บทที่ 7 จูบแรก
จรัสรักเดินตามเจ้าของร่างสูงเข้ามาในเพนต์เฮาส์สุดโอ่อ่า ภายในกว้างขวาง ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น คุมโทนสีขาว ดำ เทา ดูเรียบง่าย หากก็ดูลึกลับน่าค้นหา บ่งบอกถึงลักษณะนิสัยของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี
หญิงสาวมองสำรวจได้เพียงคร่าว ๆ ก็ต้องดึงสายตากลับมา เมื่อคนตัวสูงเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบานหนึ่ง ก่อนจะเปิดและเดินนำเข้าไป
“คุณอาบน้ำในห้องนี้” จิณณ์เปิดตู้และหยิบผ้าขนหนูออกมาวางลงบนเตียง “นี่ผ้าขนหนู ส่วนห้องน้ำอยู่ตรงนั้น”
“ค่ะ”
“อาบเสร็จแล้วรอในนี้ เดี๋ยวผมมา”
เมื่อประตูห้องปิดลง จรัสรักก็ไม่มัวโอ้เอ้ให้เสียเวลา หยิบผ้าขนหนูแล้วเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำตามที่เขาบอก ดวงตากลมโตไล่มองอุปกรณ์อาบน้ำแต่ละชิ้น ห้องนี้เหมือนไม่มีใครอยู่ประจำ แต่กลับมีของใช้ที่จำเป็นแบบครบครัน
ใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีเธอก็สวมชุดคลุมอาบน้ำเดินออกมา หญิงสาวโล่งอกที่ภายในห้องยังไร้เงาคนเป็นเจ้าของ ร่างบางไล่เปิดลิ้นชักเพื่อหาไดร์เป่าผม เนื่องจากตอนอาบน้ำเธอไม่ได้ใส่หมวกคลุม ทำให้น้ำกระเซ็นไปโดนผมจนเกือบเปียกชุ่ม เธอจึงตัดสินใจสระผมไปด้วยเลย
ทว่าหาเท่าไรก็หาไม่เจอ จรัสรักยืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่แน่ใจว่าควรออกไปถามเจ้าของห้องดีหรือไม่ เพราะเขาบอกให้รออยู่ในนี้ อีกทั้งน้ำเสียงยังฟังดูเหมือนไม่อยากให้เธอออกไปเพ่นพ่านข้างนอก เดาว่าเขาคงเป็นคนที่หวงพื้นที่ส่วนตัวมาก ๆ
แล้วจะพาเธอมาที่นี่ทำไม ?
นั่นคือคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ แต่คิดไปก็คงไร้คำตอบเช่นเคย เพราะจิณณ์เป็นคนที่คาดเดาอะไรไม่ได้จริง ๆ
จรัสรักรออยู่ในห้องต่ออีกประมาณสิบนาที ทว่าก็ยังไร้วี่แววว่าเจ้าของร่างสูงจะกลับเข้ามา ลองเอาหูไปแนบกับประตูเพื่อฟังความเคลื่อนไหวภายนอก แต่ทุกอย่างกลับเงียบกริบ
ร่างบางตัดสินใจแง้มประตูออกไปส่องดู แต่ก็ไม่เห็นเขาอยู่ในระยะสายตา จรัสรักค่อย ๆ ขยับเดินออกไปอย่างช้า ๆ ชะโงกหน้ามองไปอีกฟากของเพนต์เฮาส์ขนาดสองชั้น หญิงสาวเดาว่าห้องนอนของเขาคงอยู่ชั้นบนแต่เธอไม่กล้าถึงขนาดเดินขึ้นไปเคาะห้องถามเขาหรอก
เจ้าของร่างบางกำลังจะหมุนตัวกลับไปรอในห้องตามเดิม ทว่าในจังหวะที่เธอหันหลัง หูก็ได้ยินเสียงเปิดประตู ก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงเข้ม ๆ ที่ฟังดูห้วนจัด
“ทำอะไร”
จรัสรักสะดุ้งเล็กน้อย รีบหมุนตัวกลับไปมองคนที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสอง หญิงสาวยังไม่ทันได้แก้ตัว เสียงทุ้มเข้มก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ถามว่าทำอะไร บอกให้รออยู่ในห้อง”
“เอ่อ...คือรัก เอ่อ...ลีฟหาไดร์เป่าผมไม่เจอ”
ดวงตาคมกริบมองไปยังเรือนผมยาวที่เปียกหมาดของหญิงสาว ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ ไม่ได้ห้วนเหมือนก่อนหน้านี้ “เข้าไปรอในห้อง เดี๋ยวหยิบไปให้”
“ค่ะ” ร่างบางรับคำแล้วรีบทำตามคำสั่งของเจ้าของห้อง
รอไม่ถึงสิบนาทีจรัสรักก็ได้สิ่งที่ต้องการ หญิงสาวไม่รอช้ารีบนำไปเสียบปลั๊กและใช้งานมันทันที ส่วนคนที่เอามาให้เดินออกไปข้างนอก คาดว่าอีกสักหน่อยคงกลับเข้ามา
จรัสรักใช้เครื่องเป่าผมอย่างระมัดระวัง เพราะเห็นอินฟลูเอนเซอร์หลายคนรีวิวผ่านโซเชียล จึงรู้ว่ายี่ห้อนี้มีราคาสูงมาก เธอทำงานที่ร้านกาแฟทั้งเดือนยังซื้อไม่ได้เลย หากเผลอทำพังขึ้นมาเธอคงไม่มีปัญญาซื้อชดใช้แน่นอน
กระทั่งผมแห้งสนิททุกเส้น หญิงสาวม้วนสายเก็บอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา เธอหันไปมองก่อนจะรีบเอ่ยบอกเขา
“อีกแป๊บนึงค่ะ ใกล้เสร็จแล้ว”
จิณณ์พยักหน้ารับรู้ วางถุงช็อปปิงบางอย่างลงบนโต๊ะเครื่องแป้งตรงหน้าหญิงสาวแต่ไม่พูดอะไร จากนั้นก็เดินไปนั่งรอที่หัวเตียง
จรัสรักที่คิดว่าเขาละความสนใจไปแล้วจึงรีบหยิบหวีขึ้นมาสางผมให้เข้าที่ กำลังจะยื่นมือไปหยิบโลชันมาชโลมใบหน้าเพื่อไม่ให้มันแห้งกร้านมากเกินไป ทว่าเสียงทุ้มของคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงกลับดังแทรกขึ้นมา
“ใช้ที่อยู่ในถุง”
“คะ ?” เธอมองคนพูดผ่านกระจกด้วยสีหน้างุนงง เขาจ้องกลับมาหากไม่ยอมเอ่ยอะไร หญิงสาวจึงคลี่ดูสิ่งที่อยู่ในถุง พบว่ามันคือสกินแคร์ราคาแพงยี่ห้อหนึ่ง เธอหยิบมันขึ้นมาแล้วถามเขาอีกครั้ง “ให้ลีฟเหรอคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ลองใช้ดูว่าเข้ากับผิวหรือเปล่า”
“ขอบคุณค่ะ” แม้จะเกิดความสงสัยว่าเขาให้เธอทำไม หากก็เลือกที่จะไม่ถาม ด้วยรู้ดีว่าคนอย่างเขาไม่ชอบอธิบาย ไม่ว่าเขาจะให้ด้วยเหตุผลใด เธอจึงยอมรับของมาด้วยความยินดี
จรัสรักม้วนผมขึ้นและติดกิ๊ฟต์ไว้กลางศีรษะ จากนั้นก็หยิบกระปุกสกินแคร์ที่เพิ่งได้รับมาหมาด ๆ ขึ้นมาอ่านวิธีใช้ ก่อนจะใช้นิ้วปาดขึ้นมาแต้มบนใบหน้าตามจุดและเกลี่ยทาแบบบางเบา
หญิงสาวเปิดถุงดูอีกรอบ เมื่อครู่เธอสังเกตเห็นว่าไม่ได้มีแค่ครีมกระปุกนี้อย่างเดียว แต่มันมีขวดโลชันและน้ำหอมอยู่ในนั้นด้วย เธอวางโลชันยี่ห้อเดียวกับสกินแคร์ลงบนโต๊ะ แล้วพลิกดูกล่องน้ำหอม ยี่ห้อนี้เธอไม่รู้จัก แต่ดูจากดีไซน์ของกล่องแล้วคิดว่าน่าจะเป็นของแพง
“อุ๊ย!” จรัสรักที่กำลังให้ความสนใจกับสิ่งของตรงหน้าสะดุ้งตัวเล็กน้อยด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ ก็ถูกสวมกอดจากด้านหลัง ใจเธอสั่นระรัว รีบวางของลงบนโต๊ะแล้วมองเขาผ่านกระจก “ละ...ลีฟยังไม่เสร็จเลยนะคะ”
“ทำต่อไปสิ” จิณณ์ไม่ยอมผละออก หากใช้สันจมูกซุกไซ้ไปตามซอกคอขาวสะอาดที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ชายหนุ่มมั่นใจว่าสบู่ที่เขาใช้มันคนละกลิ่นกับสบู่ที่โรงแรม แต่ไม่รู้ทำไมพอผสมกับกลิ่นกายของผู้หญิงคนนี้ มันถึงได้หอมมากกว่าเดิม เขารู้สึกข้องใจจึงถามออกไป “ปกติใช้น้ำหอมกลิ่นอะไร”
“ปกติไม่ได้ใช้น้ำหอมเลยค่ะ” จรัสรักตอบพร้อมพยายามดึงสมาธิให้กลับมาอยู่ที่การทาโลชัน พลันนั้นก็เอะใจเรื่องกลิ่นตัวขึ้นมา ที่เขาให้น้ำหอมเธอวันนี้ อาจเป็นเพราะว่า...“ลีฟมีกลิ่นตัวหรือเปล่าคะ”
“เปล่า”
“แต่คุณเพิ่งให้น้ำหอม...”
“ให้เฉย ๆ ไม่มีอะไร” เมื่อสัปดาห์ก่อนเขาไปทำธุระที่ห้าง จึงแวะไปซื้อของใช้ส่วนตัว พอดีกับ SA เข้ามานำเสนอสินค้า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผู้หญิง ตอนแรกจิณณ์ไม่ได้สนใจ ออกจะรำคาญพนักงานคนนั้นด้วยซ้ำ แต่เมื่อได้เทสต์กลิ่นจู่ ๆ ใบหน้าของจรัสรักก็ผุดขึ้นมาในหัว ชายหนุ่มจึงตัดความรำคาญด้วยการซื้อให้มันจบ ๆ รวมถึงสกินแคร์กับโลชันทาผิวด้วย
จรัสรักยังคงมองเจ้าของร่างสูงผ่านกระจก ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาพอดี และไม่กี่วินาทีต่อมาก้อนเนื้อในอกก็เกิดอาการสั่นไหว ใบหน้าของหญิงสาวร้อนผะผ่าวอย่างควบคุมไม่ได้ เธอถูกดวงตาคู่คมตรึงเอาไว้ราวกับต้องมนตร์สะกด สมองสั่งให้ดึงสายตาหลบ หากหัวใจกลับไม่ยอมทำตาม
กระทั่งรู้สึกว่าต้านทานไม่ไหว หญิงสาวจึงรีบเสไปมองทางอื่น หลุบตามองกล่องน้ำหอมแล้วถามเสียงกระตุกกระตัก
“หะ...ให้ฉีดตอนนี้ไหมคะ” เผื่อกลิ่นน้ำหอมจะทำให้เขาพอใจกับการแนบชิดมากขึ้น
“ไม่ต้อง ผมชอบกลิ่นนี้” บอกพร้อมก้มสูดดมบริเวณซอกคออีกครั้ง เพื่อบอกให้รู้ว่าเขาหมายถึงกลิ่นไหน ครั้งนี้จิณณ์ไม่ได้แค่พูดเปล่า เขาสอดมือเข้าไปในรอยแยกของเสื้อคลุมเพื่อสัมผัสผิวกายนวลเนียนของหญิงสาว เลื่อนขึ้นกอบกุมอกอวบแล้วบีบขยำทั้งสองข้าง