หลายชั่วโมงต่อมา...
หลังจากที่เขาเล่นกับร่างกายของเธอจนพอใจแล้ว ก็ปลีกตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที ไม่นานเขาก็เดินกลับออกมาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่าไม่มีอะไรปกปิดร่างกายเลยสักชิ้น เธอจึงรีบหันหน้าหนีทันทีด้วยความเขินอาย ถึงเธอจะเห็นร่างกายของเขาหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังไม่ชินสักที
“มัวแต่เขินอายอยู่นั่นรีบไปอาบน้ำสิ จะได้ออกมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่”
“ค่ะ” เธอตอบเขาออกไปแล้วรีบพยุงร่างปวกเปียกของตัวเองเข้าห้องน้ำ เธอเดินมาที่กระจกพร้อมกับมองส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่สะท้อนเงาที่มีรอยขบเม้มมากมายตามซอกคอ และเนินอกอวบอิ่มของตัวเอง เธอจึงค่อย ๆ ขยับตัวไปนั่งลงบนพื้นห้องน้ำก้มหน้าลงซบหน้าขาของตัวเอง แล้วไม่นานน้ำตาก็ค่อย ๆ ไหลรินลงเปื้อนใบหน้า
“ฮือออ...ทำไมต้องใจร้ายกับไอแบบนี้ด้วยฮืออ...ไอไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้สักหน่อย”
“…..”
“ไอไม่ได้อยากแต่งงานกับคุณตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ” เธอทั้งร้องไห้ทั้งบ่นพึมพำด้วยความเสียใจพร้อมกับนึกคิดไปถึงวันนั้น วันที่เธอตัดสินใจแต่งงานกับเขาด้วยความไม่เต็มใจ แต่ก็ยอมตกลงแต่โดยดีเพราะคำขอร้องของผู้มีพระคุณ
“หนูไอกลับมาแล้วเหรอลูก”
“ค่ะคุณท่าน” เธอตอบผู้มีพระคุณที่ชุบเลี้ยงเธอออกไป หลังจากที่เธอกลับมาจากมหา’ลัย ในเวลาช่วงบ่ายโมง
“มาใกล้ ๆ ฉันหน่อยสิ ฉันมีเรื่องสำคัญที่จะคุยด้วย” เธอยิ้มออกมาให้กับคุณท่านพร้อมกับเดินไปนั่งลงบนพื้นพรมบริเวณใกล้ ๆ ท่าน “มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ตอนนี้หนูเรียนอยู่ปีไหนแล้ว”
“ปีสามแล้วค่ะ”
“แสดงว่าอีกไม่นานก็จะจบแล้วใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“ถ้าหนูเรียนจบแล้ว ยังอยากจะออกไปจากบ้านหลังนี้เหมือนที่เคยบอกกับฉันไว้ไหม”
“ค่ะ ไออยากไปลองใช้ชีวิตของตัวเองค่ะ แต่ไอจะกลับมาเยี่ยมคุณท่านบ่อย ๆ นะคะ” ก็อย่างที่คุณท่านพูดนั่นแหละ เธอเคยเอ่ยปากขอคุณท่านออกจากบ้านหลังนี้เพื่อไปใช้ชีวิตของตัวเอง แต่คุณท่านก็ไม่อนุญาตท่านบอกว่าตอนนั้นเธอยังเด็กเกินไปให้เธอเรียนจบก่อนท่านถึงจะอนุญาตให้เธอไป เธอก็เห็นว่าไม่ได้เสียหายอะไรก็ยอมอยู่ต่อ เพราะอยู่ที่นี่เธอก็มีความสุขมากเช่นกันเว้นแต่ตอนที่ภวิศเรียกหาเท่านั้นเอง
“งั้นตอนนี้ฉันมีเรื่องจะขอร้องหนูนิดหน่อย”
“เรื่องอะไรคะ บอกมาได้เลยนะคะ”
“หนูช่วยแต่งงานกับลูกชายของฉันหน่อยสิ”
“วะ...ว่าไงนะคะ” คำขอที่คุณท่านเอ่ยปากขอร้องทำให้เธอไปไม่เป็นเลย “คุณท่านพูดเล่นใช่ไหมคะ”
“ไม่ ฉันพูดจริง ๆ ฉันอยากให้หนูแต่งงานกับตาวิศ”
“แต่คุณวิศคงจะไม่ยอม”
“ฉันมีวิธีที่จะทำให้ลูกชายตัวเองยอมอยู่แล้ว”
“หนูขอถามเหตุผลคุณท่านได้ไหมคะ ทำไมถึงอยากให้หนูแต่งงานกับคุณวิศ”
“เอาตรง ๆ เลยนะ ลูกชายของฉันตอนนี้ถึงเขาจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแล้ว แต่ยังอ่อนหัดเรื่องความรักมาก ฉันไม่อยากให้เขาไปคว้าเอาพวกพริตตี้หรือพวกดารานางแบบมาเป็นลูกสะใภ้ฉัน”
“แต่หนูเป็นแค่ลูกสาวแม่บ้านนะคะ ไม่มีเกียรติอะไรเลยที่จะเหมาะกับคุณวิศ”
“ฉันเป็นคนเลี้ยงหนูมากับมือไง ฉันรู้นิสัยหนูดี ตอนนี้หนูเป็นคนเดียวที่เหมาะกับลูกชายของฉันที่สุด”
“แล้วถ้าแต่งงานกันไป แล้วไปไม่รอดล่ะคะ”
“ถ้าไปไม่รอดกันจริง ๆ ฉันจะยอมให้ทั้งสองคนหย่ากัน โดยที่ฉันจะไม่เอ่ยห้ามอะไรทั้งสิ้น”
“…..”
“ทำตามคำขอฉันได้ไหม หนูไอ”
“ค่ะ ไอจะยอมทำตามคำขอของคุณท่าน”
ปัง!! ปัง!! ปัง!!
เธอที่กำลังคิดถึงวันนั้นวันที่เธอคุยกับคุณท่าน ก็สะดุ้งตกใจขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างแรง
“จะนอนอยู่ในนั้นหรือไง รีบออกมา”
เธอลุกขึ้นพร้อมกับใช้มือเช็ดน้ำตาออกแล้วรีบเดินมาที่ฝักบัวเปิดน้ำเพื่อชโลมอาบโดยเร็ว อาบเสร็จก็รีบใช้ผ้าเช็ดตัวผืนบางพันรอบอกแล้วรีบเดินออกจากห้องน้ำโดยทันที
“ฉันนึกว่าเธอจะนอนในห้องน้ำซะอีก เข้าไปอะไรซะนานขนาดนั้น”
“ขอโทษค่ะ” เธอมองเขาที่ตอนนี้สวมใส่กางเกงนอนอยู่ก็รู้สึกโล่งอกกว่าเก่า เพราะอย่างน้อยก็มีอะไรปกปิด ไม่ใช่เปลือยเปล่าเหมือนก่อนหน้านี้
“รีบไปเปลี่ยนผ้าปูสิ ฉันง่วงนอนจะตายอยู่แล้ว”
“ไอขอเข้าไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ เดี๋ยวจะรีบออกมาเก็บผ้าปูที่นอนให้”
“ฉันสั่งให้เธอทำอะไร”
“แต่วะ...” เธอที่กำลังจะปฏิเสธเขาแต่พอเงยหน้าขึ้นเห็นเขาที่กำลังนั่งจ้องหน้าเธอด้วยสายตาโกรธจัด เธอจึงรีบเดินไปที่เตียงนอนพร้อมกับดึงผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่แถมมีคราบน้ำของเขาและของเธอที่ติดอยู่ค่อนข้างเยอะ เธอเอามันไปเก็บไว้ที่เครื่องซักผ้า แล้วรีบเดินมายังตู้เก็บเครื่องนอนหยิบผ้าปูที่นอนผืนใหม่มา แล้วรีบเดินมาที่เตียงจัดการใส่ผ้าปูผืนใหม่เข้าไปจนเรียบร้อย
“เสร็จแล้วค่ะ” เธอบอกเขาออกไปขณะที่เขากำลังนั่งเลื่อนจอแท็บเล็ตอยู่
“ไปไหน”
เธอเห็นเขาไม่สนใจคำที่ตัวเองพูดเลยจะเดินไปที่ห้องแต่งตัว แต่ก็โดนเรียกไว้อีกครั้ง “ไปใส่ชุดค่ะ”
“ไม่ต้องใส่ มานอน”
“ได้ยังไงกัน ไม่ใส่อะไรนอนใครจะนอนหลับ”
“งั้นฉันจะถอดนอนเป็นเพื่อนแล้วกะ...”
ครืดดด
แต่ที่เธอกับเขากำลังคุยกันอยู่นั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา พอมองแล้วเป็นเสียงโทรศัพท์ของภวิศที่ดัง เขาจึงเดินไปหยิบขึ้นมากดรับ
“มีอะไร”
(…..)
“วันนี้เหรอ”
(…..)
“เดี๋ยวไป”
พอเขาพูดเสร็จก็วางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วเดินเข้าห้องแต่งตัว ไม่นานก็เดินกลับออกมาเป็นชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวส่วนกางเกงก็เป็นกางกางขายาวสีดำ พอเขาสวมใส่ชุดแบบนี้ยิ่งขับให้เขาหล่อเข้มดูดีขึ้นมากกว่าเก่าอีก
“คุณวิศจะไปไหนคะ”
“ฉันจะไปไหนจำเป็นต้องรายงานเธอด้วยเหรอ”
“แต่คุณแม่บอกว่าวันนี้ห้ามออกไปไหนจนกว่าจะเช้า โบราณเขาถือ”
“แต่ฉันไม่ถือไง เธอมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ไอไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยค่ะ แต่ว่าคุณวะ...”
“ห้ามบอกเรื่องนี้ให้แม่ฉันรู้ด้วย ไม่อย่างนั้น ฉันเอาเธอตายแน่” เขาพูดกับเธอเสร็จก็เดินออกจากห้องไปเลย ทิ้งให้เธออยู่ในห้องที่กว้างใหญ่คนเดียว เธอที่ทำอะไรไม่ได้ก็เดินเข้าห้องแต่งตัวไปเปลี่ยนเป็นชุดนอนให้เรียบร้อย แล้วเดินกลับมานอนลงบนเตียงนอนโดยไม่ลืมที่จะยื่นมือไปปิดไฟที่สว่างอยู่ให้ดับลง
“นี่ฉันคิดผิดหรือคิดถูกเนี่ยที่ยอมแต่งงานกับเขา”