มารีนเดินกลับมาที่โต๊ะด้วยใบหน้าที่แดงก่ำแสดงถึงความโกรธจัดอย่างชัดเจน เธอไม่ได้สนใจผู้คนรอบข้างที่ส่งยิ้มให้เธอในระหว่างทางที่เดินกลับมายังเคาน์เตอร์ หญิงสาวไม่เคยเจอใครที่ป่าเถื่อนและเอาแต่ใจขนาดนี้มาก่อน แค่เจอกันครั้งแรกยังทำให้เธอรู้สึกอึดอัดและโมโหได้ขนาดนี้แล้วต่อไปถ้าเธอและเขาต้องแต่งงานใช้ชีวิตด้วยกันขึ้นมาจริงๆ มารีนไม่อยากจะคิดเลยว่าชีวิตของเธอจะปวดหัวแค่ไหน
“ขอโทษนะคะคุณแอทเทอร์ ฉันขอตัวกลับก่อนนะ” มารีนเอ่ยขึ้นมาทันทีที่เธอมาถึงเคาน์เตอร์บาร์ พลางเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าสะพายที่เธอวางทิ้งไว้บนเคาน์เตอร์ก่อนที่เธอจะไปเข้าห้องน้ำขึ้นมาถือเอาไว้ แอทเทอร์กับเมเบลหันมามองมารีนด้วยสีหน้างุนงง
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มของแอทเทอร์เอ่ยถาม
“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันขอตัวก่อนนะคะ กลับกันเถอะแก” มารีนตอบกลับชายหนุ่มพลางหันไปบอกกล่าวเพื่อนรัก เมเบลรับรู้ได้ทันทีว่าต้องเกิดอะไรขึ้นกับมารีนอย่างแน่นอนเพราะสีหน้าและแววตาของมารีนมันทำให้เธอมองออก
“เอ่ออ สวัสดีค่ะ” เมเบลหันไปเอ่ยลาชายหนุ่ม
“สวัสดีครับ”
มารีนหันหลังขวับเดินจ้ำอ้าวออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เมเบลรีบก้าวเท้าตามเพื่อนกันไปทันที ส่วนแอทเทอร์ก็ได้แต่นั่งงุนงงมองตามหลังหญิงสาวทั้งสองคนด้วยความรู้สึกเสียดายเพราะเขายังไม่ได้ขอช่องทางการติดต่อของมารีนเอาไว้เลย
สองสาวเดินออกมาจนถึงลานจอดรถ เมเบลจึงรีบสาวเท้าเดินตามเพื่อนรักมาให้ทัน มือบางเอื้อมไปคว้าแขนมารีนเอาไว้ทำให้มารีนชะงักหยุดชั่วครู่และหันหลังกลับมามองหน้าเมเบลช้าๆ
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า” เมเบลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล มารีนกำลังจะอ้าปากตอบกลับเพื่อนสาวแต่ทว่าเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“แป๊บนึงนะแก” มารีนเอ่ยพลางเคลื่อนมือบางไปล้วงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายสีดำออกมาและเธอก็ได้พบว่าเอลแดดเป็นคนโทรเข้ามานั่นเอง
“สวัสดีค่ะท่านเอลแดด” มารีนกดรับสายทันที
‘พรุ่งนี้หลานของฉันว่างพอดี ฉันจะนัดพวกเธอให้มาเจอกันอย่างเป็นทางการสักหน่อย ไหนๆก็จะแต่งงานกันแล้ว’ ปลายสายตอบกลับมา
“ได้ค่ะท่าน” นี่เธอต้องไปเจอไอ้ผู้ชายป่าเถื่อนแล้วเหรอเนี่ย มารีนครุ่นคิดอยู่ในใจ
‘แล้วต่อไปนี้ก็เรียกฉันว่าคุณปู่ด้วย’
“คะ..ค่ะ” มารีนสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นภายใต้น้ำเสียงแข็งกระด้างของเอลแดด
ปลายสายไม่ได้ตอบกลับอะไรมาต่อ เขากดวางสายไปอย่างรวดเร็วจนมารีนขมวดคิ้วรู้สึกงุนงงกับชายแก่เล็กน้อย
“มีอะไร?” เมเบลเอ่ยถามทันที
“แกจำคนที่ฉันบอกว่าฉันต้องแต่งงานด้วยได้ไหม” มารีนปิดหน้าจอโทรศัพท์ลงและเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนรักด้วยสายตาที่มีแต่ความกังวลอยู่ภายในดวงตากลมโต
“ฉันเจอเขาแล้วละ” มารีนเอ่ยต่อ
วันต่อมา
ณ ร้านอาหารบนโรงแรมหรู
ร่างอรชรของมารีนสวมชุดแซกสั้นสีขาวสะอาดตา ใบหน้าหวานถูกเติมแต่งด้วยเครื่องสำอางโทนหวานแหวนดูเป็นทางการพร้อมกับแว่นดำที่ปกปิดตัวตนว่าเธอเป็นใคร มารีนกำลังเดินออกจากลิฟต์หรูและตรงไปยังโต๊ะที่เอลแดดได้บอกกล่าวกับเธอเอาไว้ก่อนที่เธอจะมาถึงร้านอาหาร
มารีนก้าวเดินมาเรื่อยๆจนกระทั่งเธอเห็นเอลแดดกับผู้ชายป่าเถื่อนคนนั้นกำลังนั่งยิ้มอย่างกวนประสาทเธออยู่ มือบางยกขึ้นมาถอดแว่นตาสีดำบนใบหน้าหวานออก
“สวัสดีค่ะคุณปู่ สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือขึ้นมาพนมกลางอกพลางกล่าวทักทายชายแก่และเอริคด้วยท่าทางนอบน้อม ซึ่งแน่นอนว่าเอริคก็ยังคงทำหน้ายียวนกวนประสาทเธออยู่ตลอดเวลาแต่มารีนก็ทำเป็นไม่สนใจ
“หนูมารีน..นี่เอริคนะ ว่าที่สามีของหนู” เอลแดดเอ่ยขึ้นมา
“สวัสดีมารีน ว่าที่ภรรยาของฉัน” เอริคย้ำคำว่าภรรยาเพื่อยั่วยุหญิงสาว
“นั่งก่อนๆ” ชายแก่บอกกล่าวกับหญิงสาว ทำให้มารีนส่งยิ้มหวานให้เอลแดดเบาๆก่อนที่เธอจะขยับเก้าอี้และนั่งลงตรงข้ามกับเอริค
“ปู่ดีใจนะที่ทั้งสองคนดูจะเข้ากันได้ดีแบบนี้” เอลแดดพูดด้วยน้ำเสีียงราบเรียบ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกแปลกใจที่เอริคเป็นคนบอกให้เขานัดว่าที่ภรรยามากินข้าวเองก็เถอะ
“เดี๋ยวเราสั่งอาหารก่อนแล้วก็มาคุยเรื่องงานแต่งกันดีกว่าไหม”
“ค่ะ” สิ้นเสียงของหญิงสาว เอริคก็ยกมือเรียกพนักงานให้มารับออเดอร์ทันที
หลังจากที่พวกเขาได้สั่งอาหารกันจนเสร็จสรรพแล้ว พวกเขาทั้งสามคนก็ได้พูดคุยเรื่องงานแต่งงานกันในระหว่างที่ทานอาหาร มารีนไม่ได้ขัดอะไรกับสิ่งที่เอลแดดต้องการ เธอยอมให้ฝ่ายนั้นจัดการเรื่องต่างๆได้หมดเลยเพราะเธอยังไงก็ได้อยู่แล้วละ
“ปู่จะให้คนประกาศเรื่องงานแต่งภายในหนึ่งอาทิตย์ ส่วนเรื่องที่นักข่าวจะถามพวกหลานทั้งสองคนต้องไปคุยกันเองว่าจะตอบคำถามนักข่าวยังไงให้เนียนที่สุด” เอลแดดเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่พวกเขาคุยรายละเอียดเรื่องงานแต่งงานเรียบร้อยแล้ว
“ค่ะ/ครับ” ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวตอบกลับชายแก่พร้อมกัน
เอลแดดปรายตามองเอริคเล็กน้อย เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลานของเขาจะยอมง่ายขนาดนี้หรือเป็นเพราะว่าเอริคอยากทำเพื่อธุรกิจจริงๆ
“พรุ่งนี้พามารีนไปดูแหวนแต่งงานด้วยละ” ชายแก่เอ่ยกับหลานชายที่กำลังถือมีดกับส้อมหันสเต๊กเนื้ออยู่
“ครับปู่” เอริคตอบกลับก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมามองมารีนที่กำลังยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มพร้อมกับแสยะยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย