หลังจากที่พวกเขาทั้งสามคนทานอาหารด้วยกันจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ลงมายังลานจอดรถวีไอพีที่มีบอดี้การ์ดชุดดำยืนอยู่คอยคุ้มกันพวกเขาอยู่หลายคนทั้งตรงประตูทางออกและรอบๆรถของพวกเขา เอลแดดเดินตรงไปยังรถตู้คันสีดำสนิท ส่วนเอริคก็ตั้งท่าจะเดินตรงไปยังรถของเขาเช่นกัน ทว่าเสียงของชายแก่ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“เอริค ไปส่งมารีนที่คฤหาสน์ของเธอด้วย” เอลแดดเอ่ยขึ้นมา
“หนูเอารถมาค่ะคุณปู่” มารีนที่เดินอยู่ข้างๆชายแก่พูดแทรกขึ้นมาด้วยความเกรงใจ
“ให้เอริคไปส่งเถอะ เดี๋ยวให้คนของเราขับรถไปไว้ให้ที่คฤหาสน์ พวกเธอจะได้มีเวลาคุยกันทำความรู้จักกันด้วย” ชายแก่พูดต่อ มารีนจึงไม่กล้าขัดใจเอลแดดเธอได้แต่พยักหน้ารับเท่านั้น
“งั้นก็ได้ค่ะ”
“คันนั้น” เอริคชี้ไปที่รถคันหรูมูลค่าหลายล้านบาทเพื่อให้หญิงสาวเดินไปยังรถของเขา มารีนจึงเดินตรงไปยังรถคันที่ชายหนุ่มบอกทันที
“ขอบคุณค่ะ” ใบหน้าหวานส่งยิ้มกว้างให้กับบอดี้การ์ดคนสนิทของเอริคที่เปิดประตูรถให้กับเธอตามมารยาทที่เป็นปกติของเธอ
“อ่อยไปทั่ว” เสียงทุ้มของคนที่เดินตามหลังเธอมาเอ่ยกระซิบข้างหูคนตัวเล็กด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ทำให้มารีนหันขวับไปมองหน้าเขาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะหันกลับมาแล้วขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว
“อ่อยยันลูกน้องของฉันเลยเหรอ เธอนี่มันสุดยอดจริงๆ” เอริคเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เขาตามขึ้นมานั่งเบาะหลังข้างๆเธอ
“นี่คุณ! เป็นอะไรของคุณหนักหนา เอาแต่หาเรื่องฉันอยู่ได้” มารีนเริ่มหมดความอดทนกับคำพูดเสียดสีและดูถูกของเขา
“เลิกทำตัวเป็นคนดีได้แล้ว ฉันรู้หมดนะว่าจริงๆแล้วเธอมันเน่าเฟะขนาดไหน ถ้าไม่ติดว่าการแต่งงานของเรามันเป็นเรื่องของธุรกิจนะฉันไม่แต่งกับคนอย่างเธอหรอก”
“ธุรกิจ?” ใบหน้าหวานขมวดคิ้วด้วยความงุนงง คงจะเป็นเอลแดดนั่นแหละที่บอกเอริคว่าการแต่งงานของเราทั้งสองคนในครั้งนี้เป็นเรื่องของธุรกิจ แน่นอนว่ามารีนไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องแก้ไขความเข้าใจผิดของเขาอยู่แล้ว ให้เอริคเข้าใจแบบนั้นแหละมันคงจะดีกับตัวเธอและเขามากกว่า
“ฉันก็ไม่ได้อยากแต่งกับคนอย่างคุณเหมือนกัน” เสียงหวานเอ่ยพร้อมกับหันหน้าหนีออกไปมองข้างนอกผ่านกระจกที่ติดฟิล์มสีดำสนิท รถคันหรูค่อยๆขับเคลือนออกจากลานจอดรถแล้วออกไปตามเส้นทางที่มุ่งตรงไปยังคฤหาสน์ของหญิงสาว
“ต้องเป็นคนอย่างไอ้แอทเทอร์หรือเปล่าละเธอถึงจะถูกใจ แต่เสียใจด้วยนะที่ไอ้แอทมันเกลียดการแต่งงานเป็นที่สุด เธอถึงต้องมาแต่งกับฉันแบบนี้ไง” เอริคยังคงพ่นคำพูดที่ดูถูกและเหยียดหยามหญิงสาวต่อ
“จอดรถให้ฉันหน่อยค่ะ” หญิงสาวหันหน้ามาบอกกล่าวกับคนขับรถด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“นายท่านครับ” ซึ่งคนขับรถก็เหมือนจะต้องขออนุญาตเจ้านายก่อน
“ขับต่อไป” เอริคเอ่ย
“ครับ” สิ้นเสียงของคนขับรถ มารีนถอนหายใจออกแรงก่อนที่เธอจะหันกลับมามองข้างทางเพื่อสงบสติอารมณ์ ส่วนเอริคก็แสยะยิ้มมุมปากพลางเอนกายกับเบาะหนังราคาแพงด้วยท่าทางสบายๆ ไร้การพูดคุยระหว่างเขาและเธอ จนกระทั่งรถยนต์คันหรูขับเคลื่อนเข้ามาในคฤหาสน์ของตระกูลสมุทรภาคินแล้วจอดสนิทลงตรงหน้าประตูที่มีวงเวียนน้ำพุและรูปปั้นต่างๆอยู่ก่อนถึงหน้าประตูบ้าน
“พรุ่งนี้สิบโมงฉันจะมารับที่คฤหาสน์” เอริคเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ฉันขับรถไปเองได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณ”
“ฉันแค่บอกให้เธอรับรู้แต่ไม่ได้ขอความเห็นหรือการคัดค้านจากเธอ” สิ้นเสียงชายหนุ่ม มารีนหยิบแว่นตาสีดำขึ้นมาสวมใส่ก่อนที่เธอจะลงจากรถไปอย่างรวดเร็วและสาวเท้าเดินเข้าไปในบ้านของเธอทันทีโดยไม่หันกลับมามองคนป่าเถื่อนที่เอาแต่พูดจาดูถูกเธอเลยสักนิด
มารีนตรงดิ่งขึ้นไปยังห้องของตัวเองทันที ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆผู้ชายคนนี้ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกโมโหกับคำพูดของเขาจริงๆ คนอะไรก็ไม่รู้หน้าตาก็ดีแต่การกระทำกับตรงข้ามกับหน้าตาของเขาสุดขั้วเลย ทว่าในระหว่างที่หญิงสาวกำลังเดินขึ้นบันไดอยู่นั่นเองเสียงของชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมา
“คุณหนูครับ” วายุคนสนิทของเมธานินท์ยืนนิ่งอยู่ด้านล่าง
“เอ่ออคุณวายุ มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวหันกลับมาตอบกลับชายหนุ่ม
“มีเอกสารเกี่ยวกับที่ดินที่คุณหนูต้องลองตรวจสอบดูด้วยตัวเองครับ” วายุเอ่ย
“ได้ค่ะๆ”
“เชิญที่ห้องทำงานครับ”
“ค่ะ” สิ้นเสียงมารีน เธอก็ก้าวเดินลงจากบันไดและลงไปยังห้องทำงานโดยมีวายุเดินตามหลังมาติดๆ มารีนมาถึงห้องทำงานในเวลาต่อมา ซึ่งวายุก็เอาเอกสารมาให้หญิงสาวตรวจสอบทันที ซึ่งแน่นอนว่าเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจมากนักแต่วายุทำงานกับปู่ของเธอมานาน เขาจึงสามารถช่วยเธอดูรายละเอียดต่างๆในเอกสารได้
หลังจากที่มารีนตรวจสอบเอกสารจนเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็ขึ้นมาบนห้องนอนขอบตัวเองด้วยความเหนื่อยล้า เธอกำลังจะเตรียมตัวไปอาบน้ำชำระร่างกายแต่ทว่าเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน มารีนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นเมเบลเธอจึงกดรับสายอย่างรวดเร็ว
‘เป็นไงบ้างแกวันนี้’ เมเบลเอ่ยถามผ่านโทรศัพท์ด้วยความเป็นห่วง
“ไม่รู้สิแก แต่ฉันเหนื่อยมากๆเลย ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งเหมือนเสียพลังงานไปกับผู้ชายคนนี้เยอะมากๆ” มารีนตอบกลับไปตามความจริง
‘สงสารแกจัง’
“ฉันโอเค คงรับมือได้อยู่แหละ”
‘พักผ่อนเถอะ ฉันแค่โทรมาถามแกนะ ฝันดีนะ’
“ฝันดีจ้า รักแกนะ”
‘รักแกเหมือนกัน’ มารีนกดวางสายทันทีหลังจากที่เมเบลตอบกลับมาพร้อมกับถอนหายใจออกแรงด้วยความอึดอัดที่มันอัดแน่นอยู่ภายในใจ