เช้าวันต่อมา
เอริคกลับมาที่ห้องพักในช่วงสายของวันต่อมาด้วยสภาพที่มีแต่กลิ่นเหล้าและเหงื่อเต็มตัวไปหมด ชายหนุ่มเปิดประตูห้องเข้ามาก็พบกับมารีนที่สวมชุดเดรสสั้นเรียบหรูสีดำแขนกุดกำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ตรงโซฟา ชายหนุ่มเหลือบตามองร่างอรชรชั่วครู่ก่อนที่เขาจะปลีกตัวเดินตรงไปยังห้องน้ำทันที ซึ่งมารีนเองก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาเช่นกันเพราะเธอก็ยังอึดอัดใจอยู่เช่นกัน
ชายหนุ่มใช้เวลาอาบน้ำไม่นานสักเท่าไหร่ ร่างกำยำสวมผ้าคลุมอาบน้ำสีขาวก้าวเดินออกมาจากห้องน้ำเมื่อเขาอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว มือหนาถือผ้าเช็ดผมสีขาวสะอาดตากำลังเดินเช็ดเรือนผมนุ่มเดินออกมาจากห้องน้ำช้าๆ
“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณค่ะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นมาอย่างกล้าๆกลัวๆ
“อะไร” ชายหนุ่มหันขวับมามองหน้าหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงโซฟาด้วยใบหน้านิ่งเรียบ
“คือ..ไหนๆเราก็แต่งงานกันแล้ว” มารีนพูดต่อพลางหลบสายตาชายหนุ่มที่เอาแต่ยืนจ้องเธอจนเธอรู้สึกประหม่า
“แล้ว?” เอริคเลิกคิ้วสูงถามอย่างยียวน
“ฉันอยากให้คุณสอนเรื่องเอกสารเกี่ยวกับพวกอสังหาริมทรัพย์กับเรื่องที่ดินให้ฉันหน่อยค่ะ” หญิงสาวตัดสินใจบอกกล่าวกับชายหนุ่มอย่างตรงไปตรงมา
“กลัวทำธุรกิจของปู่ตัวเองพังหรือไง” เอริคก้าวเดินมาใกล้หญิงสาวมากยิ่งขึ้น
“ใช่ค่ะเพราะฉันไม่มีความรู้ในเรื่องนี้เลย”
“ฉันไม่รับปากเพราะตอนนี้งานฉันก็ล้นมือแล้ว”
“ค่ะ ยังไงก็เก็บไว้พิจารณาก่อนก็ได้ค่ะ”
“วันนี้เราต้องย้ายเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ฟาฟเนอร์ด้วยกัน” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องทันที
“ค่ะ ฉันทราบแล้ว”
“ไปเก็บของ”
“ค่ะ” สิ้นเสียงหญิงสาว ชายหนุ่มหันหน้าหนีแล้วก้าวตรงไปยังห้องแต่งตัวทันทีเพราะเขาไม่อยากมองหน้าหญิงสาวนานกว่านี้ ยิ่งเขามองเธอเขาก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดภายในใจกับเหตุการณ์เมื่อคืน
เอริคเดินหายเข้าไปในห้องแต่งตัวเกือบครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นชายหนุ่มสวมชุดเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทกับกางเกงเนื้อดีสีเข้ากันก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัว ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่มารีนเก็บของเสร็จพอดี
“ฉันขอเข้าบริษัทก่อนได้ไหมคะ” มารีนเอ่ยขึ้นมา เธออยากเข้าไปคุยกับแทนคุณสักนิดเพราะวันแต่งงานของเธอแทบจะไม่มีเวลาเดินไปพูดคุยกับเขาเลย
“ไม่ได้ ปู่รออยู่ท่านมีเรื่องจะคุยด้วย” ชายหนุ่มตอบกลับโดยไม่ได้สนใจว่ามารีนจะมีธุระสำคัญอะไรหรือเปล่า เขาไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องแบบนั้น
“ค่ะ” มารีนตอบกลับเสียงแผ่วเบา
เอริคสาวเท้าก้าวเดินตรงไปยังหน้าประตูและเปิดแง้มประตูเดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วโดยที่เขาไม่ได้หันมาสนใจว่าหญิงสาวทำอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง ร่างอรชรจึงรีบลากกระเป๋าเดินทางสาวเท้าตามชายหนุ่มไปติดๆ
คู่สามีภรรยาป้ายแดงเดินทางมาจนถึงคฤหาสน์ของตระกูลฟาฟเนอร์ในเวลาต่อมา เหล่าบรรดาสาวใช้และบอดี้การ์ดต่างพากันมายืนเรียงแถวเป็นแนวยาวเพื่อมารอรับมาดามคนใหม่ของคฤหาสน์
“สวัสดีค่ะนายท่าน สวัสดีค่ะมาดาม” เหล่าบรรดาสาวใช้เอ่ยอย่างพร้อมเพรียงกันทันทีที่เอริคกับมารีนเดินลงมาจากรถหรูที่ขับเคลื่อนมาจอดลงตรงวงเวียนน้ำพุ
มารีนส่งยิ้มอ่อนๆให้กับบรรดาสาวใช้ที่ยืนยิ้มกว้างพร้อมกับก้มหัวให้คู่บ่าวสาว เอริคทำหน้านิ่งไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆออกมา ชายหนุ่มใช้สองมือล้วงกระเป๋าก่อนที่เขาจะก้าวเดินเข้าไปในคฤหาสน์ด้วยท่าทางสุขุมและเย็นยะเยือก
ดวงตากลมโตของมารีนมองสำรวจคฤหาสน์ตระกูลฟาฟเนอร์เล็กน้อย ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่ที่คฤหาสน์ของตระกูลเธอมาตั้งแต่เด็กแต่ทว่าพอเธอได้มาเห็นคฤหาสน์ของตระกูลฟาฟเนอร์แล้ว มารีนก็รู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลของตระกูลนี้ได้ทันที
“ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสน์ของเรานะ” เอลแดดเอ่ยขึ้นมาเมื่อสองสามีภรรยาเดินเข้ามาภายในบ้าน ก่อนที่ชายแก่จะหันไปบอกกล่าวกับแม่บ้านที่ยืนอยู่ใกล้ๆพวกเขาต่อ
“เดี๋ยวพามารีนไปที่ห้องแล้วก็พาสำรวจรอบๆสักนิดนะ”
“ได้ค่ะท่าน” สาวใช้ชุดดำตอบกลับอย่างนอบน้อม
“ส่วนแกอยู่นี้ก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” เอลแดดหันมามองหน้าเอริคราวกับว่่ามีความนัยบางอย่าง
“เชิญทางนี้เลยค่ะมาดาม” สาวชุดดำพายมือให้มารีน มารีนจึงส่งยิ้มกว้างให้กับสาวใช้ก่อนที่มารีนจะเดินตามเธอไป
“เมื่อวานแกไม่ได้นอนอยู่กับมารีนเหรอ” เอลแดดเอ่ยถามเอริคทันทีที่มารีนเดินไปจากตรงนั้นแล้ว
“เปล่าครับ” เอริคตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“แกไปไหนมา”
“ผมไปกาสิโน”
“แกมีเมียแล้วนะเอริค ทำอะไรก็ให้มันมีขอบเขตบ้าง” ไม่ใช่ว่าเอลแดดไม่รู้ เขารับรู้สิ่งที่เอริคทำทุกอย่างแต่ชายแก่ก็มีเหตุผลมากพอที่จะไม่เอาแต่บังคับหลานของตัวเองมากจนเกินไป
“ผมรู้แล้ว แต่จะให้ผมเปลี่ยนการใช้ชีวิตของผมทันทีเลย ผมคงทำไม่ได้หรอกนะปู่” เขาไม่พร้อมที่จะมาเปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อใครทั้งนั้น
“ฉันไม่ได้ให้แกเปลี่ยนการใช้ชีวิตของแกทั้งหมด แต่แกก็ควรหัดเกรงใจเมียแกด้วย อย่าให้ตระกูลของเราต้องมาเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องแบบนี้” สิ้นเสียงเอลแดด เอริคถอนหายใจออกแรงด้วยความเบื่อหน่าย
เมื่อเห็นว่าหลานชายไม่ได้ตอบกลับอะไรมาแล้ว ชายแก่จึงพยักหน้าไปให้บอดี้การ์ดคนสนิทของเขาหยิบแฟ้มบางอย่างมาให้เขา ซึ่งบอดี้การ์ดของเอลแดดก็รู้หน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี เขารีบยื่นแฟ้มมาให้เอลแดดอย่างรวดเร็ว
“ฮัลนีมูนที่ฉันเลือกมาให้พวกแก เอาไปดูแล้วช่วยกันเลือกว่าอยากไปที่ไหนกัน” ชายแก่ยื่นแฟ้มให้เอริคพร้อมกับเอ่ยออกมา
“ครับ” เอริคยื่นมือไปรับแฟ้มมาถือเอาไว้ด้วยใบหน้านิ่งเรียบ
“เดี๋ยวไปคุยกับฉันที่ห้องทำงานต่อดีกว่า พ่อแกรออยู่” เอลแดดเอ่ยต่อเพราะเรื่องกาสิโนและผับมันมีปัญหาเข้ามาตลอด พวกเขาจึงต้องคอยประชุมและช่วยกันแก้ไขปัญหาต่างๆด้วยกัน