บทที่ 9 เหยียดหยามและดูถูก

1139 คำ
หลังจากที่พวกเขาทั้งสามคนทานอาหารด้วยกันจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ลงมายังลานจอดรถวีไอพีที่มีบอดี้การ์ดชุดดำยืนอยู่คอยคุ้มกันพวกเขาอยู่หลายคนทั้งตรงประตูทางออกและรอบๆรถของพวกเขา เอลแดดเดินตรงไปยังรถตู้คันสีดำสนิท ส่วนเอริคก็ตั้งท่าจะเดินตรงไปยังรถของเขาเช่นกัน ทว่าเสียงของชายแก่ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน “เอริค ไปส่งมารีนที่คฤหาสน์ของเธอด้วย” เอลแดดเอ่ยขึ้นมา “หนูเอารถมาค่ะคุณปู่” มารีนที่เดินอยู่ข้างๆชายแก่พูดแทรกขึ้นมาด้วยความเกรงใจ “ให้เอริคไปส่งเถอะ เดี๋ยวให้คนของเราขับรถไปไว้ให้ที่คฤหาสน์ พวกเธอจะได้มีเวลาคุยกันทำความรู้จักกันด้วย” ชายแก่พูดต่อ มารีนจึงไม่กล้าขัดใจเอลแดดเธอได้แต่พยักหน้ารับเท่านั้น “งั้นก็ได้ค่ะ” “คันนั้น” เอริคชี้ไปที่รถคันหรูมูลค่าหลายล้านบาทเพื่อให้หญิงสาวเดินไปยังรถของเขา มารีนจึงเดินตรงไปยังรถคันที่ชายหนุ่มบอกทันที “ขอบคุณค่ะ” ใบหน้าหวานส่งยิ้มกว้างให้กับบอดี้การ์ดคนสนิทของเอริคที่เปิดประตูรถให้กับเธอตามมารยาทที่เป็นปกติของเธอ “อ่อยไปทั่ว” เสียงทุ้มของคนที่เดินตามหลังเธอมาเอ่ยกระซิบข้างหูคนตัวเล็กด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ทำให้มารีนหันขวับไปมองหน้าเขาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะหันกลับมาแล้วขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว “อ่อยยันลูกน้องของฉันเลยเหรอ เธอนี่มันสุดยอดจริงๆ” เอริคเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เขาตามขึ้นมานั่งเบาะหลังข้างๆเธอ “นี่คุณ! เป็นอะไรของคุณหนักหนา เอาแต่หาเรื่องฉันอยู่ได้” มารีนเริ่มหมดความอดทนกับคำพูดเสียดสีและดูถูกของเขา “เลิกทำตัวเป็นคนดีได้แล้ว ฉันรู้หมดนะว่าจริงๆแล้วเธอมันเน่าเฟะขนาดไหน ถ้าไม่ติดว่าการแต่งงานของเรามันเป็นเรื่องของธุรกิจนะฉันไม่แต่งกับคนอย่างเธอหรอก” “ธุรกิจ?” ใบหน้าหวานขมวดคิ้วด้วยความงุนงง คงจะเป็นเอลแดดนั่นแหละที่บอกเอริคว่าการแต่งงานของเราทั้งสองคนในครั้งนี้เป็นเรื่องของธุรกิจ แน่นอนว่ามารีนไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องแก้ไขความเข้าใจผิดของเขาอยู่แล้ว ให้เอริคเข้าใจแบบนั้นแหละมันคงจะดีกับตัวเธอและเขามากกว่า “ฉันก็ไม่ได้อยากแต่งกับคนอย่างคุณเหมือนกัน” เสียงหวานเอ่ยพร้อมกับหันหน้าหนีออกไปมองข้างนอกผ่านกระจกที่ติดฟิล์มสีดำสนิท รถคันหรูค่อยๆขับเคลือนออกจากลานจอดรถแล้วออกไปตามเส้นทางที่มุ่งตรงไปยังคฤหาสน์ของหญิงสาว “ต้องเป็นคนอย่างไอ้แอทเทอร์หรือเปล่าละเธอถึงจะถูกใจ แต่เสียใจด้วยนะที่ไอ้แอทมันเกลียดการแต่งงานเป็นที่สุด เธอถึงต้องมาแต่งกับฉันแบบนี้ไง” เอริคยังคงพ่นคำพูดที่ดูถูกและเหยียดหยามหญิงสาวต่อ “จอดรถให้ฉันหน่อยค่ะ” หญิงสาวหันหน้ามาบอกกล่าวกับคนขับรถด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “นายท่านครับ” ซึ่งคนขับรถก็เหมือนจะต้องขออนุญาตเจ้านายก่อน “ขับต่อไป” เอริคเอ่ย “ครับ” สิ้นเสียงของคนขับรถ มารีนถอนหายใจออกแรงก่อนที่เธอจะหันกลับมามองข้างทางเพื่อสงบสติอารมณ์ ส่วนเอริคก็แสยะยิ้มมุมปากพลางเอนกายกับเบาะหนังราคาแพงด้วยท่าทางสบายๆ ไร้การพูดคุยระหว่างเขาและเธอ จนกระทั่งรถยนต์คันหรูขับเคลื่อนเข้ามาในคฤหาสน์ของตระกูลสมุทรภาคินแล้วจอดสนิทลงตรงหน้าประตูที่มีวงเวียนน้ำพุและรูปปั้นต่างๆอยู่ก่อนถึงหน้าประตูบ้าน “พรุ่งนี้สิบโมงฉันจะมารับที่คฤหาสน์” เอริคเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ฉันขับรถไปเองได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณ” “ฉันแค่บอกให้เธอรับรู้แต่ไม่ได้ขอความเห็นหรือการคัดค้านจากเธอ” สิ้นเสียงชายหนุ่ม มารีนหยิบแว่นตาสีดำขึ้นมาสวมใส่ก่อนที่เธอจะลงจากรถไปอย่างรวดเร็วและสาวเท้าเดินเข้าไปในบ้านของเธอทันทีโดยไม่หันกลับมามองคนป่าเถื่อนที่เอาแต่พูดจาดูถูกเธอเลยสักนิด มารีนตรงดิ่งขึ้นไปยังห้องของตัวเองทันที ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆผู้ชายคนนี้ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกโมโหกับคำพูดของเขาจริงๆ คนอะไรก็ไม่รู้หน้าตาก็ดีแต่การกระทำกับตรงข้ามกับหน้าตาของเขาสุดขั้วเลย ทว่าในระหว่างที่หญิงสาวกำลังเดินขึ้นบันไดอยู่นั่นเองเสียงของชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมา “คุณหนูครับ” วายุคนสนิทของเมธานินท์ยืนนิ่งอยู่ด้านล่าง “เอ่ออคุณวายุ มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวหันกลับมาตอบกลับชายหนุ่ม “มีเอกสารเกี่ยวกับที่ดินที่คุณหนูต้องลองตรวจสอบดูด้วยตัวเองครับ” วายุเอ่ย “ได้ค่ะๆ” “เชิญที่ห้องทำงานครับ” “ค่ะ” สิ้นเสียงมารีน เธอก็ก้าวเดินลงจากบันไดและลงไปยังห้องทำงานโดยมีวายุเดินตามหลังมาติดๆ มารีนมาถึงห้องทำงานในเวลาต่อมา ซึ่งวายุก็เอาเอกสารมาให้หญิงสาวตรวจสอบทันที ซึ่งแน่นอนว่าเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจมากนักแต่วายุทำงานกับปู่ของเธอมานาน เขาจึงสามารถช่วยเธอดูรายละเอียดต่างๆในเอกสารได้ หลังจากที่มารีนตรวจสอบเอกสารจนเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็ขึ้นมาบนห้องนอนขอบตัวเองด้วยความเหนื่อยล้า เธอกำลังจะเตรียมตัวไปอาบน้ำชำระร่างกายแต่ทว่าเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน มารีนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นเมเบลเธอจึงกดรับสายอย่างรวดเร็ว ‘เป็นไงบ้างแกวันนี้’ เมเบลเอ่ยถามผ่านโทรศัพท์ด้วยความเป็นห่วง “ไม่รู้สิแก แต่ฉันเหนื่อยมากๆเลย ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งเหมือนเสียพลังงานไปกับผู้ชายคนนี้เยอะมากๆ” มารีนตอบกลับไปตามความจริง ‘สงสารแกจัง’ “ฉันโอเค คงรับมือได้อยู่แหละ” ‘พักผ่อนเถอะ ฉันแค่โทรมาถามแกนะ ฝันดีนะ’ “ฝันดีจ้า รักแกนะ” ‘รักแกเหมือนกัน’ มารีนกดวางสายทันทีหลังจากที่เมเบลตอบกลับมาพร้อมกับถอนหายใจออกแรงด้วยความอึดอัดที่มันอัดแน่นอยู่ภายในใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม