“แหม…พูดอย่างนั้นเดียวคุณอัญเข้าใจผิดก็แย่สิวะ แต่จะว่าไปก็จริงอย่างที่ชรัมภ์มันว่า อาชีพผมต้องลงเสาเอก ตอกเสาเข็มอยู่บ่อยๆ เพราะผมทำธุรกิจสร้างบ้านจัดสรรขายครับ”
“ดีจัง…แล้วไม่คิดจะทำไร่ส้มอย่างพ่อเลี้ยงบ้างหรือคะ” อัญชันถาม
“งานไร่งานฟาร์มผมคงไม่ถนัดเท่าพ่อหนุ่มลูกทุ่งคนนี้หรอกครับ”
กล่าวพลางชำเลืองมาทางพ่อเลี้ยงชรัมภ์ที่กำลังรินวิสกี้ลงแก้วอย่างใจเย็น
“ปล่อยให้มันทำบ้านจัดสรรขายน่ะดีแล้วครับ ผมไม่อยากมีคู่แข่ง”
ชรัมภ์ว่าพลางเสือกแก้วเหล้าให้อาทิตย์ จากนั้นจึงหันไปรินอีกแก้วให้อัญชันด้วยท่าทีที่นุ่มนวลต่างกัน
“ผมรู้มาว่าคุณอัญเพิ่งกลับมาจากอเมริกา ถ้าสนใจบ้านสักหลัง หรือคิดจะมาลงหลักปักฐานอยู่เมืองไทย…อย่าลืมนึกถึงผมเป็นคนแรกนะครับ”
อาทิตย์กล่าวทีเล่นทีจริง
อัญชันหารู้ไม่ว่าก่อนหน้าที่ชรัมภ์จะแนะนำให้เธอกับอาทิตย์ได้รู้จักกัน อาทิตย์แอบถามเรื่องของเธอและลูกสาวกับชรัมภ์จนละเอียดยิบ
“ดาหลาดื่มได้ใช่มั้ยครับ” ชรัมภ์เลิกคิ้วถามเป็นเชิงขออนุญาติอัญชันไปในตัว
“ดื่มได้ค่ะ…ถ้าคุณแม่อยู่ด้วย แต่มีข้อแม้ว่าดื่มได้นิดเดียว”
หญิงสาวตอบตามที่ได้ผู้เป็นแม่ได้วางข้อตกลงร่วมกันเอาไว้
“แล้วนิดเดียวนี่กี่แก้วครับ” ชรัมภ์อยากรู้
“สองแก้วค่ะ”
หญิงสาวตอบ ชรัมภ์หัวเราะร่วนด้วยความชอบใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“ถ้างั้นคืนนี้น้าขออนุญาตแม่ให้เอง…คนกันเองทั้งนั้น ที่นี่ไม่มีอะไรต้องห่วง น้ารับผิดชอบเอง จริงมั้ยอัญ” พ่อเลี้ยงหันไปขอความเห็น
“ลงได้พ่อเลี้ยงเอ่ยปากทั้งที ก็คงต้องอนุญาต”
ทันทีที่อัญชันกล่าวจบ อาทิตย์ก็ขอชนแก้วกับเธอ จากนั้นเสียงปากแก้วก็กระทบกันเบาๆ ผ่านไปหลายต่อหลายแก้ว ดาหลาเลือกที่จะดื่มไวน์ เพราะรู้ดีว่าตัวเองคอไม่แข็งเหมือนพวกผู้ใหญ่
อีกครู่ถัดมา
เสียงเพลงชะชะช่าพาเพลินที่ป้าบัวเป็นคนขอให้กับรุ่นใหญ่หลายคนที่รอวาดลวยลายเปิดฟลอร์เต้นรำ ก็ดังขึ้น อาทิตย์สบจังหวะรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ โค้งคำนับอัญชัน ขอให้เธอออกไปเต้นรำกับเขา
“เอ่อ…อัญไม่ได้เต้นมานานแล้วค่ะ เห็นทีจะไม่ไหว”
เธอออกตัว ทว่าคนดื้อก็ยังไม่เลิกรบเร้า
“น่า…นะ เดี๋ยวผมสอนให้ นานทีปีหนจะมีโอกาสสักที อย่าปฏิเสธผมเลยนะครับ”
เขาออดอ้อนทั้งแววตาและน้ำเสียง กระทั่งอัญชันใจอ่อนในที่สุด
เมื่อถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังกับดาหลา ชรัมภ์รีบหาเรื่องชวนคุยขึ้นมาทันที
“อยากเต้นบ้างมั้ยครับ น้าจะเป็นคู่เต้นให้” พ่อเลี้ยงอาสา
“ปล่อยให้คุณแม่วาดลวดลายไปคนเดียวจะดีกว่านะคะ ดาไม่ค่อยถนัดนักค่ะ”
เธอรีบออกตัว ชรัมภ์ยกแก้วเหล้าขึ้นเชื้อเชิญให้เธอชนแก้วกับเขา ดวงตาจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่ม น่าแปลกที่หญิงสาวคนนี้ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด
ชรัมภ์ยอมรับว่านับแต่ครั้งแรกที่เขาได้เจอเธอ ดวงหน้าหวานหยาดก็ย้ำอยู่ในความคิดคำนึง ฝังตรึงอยู่ในความทรงจำของเขาเรื่อยมา มันเป็นความรู้สึกประหลาดล้ำซึ่งไม่เคยเกิดกับผู้หญิงคนใดมาก่อน
“หนูมีแฟนหรือยัง?”
ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้หนุ่มใหญ่ตั้งคำถามกับหญิงสาวรุ่นราวคราวลูก
“คุณอาหมายถึง Boyfriend”
เธอเอ่ยด้วยคำภาษาฝรั่ง หัวคิ้วโค้งราวคันศรชิดเข้าหากันเล็กน้อย นึกใจในว่า ‘จำเป็นด้วยหรือที่เธอจะต้องแจกแจงรายละเอียดให้เขาฟัง’
“ใช่…น้าหมายถึงคนรัก หมายถึงเพื่อนชาย”
“มีคนมาชอบอยู่หลายคนค่ะ”
เธอตอบเหมือนไม่อยากตอบ แต่ก็ไม่เชิงว่าเลี่ยง
“แล้วมีที่หนูชอบบ้างมั้ย…เอ่อ น้าหมายถึงในบรรดาหนุ่มๆพวกนั้น สวยๆอย่างหนู น้าเชื่อแน่ว่าคงมีหลายคน ตอนนี้หนูคบใครเป็นพิเศษอยู่หรือเปล่า?” เขายังอยากรู้ แอบยิงคำถามล้วงลึก ถามจบก็ตะแคงใบหน้า รอฟังคำตอบ
“หนูยังไม่คิด…แล้วคุณน้าอยากรู้ไปทำไมคะ?”
คราวนี้เธอเลี่ยงที่จะลงลึกในรายละเอียด ด้วยเห็นว่าไม่ใช่กงการอะไรของเขาเลยสักนิด
“ในฐานะที่น้าเป็นผู้ใหญ่กว่าน่ะ”
“แต่หนูก็ยี่สิบแล้วนะคะ ไม่เด็กแล้ว”
“ข้อนั้นน้าเชื่อ…เรื่องสรีระร่างกายหนูไม่เด็กแล้วจริงๆ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายถึงวุฒิภาวะและการตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆซึ่งควรจะให้ผู้ใหญ่อย่างน้าช่วยเป็นธุระ”
ตนตัวโตกล่าวพลางสำรวจเรือนร่างของหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาแพรวพราว
“อย่าโกรธนะ ที่น้าถาม” เขารีบออกตัว เมื่อเห็นเธอนิ่ง
“ไม่โกรธค่ะ” เธอหันมายิ้มแห้งๆ
“แต่ที่น้าต้องถามเป็นข้อมูลเอาไว้ เอ่อ…คุณแม่บอกแล้วใช่มั้ย”
เขาเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเคร่งขรึมอย่างผู้ใหญ่ใจดี เหมือนเพิ่งนึกบางอย่างขึ้นมาได้ น้ำเสียงตอนท้ายประโยคที่ตวัดสูงอย่างจงใจให้รู้ว่าเธอควรรับรู้ในข้อตกลงบางอย่างระหว่างเขากับแม่ของเธอ
“คุณแม่ยังไม่ได้บอกค่ะ…เรื่องอะไรคะ?”
เธอแหงนหน้าขึ้นมองตาเขาด้วยสายตาสงสัย
“ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป อัญชันจะลงไปทำธุระที่กรุงเทพฯ ระหว่างนั้นหนูต้องอยู่ที่นี่ ช่วงที่แม่ไม่อยู่ น้าคงต้องรับหน้าที่ ‘ผู้ปกครอง’ ของหนูไปพลางๆ”
เขาเน้นหนักตรงคำว่า ‘ผู้ปกครอง’ ทำสีหน้าเหมือน ‘จำใจ’ รับภาระ ทั้งที่ลึกๆแล้ว ‘เต็มใจที่สุด’
“หนูไปกับคุณแม่ก็ได้นี่คะ จะได้ไม่ต้องเป็นภาระคุณน้า”
เธอหาทางออกให้กับปัญหาที่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่ได้…”
“ทำไมล่ะคะ”
“ไปด้วยไม่ได้ บอกแล้วไงว่าคุณแม่มีธุระสำคัญ เป็นเรื่องส่วนตัว ต้องสะสางให้จบก่อนกลับอเมริกา”
เมื่อได้ยินที่เขาบอก ชรัมภ์แอบสังเกตเห็นว่าดาหลาทำหน้าง้ำงอ ทำให้เขามองเห็นว่าในบางมุม ดาหลายังมีความเป็นเด็กๆอยู่มาก หากก็น่ารักน่าเอ็นดูเสียเหลือเกินในสายตาของเขา
“หนูว่าน้าแก่เกินไปมั้ย”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวอดก้าที่กระดกลงคอไปหลายแก้ว หรือไม่ก็คงเป็นเพราะความเป็นคนไม่อ้อมค้อมของเขา ทำให้พ่อหนุ่มลูกทุ่งโพล่งออกไปเช่นนั้น
“ไม่แก่ค่ะ”
เธอส่ายหน้า ไม่เชิงว่าเข้าใจนัก ในจุดประสงค์ของคนถาม
“ชอบผู้ชายที่อายุมากกว่ามั้ย” เขาถามอีก
“ชอบค่ะ” เธอตอบ
“จริงอ่ะ…”