ตอนที่ 3 เหี่ยวแห้งตาย
เฉียวเวยเวย นั่งแช่กายอยู่ในอ่างน้ำขนาดใหญ่กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธ์ฟุ่งกระจายอบอวลไปทั่วบริเวณ นางหลับตาปริ้มเคลิ้มกับการนวดและปรนนิบัติจากสาวใช้ ในใจก็พลางหวังว่าค่ำคืนนี้นางคงจะสุขปานได้ขึ้นสวรรค์
จวบจนตะวันเริ่มคล้อยต่ำ หลีเซียวหยวนก็มาถึงเรือนใบหน้าของชายหนุ่มยังคงประดับด้วยร้อยยิ้มสุภาพ
“ตั้งสำรับเถิด”
รสชาติของอาหารที่นี่เฉียวเวยเวยเริ่มคุ้นชินอยู่บ้าง แม้จะไม่สะดวกสบายเฉกเช่นเดิมก็ยังพอปรับตัวได้
หลังจากทานอาหารเสร็จชายหนุ่มก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอย่าง ตั้งหน้าตั้งตา ส่วนเฉียวเวยเวยก็ไม่สนใจอีกฝ่ายนางก็หยิบนิยายเล่มล่าสุดที่ให้บ่าวไพร่ไปซื้อมาขึ้นมาอย่างอย่างตั้งหน้าตั้งตาเช่นเดียวกัน
หลีเซียวหยวนชำเลืองดูใบหน้าของเฉียวเวยเวยก็รู้สึกว่า วันนี้หญิงสาวไม่ปรีดาอย่างทุกคราวที่เจอหน้าเขา ไม่กระตื้นรือร้นเอาอกเอาใจอย่างเช่นเคย
ท่าทีของชายหนุ่มอยู่ในสายตาของเฉียวเวยเวย นางแอบเบ้ปากเล็กน้อย บุรุษก็เป็นเช่นนี้เมื่อได้รับจนเคยชินก็ไม่เห็นคุณค่า เมื่อครั้งกำลังจะสูญเสียก็เกิดความรู้สึกอยากจะได้ อยากจะครอบครอง
ตั้งแต่หัวค่ำเฉียวเวยเวยไม่ปริปากพูดฉอเลาะสักคำ
“ข้าจะอาบน้ำก่อน”
หลีเซียวหยวนเอ่ยพูดขึ้นอย่างอดใจไม่ไหว เขาวางหนังสือในมือลง แล้วเดินไปยังหลังฉากกั้น
เฉียวเวยเวยพลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
จะถึงตอนนั้นแล้ว
นางเรียกให้บ่าวไพร่ยกน้ำมาให้นางล้างปาก คิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดต่อจากนี้หัวใจของนางก็เริ่มเต้นแรงขึ้น นางถอดเสื้อตัวด้านนอกออกเหลือเพียงชุดบางเบาแล้วค่อย ๆ กรีดกรายขึ้นไปนั่งรออยู่บนเตียงรอทำหน้าที่ภรรยาอย่างเต็มที่
หลีเซียวหยวน หลังจากอาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาจากฉากกั้น บนกายยังคงมีหยดน้ำติดอยู่ เขาหยิบผ้าซุบน้ำเช็ดตัวเบา ๆ เฉียวเวยเวยชำเลืองมองดู
หลังจากเช็ดกายจนแห้งสนิทแล้ว หลีเซียวหยวนไม่ได้สวมเสื้อผ้า เขาเดินตรงมายังเตียงนอน ในขณะนั้นก็สบตากับเฉียวเวยเวย แววตาและสายตาของนางเต็มไปด้วยความเย้ายวนมีเสน่ห์อย่างมาก ทำให้ช่วงล่างของเขาแข็งขืนขึ้นมาทันที
“ท่านพี่”
เฉียวเวยเวยไม่สงวนท่าทีแม้แต่น้อย นางเอี้ยวตัวมาเว้าวอน หวังจะได้รับการบำเรอ หลีเซียวหยวนเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาเอื้อมมือเข้าไปในสาบเสื้อของหญิงสาวในขณะอีกมือก็ปลดปมเสื้อ ผลักหญิงสาวนอนลงเตียงกดให้นางอยู่ใต้ร่างอย่างกระหาย
มือของหญิงสาวลูบไล่ไปทั่วร่างกายกำยำอันหนาแน่นของสามี นางหลับตาพริ้มหวังว่าจะได้รับความสุขจากเล้าโลม ทว่ายังไม่ทันได้เคลิบเคลิ้ม ขาทั้งสองของนางก็กางอ้าออกแล้วชายหนุ่มก็แทรกตนเองเขามาทันที
ความคับแน่นทำให้ความรู้สึกทั้งเจ็บทั้งเสียวซ่านกระแทกเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว ชายหนุ่มเหมือนคนบ้าระห่ำเขากระแทกรั่วอย่างหื่นกระหาย ความเสียวซ่านไต่ระดับขึ้นมาเรื่อย ๆ เฉียวเวยเวยร้องกระเส่าครวญครางเหมือนตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน
ความสัมพันธ์กับบุรุษครั้งสุดท้ายของนางคืออายุ 52 ทว่าครั้งนี้นางอายุเพียง 18 ความสดใหม่ของร่างกายการทำให้นางรู้สึกล่องลอยตัวเบาหวิวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
นางยกสะโพกรับการกระแทกอย่างช่ำชอง การกระทำเช่นนั้นทำยิ่งสร้างเสียวกระสันแล่นไปทั่วร่างกายหลีเซียวหยวน เขาปล่อยเสียงคำรามต่ำ สักพักอารมณ์ก็พุ่งถึงขีดสุดชายหนุ่มก็กระตุกกายเอนกายนอนลง
เฉียวเวยเวยเหมือนถูกกระชากให้ตกลงมาจากที่สูง นางรับรู้ถึงความน้ำอุ่นร้อนและฉ่ำแฉะพุ่งเข้ามากาย
จบแล้วหรือ
เสร็จแล้ว!!
เสร็จกิจ
หลีเซียวหยวนก็แต่งกายออกไป บอกว่ามีงานค้างต้องสะสาง
ทิ้งให้ เฉียวเวยเวยอารมณ์ค้างอยู่ในห้องเพียงลำพัง
หญิงสาวนั่งเหมอในห้องเพียงลำพัง แม้หลีเซียวหยวนจะหล่อเหลา ส่วนนั้นก็ยิ่งใหญ่ รูปร่างก็กำยำ นางมีความสุขไม่น้อยในขณะนั้น
ทว่า...นั่นล่ะ...อย่างไรก็ไม่ใช่อย่างที่นางต้องการ อย่างน้อยต้องมีความจริงใจหลายส่วน สามีไม่ใส่ใจภรรยาที่ร่วมรักแม้แต่น้อย หากให้นางอยู่ในสภาพนี้ต่อไป อารมณ์ค้างทุกครั้ง สักวันจะต้องแห้งเหี่ยวตายอย่างแน่นอน
เมื่อคิดเช่นนี้ พรุ่งนี้เช้า
เฉียวเวยเวยจึงตั้งใจจะไปขอใบหย่าจากหลีเซียวหยวน
ยามอิ๋น
เฉียวเวยเวยก็แต่งกายออกไปหาที่หลีเซียวหยวนที่เรือนของเขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะเข้าวัง ในขณะเดินไปนางก็บ่นพึมพำ
เรือนก็ไม่พักอยู่ร่วมกัน จะเรียกว่าสามีภรรยาได้อย่างไร
บ่าวรับใช้หน้าห้องเมื่อเห็นเฉียวเวยเวย กำลังเดินตรงมาก็ตกใจรีบเข้าไปรายงานคนข้างในที่กำลังแต่งกาย
ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
“ให้นางเข้ามา”
เมื่อหญิงสาวเข้าไปในห้องก็เห็นว่าบ่าวไพร 2-3 คนกำลังจัดเตรียมของและแต่งกายให้ชายหนุ่ม
“เจ้ามีสิ่งใด”
เฉียวเวยเวยปรายสายตาไปยังบ่าวไพร
“พูดมาได้เถอะ”
หลีเซียวหยวนไม่คิดว่านางจะมีธุระสิ่งใดที่จำเป็นต้องปิดปังและคนเหล่านี้ล้วนเป็นคนของเขา นางคงแค่มาขออนุญาตบางอย่างเขาก็แค่อนุญาตพูดแค่ ฮืม เท่านั้น
“ข้ามาขอหนังสือหย่าจากท่าน”
การเคลื่อนไหวทุกอย่างหยุดชะงัก หลีเซียวหยวนชำเลืองใบหน้ามาช้า ๆ แล้วก็พูดขึ้น
“เจ้าพูดสิ่งใด ข้าได้ยินไม่ชัด”
เฉียวเวยเวยพินิจดูใบหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง ขณะใบหน้าตึงก็ยังคง คมคายไร้ที่ติ ภายในใจก็ถอนหายอย่างเสียดาย
“อย่างไรเราก็ไม่รักใคร่กัน ท่านมอบใบหย่าให้ข้าเถอะ”
หลีเซียวหยวนควบคุมสีหน้าไม่ได้ ใบหน้าเริ่มเข้มขึ้นเรื่อย ๆ
“ส่งฮูหยินกลับไปสงบจิตใจที่เรือน”
เฉียวเวยเวย ตวัดแขนบ่าวที่กำลังเข้ามาประครองออกอย่างฉุดเฉียว ชายหนุ่มไม่เพียงถามไถ่ แต่ใช้อำนาจควบคุม นางพูดออกไปด้วยน้ำเสียงดุดันแววตาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
“ในเมื่อท่านไม่นึกอยากจะสนใจ อยากจะใส่ใจ ก็ให้มันสิ้นสุดเสีย ไม่มีความหมายก็ไม่ควรยื้อกันอีกต่อไป ข้าเหนื่อยแล้ว สิ้นสุดเสียที”
หลีเซียวหยวนเห็นว่าไม่ควรปะทะ
เขาปรับสีหน้า เอ่ยพูดอย่างนุ่มนวล
“ข้ายังต้องเข้าวังหลวง ตอนเย็นค่อยพูดคุยกัน”
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มอ่อนลง
อาจจะมีเงื่อนไขที่ต้องเจรจา เฉียวเวยเวยก็ถอยให้อีกฝ่ายเหมือนกัน
“ได้ ข้าจะรอท่าน”
ทว่า เย็นนั้นหลีเซียวหยวนกลับไม่กลับจวน เขาเพียงให้บ่าวมาส่งข่าวมีงานต้องสะสางในวัง
เฉียวเวยเวย กำหมัดแน่นอย่างโมโห
รุ่งเช้าในวันถัดมานางก็ออกไปเที่ยวหอชิวเหอ
หอชิงเหอ เป็นหอที่ให้บริการสตรี ลูกค้าส่วนใหญ่ของที่นี่จะเป็นหญิงม่ายหรือสตรีที่ไม่ได้ออกเรือนจนมีอายุมาก ทว่าก็มีหญิงสาววัยกำหนัดหลายคนหลบออกมาเที่ยวเล่นอยู่บ้าง