มารีนกับเมเบลนั่งคุยกันเกี่ยวกับเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นกับมารีน รวมถึงเรื่องที่เธอจะต้องแต่งงานกับคนในตระกูลฟาฟเนอร์ เพราะในผับหรูเสียงเบสของเพลงหนักหน่วงจึงทำให้พวกเธอต้องกระซิบข้างหูเพื่อพูดคุยกัน ซึ่งแน่นอนว่ามันก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะจะได้ไม่มีใครมาได้ยินในสิ่งที่พวกเธอกำลังคุยกัน
“งานหนักเลยนะแกหลังจากนี้” เมเบลเอ่ยออกมาพร้อมกับเอื้อมมือไปจับไหล่บางเอาไว้ สองสาวมองลึกเข้าไปในดวงตาของกันและกันอย่างเข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างดี ทว่าในระหว่างนั้นเองก็มีเสียงๆหนึ่งแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“สวัสดีครับคนสวย มากันสองคนเหรอครับ” แอทเทอร์ ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเข้มที่นั่งอยู่ด้านขวามือของพวกเธอขยับตัวเข้ามาใกล้มารีนพลางเอ่ยทักทายหญิงสาวด้วยท่าทางเป็นมิตร ใบหน้าหล่อเหลาส่งยิ้มกว้างมาให้หญิงสาวทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มที่เหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษ
“ค่ะ” มารีนตอบกลับพลางส่งยิ้มหวานไปให้
“ผมชื่อแอทเทอร์ครับ พวกคุณชื่อ…” ชายหนุ่มเอ่ยต่อ
“ฉันมารีนค่ะ ส่วนนี้เพื่อนฉันชื่อเมเบลค่ะ” มารีนแนะนำตัวตามมารยาท ดูเหมือนว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะไม่รู้ว่ามารีนคือใคร
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณมารีน คุณเมเบล” แอทเทอร์เอ่ยต่อ
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” สองสาวตอบกลับพร้อมกัน
“มากันแค่สองคนเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ” เสียงหวานของมารีนตอบกลับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานอยู่ตลอดเวลา
“โต๊ะนี้เดี๋ยวฉันจ่ายเอง” แอทเทอร์หันไปบอกกล่าวกับพนักงานที่อยู่หลังเคาน์เตอร์บาร์ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เอ่ออ ไม่เป็นไรค่ะ” มารีนรีบเอ่ยแทรกขึ้นมา เธอไม่อยากให้ใครมาเลี้ยงพวกเธอ
“ไม่เป็นไรครับ ผมขอเลี้ยงพวกคุณนะครับ…ของคุณผู้หญิงสองท่านนี้มาเก็บที่ฉัน” ชายหนุ่มหันไปย้ำกับพนักงานอีกครับ
“ครับคุณแอทเทอร์” พนักงานตอบกลับพลางก้มหัวให้ชายหนุ่มหนึ่งครั้ง สองสาวหันมองหน้ากันเล็กน้อย ดูจากท่าทางของพนักงานแล้วชายหนุ่มคงจะมาที่นี่บ่อยหรืออาจจะเป็นคนที่มีคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดี
“ถ้าไม่รังเกียจ ผมขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ เชิญค่ะ” ใบหน้าสวยหวานส่งยิ้มให้แอทเทอร์อย่างเป็นมิตร ชายหนุ่มจึงย่อตัวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆมารีน เมเบลอมยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักกำลังโดนชายหนุ่มรูปหล่อจีบเข้าให้แต่เจ้าหล่อนก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
“ไม่เคยเห็นพวกคุณทั้งสองคนมาที่นี่เลยนะครับ” แอทเทอร์พูดขึ้นมา
“พวกเรามาที่นี่ครั้งแรกค่ะ” มารีนตอบกลับ
“แต่ผมคุ้นหน้าคุณมารีนมากเลยนะครับ”
“ไม่แปลกหรอกค่ะ” เป็นเสียงของเมเบลที่ตอบกลับชายหนุ่ม
“ทำไมละครับ”
“มารีนเป็นนางแบบค่ะ” เมเบลเอ่ยต่อ
“จริงเหรอครับ แบบนี้ผมต้องขอลายเซ็นไว้แล้วล่ะ” แอทเทอร์พูดทีเล่นทีจริงพลางส่งยิ้มกว้าง รอยยิ้มของเขาเป็นรอยยิ้มที่น่าหลงใหลและดึงดูดสายตาคนเป็นอย่างมาก
“ไม่ขนาดนั้นค่ะ” มารีนหัวเราะเบาๆในลำคอกับความขี้เล่นกับแอทเทอร์ ต้องยอมรับเลยว่าชายหนุ่มตรงหน้าช่างมีเสน่ห์มากจริงๆ
“ชนแก้วกันหน่อยนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับยกแก้วบรั่นดีในมือแกร่งขึ้นมาตรงหน้า
“ได้ค่ะ” สิ้นเสียงของมารีน พวกเขาทั้งสามคนที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ก็ยกแก้วขึ้นมาชนกันและกระดกแก้วของตัวเองดื่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เอริคกำลังก้าวเดินตรงมายังเคาน์เตอร์บาร์ที่น้องชายของเขาชอบมานั่งกินเหล้าเพราะเขามีเรื่องอยากจะคุยกับแอทเทอร์เกี่ยวกับงานที่กาสิโน แต่น้องชายตัวดีของเขาก็ชอบหายหัวไปกับผู้หญิงตลอด
ก่อนหน้าที่เอริคจะออกมาจากห้องทำงานเขาได้อ่านประวัติของว่าที่ภรรยาของเขาไปแล้ว ซึ่งเอริคก็ได้รู้ว่าเธอเป็นนางแบบชื่อดังที่มีแต่ข่าวเสียๆหายๆเต็มไปหมด คงจะเน่าเฟะมากเลยสินะ แค่คิดเขาก็ขยะแขยงเต็มที่แล้ว
เอริคเดินมาจนเกือบจะถึงเคาน์เตอร์แล้ว แต่ทว่าดวงตาคมกริบก็เหลือบไปเห็นน้องชายจอมเจ้าเล่ห์กำลังนั่งยื่นหน้าเข้าไปกระซิบใกล้ๆหูของหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งหันหลังอยู่ เขาจึงไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แต่ในจังหวะที่เธอหันมากระซิบตอบกลับน้องชายของเขานั่นเองมันทำให้เอริคเหมือนต้องมนต์สะกดไปชั่วขณะ
ชายหนุ่มจำผู้หญิงหน้าตาสวยสะดุดตาคนนี้ได้ดีเพราะเขาเพิ่งจะอ่านประวัติและได้เห็นรูปของเธอมาเมื่อสักครู่นี้เอง เขายอมรับเลยว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆ ทั้งรอยยิ้ม ใบหน้าและรูปร่างของเธอ มันช่างดูน่าดึงดูดและน่าหลงใหลไปเสียทุกอย่าง ทว่าพอเขาได้สืบค้นประวัติของเธอมาแล้วจนได้รู้ว่าเธอมีข่าวแย่ๆมามากมายสักเพียงใดเขาจึงไม่ได้มองว่าเธอเป็นผู้หญิงดูดีเหมือนภายนอกที่เธอแสดงออกมาสักเท่าไหร่
หึ! โลกมันช่างกลมจริงๆเลย
เอริคเลือกที่จะไม่เดินเข้าไปหาแอทเทอร์ในตอนนี้ เขาเดินปลีกตัวหนีมาไกลๆเพื่อมองดูการกระทำของพวกเขาทั้งสองคนอย่างเงียบๆ จนกระทั่งเวลาผ่านพ้นไปเป็นชั่วโมง มารีนก็ลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำทันที
เขาคงต้องไปเตือนเธอสักหน่อยแล้วละ เพราะเขาไม่ชอบใช้ของร่วมกับน้องชายของตัวเอง
เมื่อคิดได้อย่างนั้นเอริคจึงเดินตามมารีนไปอย่างรวดเร็ว เหล่าบรรดาสาวสวยต่างพากันส่งสายตายั่วยวนให้กับเอริคเพราะความหล่อเหลาและมีผู้คนบางกลุ่มที่รู้ว่าเขาคือเจ้าของผับหรูแห่งนี้
มารีนเดินกรีดกรายตรงไปยังห้องน้ำหญิง ผู้คนส่งยิ้มให้มารีนตลอดระหว่างทางที่เธอเดินไปห้องน้ำเพราะหลายๆคนจำเธอได้ว่าเธอเป็นใคร แต่ก็ไม่มีใครกล้ายกมือถือขึ้นมาถ่ายภาพของหญิงสาวเอาไว้เพราะรู้กฎเกณฑ์ของผับแห่งนี้เป็นอย่างดี
เอริคเดินตามมารีนมาติดๆอย่างเงียบๆจนกระทั่งหญิงสาวเดินหายเข้าไปในห้องน้ำหญิงเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มยืนนิ่งสองมือล้วงกระเป๋าอยู่หน้าห้องน้ำหญิงอยู่ชั่วครู่
“นายท่าน มาแถวนี้ทำไมครับ” บอดี้การ์ดคนหนึ่งที่ยืนเฝ้าตรงหน้าห้องน้ำเอ่ยถามเอริคเพราะโดยปกติแล้วเจ้านายของเขาไม่ค่อยเดินมาแถวนี้
“ดูหน้าห้องน้ำไว้ ห้ามให้ใครเข้าไปเด็ดขาด” เอริคออกคำสั่งกับลูกน้อง
“ครับนาย”
ชายหนุ่มหันซ้ายหันขวาก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในห้องน้ำทันทีโดยไม่ได้สนใจว่าจะมีคนรอบข้างมองเขาหรือเปล่า
หลังจากที่มารีนทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำจนเสร็จสรรพแล้ว เธอก็เปิดประตูห้องน้ำแง้มออกช้าๆแต่ทว่าเมื่อเธอเปิดประตูห้องน้ำออกไปก็พบว่ามีผู้ชายหน้าตาหล่อดั่งเทพบุตรคนหนึ่งกำลังยืนขวางหน้าประตูห้องน้ำของเธออยู่ ถึงแม้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าของเธอจะดูดีมากแค่ไหนแต่สายตาของเขาไม่ได้ดูเป็นมิตรเลยสักนิด
“คุณเป็นใครคะ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างสั่นเครือ เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยเพราะนี่มันเป็นห้องน้ำหญิง แล้วผู้ชายคนนี้เข้ามาในนึ้ได้ยังไงทั้งๆที่เธอก็เห็นว่ามีพนักงานที่เหมือนเป็นการ์ดของที่นี่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำ ร่างบางเซถอยหลังเล็กน้อยด้วยสัญชาตญาณ
“ว่าที่สามีของเธอไง” เสียงทุ้มน่าหลงใหลกดเสียงต่ำตอบกลับมาอย่างเย็นยะเยือก
“ว่าที่สามี? คุณเอริค?” มารีนจำได้ว่าเอลแดดเคยบอกเธอไว้ว่าคนที่เธอจะต้องแต่งงานด้วยคือชายหนุ่มที่ชื่อเอริค
“หึ! ฉลาดดีนิ คิดว่ามีสามีหลายคนจนจำไม่ได้แล้วว่าใครเป็นใคร” เอริคปรายตามองสำรวจร่างอวบอิ่มอย่างจาบจ้วง
“คุณเอริค! ทำไมเจอกันครั้งแรกถึงต้องหยาบคายใส่กันแบบนี้เลยละคะ!” มารีนตะคอกใส่ชายหนุ่มทันที เธอไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายตรงหน้าที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกถึงได้พูดจาแบบนี้ใส่เธอ
“ยังไม่ทันจะแต่งงานก็ทำเรื่องงามหน้าแล้วสินะ”
“ฉันทำอะไรคะ?” เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไอ้ผู้ชายที่เธอกำลังอ่อยอยู่มันคือน้องชายแท้ๆของฉันแล้วเธอก็กำลังจะแต่งงานกับฉันไม่ใช่เหรอจำเอาไว้ด้วยว่าฉันไม่ชอบใช้ของซ้ำกับน้องตัวเอง!”
“ทุเรศ! หน้าตาก็ดีแต่ปากคุณทำไมถึงได้เสียขนาดนี้!” มารีนเหลืออดกับผู้ชายตรงหน้าเต็มที่แล้ว เธอไม่เคยโดนใครถูกดูขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
เอริคเอื้อมมือหนาไปคว้าไหล่แบบบางและดึงรั้งหญิงสาวที่อยู่ในห้องน้ำมาปะทะอกแกร่งอย่างแรง
“อ๊ะ! เจ็บ!” มารีนเผลอหลุดเสียงร้องออกมาเพราะเธอโดนจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว
“อย่าลองดีกับคนอย่างฉัน จำเอาไว้!!” สิ้นเสียงแข็งกระด้าง ริมฝีปากหนาโน้มลงไปฉกจูบลงบนเรียวปากของหญิงสาวและแทรกลิ้นร้ายเข้าไปเกี่ยวพันลิ้นเล็กอย่างป่าเถื่อนทันที
(อื้ออ..หวานจัง) เอริคครุ่นคิดในใจ
มารีนไม่ทันได้ตั้งตัวกับสัมผัสที่รวดเร็วและรุนแรงของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวหูอื้อตาลายไปชั่วขณะ มือหนาโอบรอบเอวคอดกิ่งเอาไว้พลางลูบไล้แผ่นหลังแบบบางอย่างจาบจ้วง ลิ้นสากร้อนยังคงตวัดรัวอยู่ภายในอุ้งปากเล็กจนหญิงสาวหายใจไม่ทัน
ชายหนุ่มออกแรงกอดรัดร่างเล็กให้แนบชิดอกแกร่งมากยิ่งขึ้น เต้าสวยทั้งสองข้างเสียดสีหน้าอกกำยำจนเธอรู้สึกคัดตึงและเจ็บหน้าอกหน้าใจไปหมด
“อื้ออออ” เสียงหวานครางประท้วงในลำคอ
มือหนาเลื่อนมาจับลำคอระหงของหญิงสาวจากทางด้านหลังพร้อมกับออกแรงบีบเบาๆสำหรับเขา แต่มันก็ยังคงดูรุนแรงสำหรับหญิงสาวผิวบอบบางอย่างเธออยู่ดี
มารีนเริ่มหน้าแดงหน้าดำกับการโดนจูบอย่างหนักหน่วงเป็นเวลานาน เธอพยายามพลักชายหนุ่มออกแต่ก็ไม่ได้ผลเลยสักนิด จนกระทั่งเขายอมถอดถอนริมฝีปากหยักหนาออกไปเอง
“ไอ้บ้า!! โรคจิต!” มารีนพลักชายหนุ่มออกไปเต็มแรงพร้อมกับก่นด่าเขาเสียงดัง เธอยกหลังมือขึ้นมาเช็ดปากตัวเองแรงๆ ก่อนที่เธอจะรีบจ้ำอ้าวออกจากห้องน้ำไป
“ฉันมีเวลาเล่นเกมส์กับเธออีกเยอะ” เอริคยกยิ้มมุมปากชั่วร้ายเมื่อเธอเดินออกจากห้องน้ำไป เขาต้องหยุดตัวเองไว้แค่นี้ก่อนที่เขาจะหยุดตัวเองไม่ได้ ต้องยอมรับเลยว่าทั้งกลิ่นกายและรูปร่างหน้าตาของเธอมันทำให้เขาแทบคลั่งเลยจริงๆ แต่เธอก็เหมือนกุหลาบงามที่มีหนามอาบยาพิษนั่นแหละ
“ฉันจะทำให้เธอรู้ว่านรกบนดินมันเป็นยังไง!”