ตอนที่ 8 ไม่เสียใจภายหลัง

2096 คำ
ตอนที่ 8 ไม่เสียใจภายหลัง ฉีซาเฝ้าดูอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลเฉียวอย่างกระวนกระวายใจ ดวงตะวันค่อย ๆ คล้อยเคลื่อนต่ำลง ท้องฟ้าเริ่มแดงระเรือทว่ากลับไม่เห็นตงหยางออกมา เด็กหนุ่มครุ่นคิดถึงเรื่องราวบางอย่างที่ได้ยิน ชาวบ้านต่างซุบซิบนินทา บ้านไหนมีเด็กหนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลา ให้เฝ้าระวัง อาจจะโดนนายหญิงหมายตาพามาอยู่เรือนหลังของนาง บ้างก็บอกว่านางฟั่นเฟือนเสียสติจากการถูกหย่า บ้างก็บอกว่านางทำไปเพื่อประชดประชัน ด้วยขนบธรรมเนียมในยุคนี้ ฉีซาพอเข้าใจอยู่บ้าง สตรีที่ถูกหย่าล้วนถูกลดทอนคุณค่าลง ทว่าเขาเคยพบเจอนายหญิงเวยผู้นี้ นางเป็นสตรีที่ยังอ่อนเยาว์และงดงามยิ่งไม่เพียงแค่นั้นนางยังมีทรัพย์สินมหาศาล กล่าวว่าแม้กระทั่งท้องพระคลังในวังอาจจะมีน้อยกว่าตระกูลเฉียวของนาง ทุกอย่างล้วนขัดแย้ง แม้จะเชื่อไปบางส่วนว่านางเลี้ยงดูบุรุษในเรือนหลัง ทว่าข่าวของบุรุษกลุ่มนั้นมีน้อยยิ่ง หลายเดือนที่ผ่านมาฉีซาก็พึ่งจะเคยประจักพบด้วยตนเองเป็นครั้งแรก หากพิจารณาเด็กที่ชื่อตงหยาง ผู้นั้นอายุเพียง 8-9 ขวบ อ่อนเยาว์ยิ่งนักจะทำเรื่องอย่างนั้นได้อย่างไร เฝ้าอยู่ประตูมาหลายชั่วยาม กลับไม่ได้ข้อมูลอะไร ฉีซาจึงตัดสินใจกลับเรือน เรือนกระจก ชิงชิงเดินกลับเข้าไปในเรือนกระจก นางชำเลืองมองไปยังนายหญิงของตนเอง เฉียวเวยเวยที่อยู่ท่ามกลางดอกหลันฮวาช่างเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก เฉียวเวยเวยชำเลืองมองมา นางเห็นบ่าวของตนเองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จึงเอ่ยถามขึ้น “มีเรื่องอะไรรึ” “มีเรื่องดี ๆ ค่ะนายหญิง บ่าวหน้าประตูแจ้งข่าว มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเฝ้ามองประตูอยู่มาหลายชั่วยามแล้วเจ้าค่ะ” “ดียิ่ง...เรือนไผ่หยกของข้ายังเหลืออีกหลายห้อง...เฮ้อ!! ดอกไม้งามหายากยิ่ง” นางไม่ได้สั่งการใด ๆ ลงไป เพราะบ่าวรับใช้ล้วนรู้หน้าที่ดี “ดอกไม้งาม ได้รับการดูแลจากนายหญิงย่อมออกดอกบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมอบอวลเจ้าค่ะ” เฉียวเวยเวยตวัดสายตามองค้อนอีกฝ่าย “ข้าชอบเจ้ายิ่ง” ชิงชิงยิ้มแย้มมองนายหญิงด้วยสายตาเอาอกเอาใจ ไม่ว่าข้างนอกจะว่ากล่าวอย่างไร แต่ว่าในยามจัดงานเลี้ยงชมบุปผา งานเลี้ยงดื่มน้ำชาไม่ว่าจะเป็นของชนชั้นสูงศักดิ์หรือแม้กระทั่งในงานในวังก็ล้วนแต่ต้องเชื้อเชิญนายหญิงของนาง เหล่าขุนนางจะกล่าวอันใดกับก็ต้องระวังหลายส่วน ถอยหลายคำ เฉียวเวยเวยเดินไปยังเหล่าดอกหมู่ตาน หาได้สนใจสิ่งที่บ่าวรับใช้ครุ่นคิด นางเริ่มเฟ้นหาหนุ่มหล่อ เฉลียวฉลาดที่ขาดแคลนมาเลี้ยงดู เหตุหนึ่งก็เพื่อเติมเต็มส่วนที่ต้องการ อีกประการหนึ่งก็เพื่อมาช่วยดูแลกิจการของนาง ความจริงสามารถเลี้ยงดูซื้อทาส แม้อาจจะมองว่าสิ้นเปลื้อง หึ!! ตอนนี้นางมีบุรุษดูแลเอาใจหลายสิบคน ยังใช้จ่ายไม่ถึงครึ่งเมื่อครั้งนางเลี้ยงดูจวนเสนาบดีสามีเก่า นางสิ้นเปลื้องจนเกือบสิ้นเนื้อประดาตัว นึกถึงแล้วนางก็รู้สึกโมโห นางไม่เคยนึกเสียใจภายหลังเสนาบดีผู้นั้นรับเงินนางแล้วยังปรนนิบัติไม่ดี ทำงานบกพร่อง สมควรแล้วที่นางปลดออกจากตำแหน่งสามี “งานเลี้ยงวันนี้เตรียมเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่” “เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” “ฮืม...ตงหยางยังเด็กนัก...ข้าคงต้องระวังการดูแลเพิ่มเติม” “นายหญิงจะให้จัดหาอาจารย์เพิ่มหรือไม่เจ้าค่ะ” “ไม่ต้องรีบร้อน รอดูอีกสักหน่อยเถอะ” “เจ้าค่ะนายหญิง” เรือนไผ่หยก ตงหยางชำเลืองมองตนเองในกระจก หนุ่มหล่อหน้าตาสะอาดหมดจดน่ารักน่าเอ็นดู เขาเคยบุตรชายตระกูลสูงศักดิ์ล้วนเป็นเช่นนี้ สวมชุดผ้าแพรสีขาวหยกปักลวดลายประณีต เกล้าผมด้วยมาทาเงิน ยิ่งดูยิ่งตกตะลึง ไม่น่าเชื่อว่าบุคคลในกระจกจะเป็นตนเอง เมื่อมองไปยังระเบียงหน้าต่างก็เห็นกิ่งดอกไม้ไหวตามแรงลมเบา ๆ ในสายลมก็มีกลิ่นหอมอบอวลของมวลบุปผาอ้อยอิ่งระคน ที่แห่งนี้หามีกลิ่นคาวโลกีใด ๆ เหตุไฉนข้างนอกกล่าวเสียหาย หากเขาได้เจอผู้คนเขาจะต้องบอกกล่าวเรื่องราวเสียใหม่ ทว่า ในข้อสัญญาล้วนบอกเอาไว้ ห้ามแพร่งพรายเรื่องในเรือนเด็ดขาด พูดได้เพียง ดี เสียงฝีเท้าหยุดชะงักอยู่หน้าประตู ตงหยางจึงหยุดความคิดรอฟัง “คุณชายได้เวลางานเลี้ยงแล้วเจ้าค่ะ” “ข้าทราบแล้ว” ตงหยางลุกขึ้นสำรวจดูตัวเองอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าพร้อมแล้วก็เปิดประตูเดินออกไป หม่าลี่ยืนรอรับใช้นางโค้งกายเดินนำตงหยางไปตาม ระเบียงชายคาเรือน ตรงหัวมุมมีบุรุษเดินอยู่ผู้หนึ่งยืนอยู่ ตงหยางรู้สึกประหม่าขึ้น เมื่อรู้สึกว่ามีคนเดินมาบุรุษผู้นั้นก็หันมาพลางส่งยิ้มให้อย่างอบอุ่น “นี่คงเป็นน้องตงหยาง ข้าหรงจื่อ...ยินดีต้อนรับเจ้า” “คารวะพี่หรงจื่อ ขอรับ” ตงหยางรู้สึกว่าตนเองประหม่าน้อยลง นี่เป็นสิ่งที่ดีในเมื่อตัดสินใจมาแล้วเขาย่อมไม่เสียใจภายหลังไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทว่าเขาก็หวังหากสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างเรียบง่ายย่อมเป็นเรื่องดี “งานเลี้ยงคงมีคนมาบ้างแล้ว หม่าลี่ไปทำงานอย่างอื่นเถอะ น้องตงหยางข้าจะดูแลแทนเอง” “เจ้าค่ะคุณชายหรง” ตงหยางไม่กล้าพินิจอีกฝ่ายเท่าไรนัก แต่ว่ามองเพียงแวบเดียวก็รู้สึกว่าคนตรงหน้าเป็นวิญญูชนอย่างแท้จริง มีความสง่าผ่าเผยน่านับถือเป็นอาจารย์หรือพี่หรงจือจะสมัครเป็นเพียงบ่าวแรงงาน สายตาของตงหยางไม่ปกปิดความรู้สึกแม้แต่น้อย หรงจือยิ้มบาง ๆ แล้วพูดขึ้น “ข้าเป็นบ่าวในเรือนนายหญิงเหมือนกันกับเจ้า” ตงหยางตกใจที่อีกฝ่ายรู้ความในใจของตัวเอง “ขะ ข้า ขออภัยขอรับ” ใบหน้าของเขาแดงขึ้นมาด้วยความอาย “เหตุใดต้องขออภัยเล่า เจ้าคงไม่รู้ที่นี่ไม่มีบ่าวแรงงานทุกคนที่เข้ามาล้วนเป็นบ่าวในเรือนทั้งนั้น ข้าเองก็หวังจะได้ปรนนิบัตินายหญิง” ตงหยางมองดูบุรุษตรงหน้า หรงจื่อยังคงความสง่าเช่นเคยไม่มีท่าทางกระอักกระอ่วนแม้แต่น้อย “ข้าละอายใจนัก มายืนอยู่ตรงนี้แล้วยัง ยัง ...” “ไม่เป็นไร หากยังไม่รู้สึกสบายใจก็อย่าครุ่นคิดสิ่งใด ไปเจอทุกคนในเรือนไผ่หยกจะดีกว่า” “ขอรับ” ทว่าเมื่อเดินไปถึงโถงรับรองที่จัดงานเลี้ยง ตงหยางก็เจอบุรุษอีกสิบกว่าคน ทุกคนล้วนมีหน้าตาหล่อเหลาสะอาดหมดจด หลายคนยิ้มแย้มพูดคุย บางคนก็นิ่งขรึมดื่มน้ำชา บางคนก็นั่งตำราอยู่เงียบ ๆ ตงหยางรู้สึกว่าภาพตรงหน้าช่างตระการตา ทำให้เขาเหม่อลอยไปชั่วขณะ เมื่อทุกคนเห็นว่าตงหยางเข้ามาต่างก็เงยหน้าขึ้น ส่งยิ้มจาง ๆ ทว่ารอยยิ้มของคนผู้หนึ่งทำให้เขาตกตะลึง “เถ้าแก่!! เหตุใดท่านมาอยู่ที่นี่” เถ้าแก่จางผิง เดินเข้ามาหาตงหยางใบหน้าอ่อนละมุน “ในเมื่อข้าอยู่ที่นี่ก็ย่อมเป็นบุรุษในเรือนไผ่หยกเช่นเจ้า” “อาหารเลี้ยงในคืนนี้ จางผิงตั้งใจทำเพื่อต้อนรับเจ้าเชียวนะ” เสียงใสดั่งระฆังเงินดังขึ้น หลายคนที่มีท่าทางเฉื่อยชาก็พลันตื่นตัวขึ้น “คารวะนายหญิง” “ตามสบายกันเถอะ อยู่กันมาตั้งหลายเดือนแล้ว” เฉียวเวยเวยเดินควงแขนเผยลู่ เข้ามาอย่างเปิดเผย ชดช้อยอรชน วันนี้นางสวมชุดแพรบาง ๆ คลุมกาย เสื้อคอกว้างเผยให้เห็นทรวดทรงอร่อมด้วยทรวงอก ผิวขาวเนียนราวหยกขาว ท่าทางกริยาเย้ายวน เหล่าบุรุษล้วนส่งสายตาอิจฉาไปยังเผยลู่ ตงหยางยังเด็กนักเขารู้เพียงว่านายหญิงของเขาช่างมีดวงหน้างามพิลาสพิสุทธิ์ยิ่งนัก เมื่อเฉียวเวยเวย นั่งลงเรียบร้อยเฉิงเซาก็ปรี่ตัวเข้าไปทันที “นายหญิง...ท่านมาแล้ว ข้าคิดถึงท่านยิ่งนักของขวัญวันเกิดที่ท่านมอบให้ข้าชอบยิ่ง นายหญิงขอบคุณท่านมาก” “เจ้าชอบก็ดีแล้ว...ได้ยินว่าเจ้าจะเดินทางไปส่งสินค้าด้วยหรือ” เฉียวเวยเวยพูดคุยยิ้มแย้มกับเฉิงเซา สอบถามเรื่องราวต่าง ๆ ของอีกฝ่ายอย่างสนใจ ตงหยางมองพินิจแต่ละคน เรื่องของเถ้าแก่จางผิงก็ยังไม่กระจ่างทำให้เขาทำได้เพียงแค่นั่งนิ่ง ๆ “ตายจริง เฉิงเซาเจ้าเนี้ยนะ วันนี้ข้าจัดงานเลี้ยงต้อนรับตงหยาง เว้นสักวันเถอะ” เฉียวเวยเวยค้อนเฉิงเซาที่ชอบเรียกร้องความสนใจจากนาง “นายหญิง ก็ข้าร้อนใจ...อีกไม่กี่วันข้าต้องเดินทางแล้วกว่าจะได้กลับมาก็อีกหลายเดือน ท่านบอกข้าว่าหากข้าอายุ 18 ปี ท่านจะอนุญาตให้ข้าปรนนิบัติท่านอย่างไรเล่า ท่านจะกลับคำไม่ได้นะ” “อย่างไรก็ควรพูดคุยกับตงหยางเสียก่อน เจ้าเดินมานี้สิ” เมื่อถูกเรียกตงหยางก็ยืนขึ้น เดินเข้าไปหาเฉียวเวยเวย ท่าทีเขาประหม่าเล็กน้อย “เจ้าชอบทำอาหารใช่หรือไม่” ตงหยางเงยหน้าสบสายตาของเฉียวเวยเวย แววตาของนางเต็มไปด้วยจริงใจและอบอุ่น “ขอรับ ข้าร่ำเรียนอย่างไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ อย่างที่นายหญิงทราบบิดาข้าไม่ต้องการส่งเสริมข้า” “ข้าจะให้เจ้าไปอยู่หอเวยไฉไปเรียนรู้เป็นผู้ช่วยจางผิง เจ้ายินดีหรือไม่” เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาของตงหยางก็แดงระเรือขึ้นมา “ข้าย่อมยินดี ยินดียิ่งนัก ข้าขอบคุณนายหญิงมาก” เห็นว่าน้ำตาคลอในตาตงหยางกำลังจะร่วงหล่น เฉียวเวยเวยก็พูดขึ้น “เอาล่ะ เอาล่ะ วันนี้เป็นวันดี หากเจ้าอยากจะตอบแทนข้าก็จงเรียนรู้ให้มาก ต่อไปภายหน้าทำอาหารอร่อยๆ ให้ข้าทาน ข้าก็พึงพอใจแล้ว” “ข้าจะตั้งใจขอรับ” “ดีมาก เด็กดีข้าเชื่อเจ้า” เฉียวเวยเวยส่งสัญณาณให้ตงหยางกลับไปนั่ง จากนั้นก็มีบุรุษใบงดงามอ่อนหวานผู้หนึ่งพูดขึ้น “นายหญิงข้าแต่งเพลงใหม่ อยากจะมอบให้ท่าน” เสียงอันไพเราะของคุนเล่อดังขึ้น สะกดให้ทุกคนหยุดฟัง เฉียวเวยเวยยิ้มพรายแววตาตื่นเต้นท่าทีบอกว่านางสนใจอย่างยิ่ง เสียงพินก้องกังวานจึงดังขึ้น พร้อมเสียงขับร้องของคุนเล่อทำให้บรรยากาศอ่อนละมุนอบอุ่น นางพอใจมากเหลือเกิน ข้างกายก็มีบุรุษคอยปรนนิบัติเอาใจ มองไปทางไหนก็ทำให้รู้สึกเคลิ้ม กระนั้นนางก็สะดุดสายตาเว้าวอนของเฉิงเซา หญิงสาวยิ้มอย่างอ่อนใจ ทว่านางก็ยั่วยวนพวกเขามานาน ก็ควรให้ได้ปลดปล่อยบ้าง “มานั่งข้างกายข้า” เฉิงเซารีบกุลีกุจอเดินเข้าไปเผยลู่ลุกขึ้นสละที่นั่งให้เขา เฉียวเวยเวยเอนกายอรชนที่เหมือนไม่มีกระดูกซบลงบนอกของเฉิงเซาพลางสอดมือเข้าไปในเสื้อของชายหนุ่มลูบไล้แผ่นอกเย้ายวน พลางพูดเสียงอ่อนหวาน “ไหนลองอวดฝีมือเจ้าดูซิ” กายของเฉิงเซาเกร็งขึ้นทันที ลมหายใจของเฉิงเซากระชั้นถี่ นายหญิงเวยเมื่อเอนกายลงมา สาบเสื้อก็เริ่มหลุดรุ่ย หน้าอกแทบจะเปลื่อยเปล่า มองเห็นยอดถันอยู่ร่ำไร เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยเสียงแหบ “นายหญิงข้าจะตั้งใจ” ตงหยางมองดูภาพตรงข้างหน้า อารมณ์วูบหนึ่งของเขาหลุดลอย กระนั้นเมื่อชำเลืองมองไปด้านข้างแต่ละคนก็ล้วนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เด็กหนุ่มก้มหน้าลงทันที ใช่แล้วเขาเองก็ควรฝึกจิตใจให้หนักแน่น บุรุษจิตใจล้วนมั่นคง ตอนนี้มีเพียงเฉิงเซาที่ภายในอกปั่นป่วน รู้สึกลมหายใจติดขัด ทว่ามือใหญ่ของเขาก็สอดเข้าไปในเสื้อของหญิงสาวมันค่อยๆ คลึงและนวดเบาๆ ในขณะนั้นเผยลู่ก็ปรนนิบัติเฉียวเวยเวยดื่มเหล้าอยู่ด้านข้าง และยังมีหรงจื่อที่คอยโบกพัดวีให้หญิงสาวสบายกาย เสียงเพลงบรรเลงของคุนเล่อยังคงดังต่อเนื่อง เฉียวเวยเวยคล้ายกำลังอยู่ในห้วงแห่งความฝัน เฉิงเซานวดคลึงร่างกายนางไปทั่ว เสียงของนางช่างอ่อนหวานเชื้อเชิญ “ข้าอยากให้พวกเจ้าศึกษาบางอย่าง” เผยลู่รู้ใจของนายหญิงยิ่ง เขาเอื้อมมือดึงผ้าผูกเอวของหญิงสาวออก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม