“โธ่โว้ย!!”
เพล้ง!!
“พวกมึงทำงานเหี้ยกันยังไงวะ ถึงพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดตะโกนด่าลูกน้องที่ยืนอยู่ตรงหน้า ข้าวของบนโต๊ะทำงานถูกกวาดกระจายลงพื้น พร้อมกับกล่องของขวัญที่ไฟซาลส่งมาให้ ก็ร่วงลงพื้นไม่ต่างกัน
“ขอโทษครับคุณเฟย” หัวหน้าชุดที่นำทีมไปเอ่ยขอโทษ
นั่นยิ่งทำให้เฟยหลงโมโหมากขึ้นกว่าเดิม ร่างสูงเดินเข้ามาฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของลูกน้องเต็มแรง
เพี้ยะ!!
“กูฟังคำนี้มากี่รอบแล้ววะ คำว่าขอโทษ ขอโอกาส ครั้งหน้าจะไม่ให้พลาด พวกมึงพูดมากี่ครั้งแล้ว ครั้งนี้ก็เหมือนกัน งานง่ายๆ แต่แม่งยังเสือกทำพลาด กูอยากจะฆ่าพวกมึงจริงๆ”
เพราะมันไม่ใช่แค่คำว่าพลาด แต่นี่มันหมายถึงเขาได้พลาดท่าเสียทีให้ไฟซาลอีกครั้ง และเขาก็เชื่อ ว่าไฟซาลมันจะต้องเล่นงานเขากลับแน่
“ใจเย็นๆ ครับคุณเฟย” ชุน ลูกน้องคนสนิทเอ่ยขึ้น ก่อนจะหันมาพยักหน้าให้ลูกน้องที่ถูกตบออกจากห้องไป
เฟยหลงกระแทกลมหายใจออกมาหนักๆ เดินมาหยุดยืนอยู่ที่กระจกใส ด้านหลังโต๊ะทำงาน มองภาพตึกรามบ้านช่องที่สลับซับซ้อนกัน เพื่อข่มอารมณ์โมโหของตัวเอง
“ผมว่าพวกนั้นมันทำเต็มที่แล้ว นายอย่าโมโหไปเลยนะครับ” เฟยหลงหมุนตัวกลับมองลูกน้องคนสนิท
“มึงจะให้กูใจเย็นยังไงไหว มึงเห็นแล้วใช่ไหม ว่าครั้งนี้ไอ้ไฟมันเอาจริง”
‘ของฝากจากเพื่อนรัก กูก็คิดว่ามึงจะเก่งมากกว่านี้ซะอีก ถ้าอยากรู้ว่าคนเก่งเขาเล่นกันยังไง เดี๋ยวว่างๆ กูเล่นให้ดูแล้วกันนะ’
นั่นคือข้อความที่ติดมากับกล่องชิ้นส่วนของลูกน้อง ที่ถูกไฟซาลเล่นงานเมื่อคืนที่ผ่านมา
ยิ่งทำให้เฟยหลงโมโหมาก จนเกิดเป็นการอาละวาดอย่างที่เห็น
“มันอาจจะแค่ขู่ก็ได้นะครับ” หน้าที่ของชุน คือทำอย่างไรก็ได้ ให้เจ้านายอารมณ์เย็นลง
“กูรู้จักนิสัยมันดี ไอ้นี่ถ้าลองมันได้บ้าขึ้นมา มันกัดไม่เลือกหน้าและกัดไม่ปล่อยด้วย เพิ่มกำลังพลตรวจตราโกดังเก็บของให้ดี แม้แต่หนูตัวเดียวก็อย่าให้มันเล็ดลอดเข้าไปได้”
“ครับคุณเฟย”
“ส่วนของนั่นเอาไปทิ้ง แล้วเรียกแม่บ้านให้มาเก็บกวาดห้องนี้ให้ฉันด้วย”
“ได้ครับ”
“ยัยฟางเข้ามาทำงานหรือยัง”
“เห็นว่าวันนี้มีออกไปพบลูกค้าตอนเช้าครับ” เฟยหลงพยักหน้ารับ ยกมือไล่ชุนให้ออกไป และก็เป็นจังหวะเดียวกับที่โทรศัพท์มีสายเรียกเข้ามาพอดี
“ฮัลโหล”
[น้ำเสียงไม่ค่อยดีเลยนะมึง ถ้าให้กูเดา น่าจะกำลังโมโหอยู่ใช่ไหม]
“ไอ้ไฟ!!” ชื่อที่เจ้านายเอ่ยออกมา ทำให้ชุนชะงักมือที่กำลังจะยื่นไปดึงประตูห้องทำงาน รีบเดินกลับมาหาเจ้านายทันที
[ตื้นตันว่ะ ไม่คิดว่าเพื่อนรักจะจำเสียงกูได้ขนาดนี้] เฟยหลงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ มือกำโทรศัพท์ที่แนบหูเอาไว้แน่น สายตาวาวโรจน์ขึ้นมา
“เพื่อนชั่วๆ แบบมึง ทำไมกูจะจำไม่ได้ สารเลว” กัดฟันเอ่ยตอบกลับ ทว่ากลับได้ยินเสียงหัวเราะจากปลายสายดังมา
[กูเลวยังไม่ได้ครึ่งของพ่อมึงเลย เอาเป็นว่ามึงได้รับของขวัญจากกูแล้วใช่ไหม อ่านการ์ดที่กูเขียนแปะกล่องไปแล้วหรือยัง ทำไมถึงยังไม่สั่งลูกน้องให้มาเฝ้าโกดังอีกเหรอ ว้า! แล้วอย่างนี้จะทันไหมล่ะเนี่ย] ยังไม่ทันที่เฟยหลงจะเอ่ยอะไรออกไป สายก็ถูกตัดไปเสียแล้ว
“ไอ้ไฟ!! ไฟ ไอ้เหี้ยไฟ มึงพูดอะไรของมึง”
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
คราวนี้เป็นเสียงโทรศัพท์ของชุนบ้างที่ดังขึ้นมา ชายหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะกดรับสาย
“ว่าไง...ห้ะ!! อะไรนะ!! ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
“เกิดอะไรขึ้นชุน”
“โกดังถูกไฟไหม้ครับนาย”
“ไอ้ไฟ!! ไอ้เหี้ยเอ๊ย!!”
ทางด้านไฟซาลหลังจากกดวางสายจากเฟยหลง ชายหนุ่มก็ดูวิดีโอที่ต้นกล้าส่งผลงานมาให้
ภาพโกดังของเฟยหลงถูกเปลวเพลิงโหมใส่กำลังลุกโชน ช่างเป็นภาพที่สวยงามเสียจริง
คนอย่างไฟซาล เป็นคนแฟร์ๆ อยู่แล้ว ทำอย่างไรมา ก็ต้องตอบแทนด้วยวิธีนั้นเช่นกัน แต่ก็ไม่รับประกันผลลัพธ์นะ ว่ามันจะมากหรือน้อยกว่า
“ทำดีมากกล้า กลับมาได้แล้ว” สั่งลูกน้องลงไปตามสาย เมื่อทุกสิ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
“ขออนุญาตครับนาย คุณท่านโทรมาครับ” ศิลาเดินเข้ามาในห้องทำงาน พร้อมทั้งยื่นโทรศัพท์ให้ผู้เป็นเจ้านาย
“ครับคุณแม่” เสียงทุ้มละมุนอบอุ่น กรอกลงไปตามสาย ใบหน้าที่เฉยชามีรอยยิ้มบางประดับอยู่
[คุยกับใครอยู่ลูก เมื่อกี้แม่โทรไปสายไม่ว่าง]
“สั่งงานลูกน้องอยู่ครับ คุณแม่โทรหาผมแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า”
[เย็นนี้กลับมากินข้าวกับแม่นะไฟ]
“ได้สิครับ” ไม่มีสักครั้งที่ชายหนุ่มจะปฏิเสธมารดาอันเป็นที่รัก
[น่ารักที่สุด อ๋อ! แม่ฝากไฟไปรับหนูมาที่ร้านด้วยนะลูก แม่ไม่อยากให้หนูมาขับรถเอง หนูมายังขับไม่ค่อยคล่องสักเท่าไหร่] ไฟซาลผ่อนลมหายใจออกมาหนักๆ
“ผมมีสิทธิ์ปฏิเสธไหมครับ”
[ตกลงตามนี้นะลูก แม่ไม่กวนแล้ว]
และแน่นอนว่าไฟซาลไม่มีสิทธิ์คัดค้านใดๆ เมื่อมารดาได้ในสิ่งที่ท่านต้องการ ก็ตัดสายไปทันที