ ดึงความคิดที่หลุดลอยไปไกลให้หวนกลับเข้ามา มารีนรีบคว้าโทรศัพท์ที่วางไว้มากดรับสาย “สวัสดีค่ะคุณแม่” [เย็นนี้มาทานข้าวกับแม่ที่บ้านนะลูก] น้ำเสียงอบอุ่นส่งผ่านมาตามสาย ทำให้มารีนอุ่นซ่านในอกเหมือนท่านคือแม่ของเธอจริงๆ เพราะหลังจากแต่งงาน คุณหญิงดุจดาวก็เรียกเธอว่าลูกและแทนตัวเองว่าแม่ ทำให้คนที่ขาดความรักจากแม่มาตั้งแต่เด็กรู้สึกอบอุ่น “ได้ค่ะ” [ดีมากลูก ไม่เกินห้าโมงเย็นเดี๋ยวแม่ให้ตาไฟไปรับที่ร้านนะ แม่ไม่อยากให้หนูขับรถน่ะ มันอันตราย] ร้านที่คุณหญิงดุจดาวกล่าวถึง คือร้านคาเฟ่ขนมไทย ที่ท่านเปิดให้มารีน หลังจากที่มารีนแต่งงานกับไฟซาล “จะดีเหรอคะ มาเกรงว่า...” [ทุกอย่างที่แม่เลือกให้ ดีที่สุดอยู่แล้วลูก แค่นี้นะเย็นนี้เจอกันจ้ะ] “ค่ะคุณแม่ สวัสดีค่ะ” ทุกอย่างที่แม่เลือกให้ดีที่สุดอย่างนั้นเหรอ มารีนผุดยิ้มมุมปาก ไม่รู้เลยว่าจะดีอย่างที่ท่านพูดมาหรือไม่ ผ่านมาครึ่งปีแล้ว เธอยังไม่เห็นว่าอะไรจะดีขึ้นมาเลย มีแต่จะแย่ลงไปกว่าเดิมด้วยซ้ำ “พี่มา เดี๋ยวมิวเอาขนมไปส่งลูกค้าก่อนนะพี่” มิว พนักงานเพียงคนเดียวของร้าน เอ่ยบอกมารีน ชูถุงขนมให้หญิงสาวดูประกอบคำพูด “จ้ะ ขับรถระวังด้วยนะ” “จ้า” และหลังจากนั้น มารีนก็หันมาสนใจทำงานที่ร้านต่อ คาเฟ่ของหญิงสาวเป็นคาเฟ่ขนมไทย ทว่าไม่ได้หวานจับใจ เพราะหญิงสาวคิดค้นและทดลองสูตรใหม่ เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย ใช้น้ำตาลจากธรรมชาติมาเป็นวัตถุดิบ จึงเป็นขนมไทยที่สาวยุคใหม่สามารถทานได้ นอกจากขนมไทย ที่ร้านยังมีเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ จำพวกผักและผลไม้ปั่น หรือหากลูกค้าอยากดื่มกาแฟ ที่ร้านก็มีบริการเช่นกัน อีกทั้งมารีนยังรับจัดของว่าง สำหรับสัมมนาอบรม จึงทำให้ที่ร้านมีลูกค้าค่อนข้างมาก รถยนต์สีดำคันคุ้นตา แล่นเข้ามาจอดลงหน้าร้านของมารีนในเวลาห้าโมงเศษ หญิงสาวที่นั่งรออยู่จึงรีบเดินเข้ามาหา “เชิญครับคุณมา” ศิลาทำหน้าที่เปิดประตูรถให้หญิงสาว มารีนจึงยกมือไหว้ เพราะอย่างน้อยเธอก็อายุน้อยกว่าชายหนุ่ม “ขอบคุณค่ะ” “ไม่ต้องไหว้ผมหรอกครับคุณมา มันคือหน้าที่ครับ” “มาเกรงใจค่ะ” พูดจบมารีนก็ขึ้นไปนั่งบนรถ ข้างคนที่นั่งหน้าเรียบเฉย ทว่ากลับสาดประโยคเจ็บปวดใส่เธออย่างร้ายกาจ “ไปพูดกรอกหูอะไรแม่ฉันอีก ท่านถึงบังคับให้ฉันมารับเธอที่นี่ ทั้งที่เธอก็ขับรถเป็น เธอนี่มันจริงๆ เลยนะ เห็นว่าแม่ฉันเอ็นดูเข้าหน่อย ก็เรียกร้องอยากได้นั่นอยากได้นี่” “มาไม่ได้พูดอะไรเลยนะคะ” ไฟซาลปรายตามองคนข้างกันเล็กน้อย “คุณกำลังไม่เชื่อในสิ่งที่มาพูด” คราวนี้ไฟซาลหันหน้ามามองมารีนเต็มตา “แล้วยังไง” มารีนเม้มปากกำมือแน่น เธอไม่รู้เลยว่าจะต่อสู้หรือรับมือกับไฟซาลอย่างไร “ก็ไม่ยังไงหรอกค่ะ” เมื่อสู้ไม่ได้ก็ตัดบทลงเสียดื้อๆ หันหน้าหนีไปมองด้านข้าง จึงไม่เห็นว่ามุมปากของคนที่กวนประสาทยกยิ้มเล็กน้อย “ไม่ต้องบอกแม่ฉันล่ะ เรื่องที่ฉันถูกยิง” มารีนไม่ตอบ ไฟซาลที่ไม่ค่อยมีความอดทนสักเท่าไหร่ จึงกระชากแขนเล็กให้หญิงสาวหันกลับมาหากัน “เมื่อกี้ได้ยินที่ฉันพูดไหม” “ค่ะ!” กระแทกเสียงใส่อย่างอารมณ์เสีย แต่กลับทำให้ไฟซาลอารมณ์ดี รั้งท้ายทอยเล็กเข้ามาหา ประกบริมฝีปากลงบนกลีบปากนุ่มแรงๆ เป็นการทำโทษคนดื้อที่กล้ากระแทกเสียงใส่เขา “อื้อ...” กำปั้นเล็กทุบลงบนอกกว้าง เมื่อถูกชายหนุ่มขบกัดริมฝีปากของตัวเองจนเจ็บ “อย่าดื้อกับฉันให้มันมาก เพราะฉันไม่ได้ใจดี” มารีนสะบัดหน้าออกจากมือหนา หันมองไปยังด้านหน้า “ฉันจะเตือนเธออีกครั้ง ว่าหยุดเรื่องที่เธอกับแม่ร่วมมือกันลงซะ ลูกไม่ใช่เครื่องมือที่เธอจะเอามาใช้ผูกมัดฉัน เพราะต่อให้เธอท้องตามที่แม่ต้องการ ฉันก็ไม่มีวันยกย่องเธอเป็นเมีย” มันเจ็บจนไม่รู้จะเจ็บยังไง ที่ได้ยินประโยคโหดร้าย ออกมาจากปากของคนที่เธอแอบรักมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้า แต่เธอก็ไม่เคยใฝ่สูงอยากได้เขามาเป็นของเธอเลยสักนิด เธออยู่แบบเจียมตัวมาตลอด เพราะรู้ดีแก่ใจว่าผู้หญิงกำพร้าที่มียายเป็นคนรับใช้ในบ้าน ไม่คู่ควรกับคนอย่างชายหนุ่มแม้เพียงเศษผุยผง “เพราะคุณยังลืมคุณปลายวาดไม่ได้อย่างนั้นเหรอคะ หัวใจคุณมันถึงมืดบอดขนาดนี้ ทั้งๆ ที่คุณปลายวาดก็เสียไปตั้งนาน ทำไมคุณถึงยังจมอยู่กับอดีตที่ผ่านมาเป็นสิบปีอยู่อีก” “อย่ามาแตะต้องปลาย!! แม้แต่ชื่อเธอก็ไม่มีสิทธิ์พูดถึงปลายแบบนั้น” มือหนาบีบเข้าที่คางของมารีนเต็มแรง สายตาวาวโรจน์ด้วยความไม่พอใจ ที่มารีนเอ่ยถึงคนรักที่จากไป "มาต้องทำยังไง คุณถึงจะยอมเปิดใจให้มาบ้าง" “ไม่ต้องทำอะไรและเดินออกไปจากชีวิตฉันแค่นั้นพอ... ต่อให้เธอทำดีกับฉันแค่ไหน ฉันก็ไม่มีวันรักเธอ เพราะหัวใจของฉันให้คนที่ฉันรักไปหมดแล้ว ผู้หญิงเห็นแก่เงินอย่างเธอเทียบไม่ได้เลยสักนิด แต่ถ้าเธอยังไม่ออกไปจากชีวิตฉัน ก็อยู่ให้ฉันทรมานแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วกัน อยู่ในมุมลับที่จะไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นเมียฉัน” สะบัดมือออกจากคางของหญิงสาวอย่างนึกรังเกียจ หัวใจชายหนุ่มเจ็บราวระบม เมื่อคิดถึงคนรักที่จากลาไปไกลแสนไกล
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม