ตอนที่ 7 บ่าวในเรือน
ฉีซารู้สึกท้อแท้เป็นอย่างมาก ชีวิตไม่ง่ายอย่างที่คิด ผ่านไปหลายเดือนหลังจากที่เขาไปสมัครทำงานที่โรงหมอฟู่เหริน ทว่าเขาได้ทำงานไม่ต่างจากพนักงานทำความสะอาด ไม่มีแม้กระทั่งโอกาสจะได้จับสมุนไพรหากจะพูดถึงขั้นการศึกษาเรียนหมอ ชาตินี้อาจจะไม่มีโอกาสเลย
เด็กหนุ่มเดินคอตกเลาะเลียบไปตามคลองเพื่อกลับบ้าน ขณะนั้นก็ได้ยินเสียงแว่วของคนคุยกัน
“ตงหยาง เจ้าตัดสินใจเช่นนี้ เจ้าแน่ใจแล้วหรือ”
“แน่ใจ มีเพียงนายหญิงเวยเท่านั้นที่จะให้โอกาสข้า”
“แต่ข้าได้ยินมาว่า นางหาใช่รับสมัครคนมีความอันใด ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องบังหน้า นางเพียงต้องการเลี้ยงเด็กหนุ่มเท่านั้น”
“เจ้าไม่ต้องพูดอันใดอีก ข้าตัดสินใจแล้ว”
เด็กหนุ่มตงหยางสบัดมือที่ดึงเขาไว้ ก่อนจะเร่งฝีเท้าออกไป ศักดิ์ศรีหาใช่ทำให้อิ่มท้อง ฉีซารู้สึกสนใจ เขารีบเร่งฝีเท้าตามไปเช่นกัน
เขามองเห็นเด็กหนุ่มคนนั้น ไปยืนอยู่หน้าประตูใหญ่คฤหาสน์ตระกูลเฉียว สักพักคนเฝ้าหน้าประตูก็พาเขาเดินเข้าประตูเล็กด้านข้าง ฉีซาเฝ้ามองอย่างสนใจ
ณ แปลงผักในคฤหาสน์ตระกูลเฉียว
ตงหยางเดินตามบ่าวนำทางเข้ามาด้วยจิตใจที่กระสับการส่ายหวาดหวั่น ถึงแม้จะเตรียมใจมาแล้ว ทว่าเมื่อมาถึงที่จริงเขาก็รู้สึกเหมือนหัวใจจะเต้นออกมานอกกาย
“นายหญิง ข้านำคนเข้ามาแล้วขอรับ”
ดวงตาคู่งามประกายวาวขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเนื่อย
“ฮืม...เจ้าชื่ออะไร”
“นายหญิงถามเจ้า ... เหตุใดไม่ตอบเล่า” ชิงชิงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงละมุนหาได้ดูหมิ่นดูแคลนอีกฝ่าย
ตงหยางรีบควบคุมอารมณ์เอ่ยตามน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ข้าน้อย..ตงหยาง...มาสมัครรับใช้นายหญิงขอรับ”
เด็กหนุ่มพยายามเอ่ยน้ำเสียงที่สม่ำเสมอ ดูเหมือนว่าทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เขาคิด บรรยากาศที่นี่ก็เหมือนจะเป็นปกติเหมือนบ้านเรือนทั่วไป เขาก้มหน้ามองต่ำเห็นเพียงปลายชายกระโปรงของอีกฝ่าย
เฉียวเวยเวย ชำเลืองมองตงหยาง
เด็กหนุ่มคนนี้น่าสนใจ ทั้งที่หวาดกลัวขนาดนี้ ยังกล้ามา ใสซื่อเช่นนี้น่าเอ็นดูจริง ๆ
นางจ้องมองผู้ที่กำลังก้มหน้าต่ำอย่างอ่อนโยน
“เจ้าเงยหน้าขึ้นมาซิ”
ตงหยางเงยหน้าขึ้น หญิงงามที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาตกตะลึง ใบหน้าที่ไร้การแต่งเติมสดใสอ่อนเยาว์ หมดจด บริสุทธิ์ดั่งเทพธิดา
นี่ นี่ ไม่ใช่อย่างที่เขาคิด
ดวงตาตกตะลึงลนลานของอีกฝ่าย ทำให้เฉียวเวยเวยเผยยิ้มอย่างขำขัน
“ทำไมรึ ใบหน้าของข้าทำให้เจ้าผิดหวังหรือกะไร”
ตงหยางตกใจ รีบก้มขอขมา
“เปล่า เปล่า ขอรับ ข้าน้อยหาคิดเช่นนั้นไม่ เพียงแต่ เพียงแต่”
หยอกล้อจนพอใจแล้ว เฉียวเวยเวยก็ไม่ล้อเล่นต่อ
“ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าจะมารับใช้ข้า เช่นนั้นก็ควรจะเรียนรู้เสียก่อน...สิ่งที่ควรไม่ควรต้องจดจำให้แม่น...ข้าหาใช่แม่พระ..”
“ขอรับ...ข้าสัญญาว่าจะตั้งใจรับใช้นายหญิงขอรับ...ไม่มีทางหักหลังนายหญิงขอรับ”
เฉียวเวยเวย พยักหน้าพึงพอใจเป็นคำพูดง่ายที่ฟังเข้าใจดี
“ฮืม...เจ้าไปได้”
“คุณชายตงหยางโปรดตามข้ามา” ม่านม่านเอ่ยเรียกเด็กหนุ่ม
เรือนไผ่หยก
ตงหยางเดินกุมมือก้มหน้าตามหลังม่านม่านไปอย่างอ่อนน้อม ทั้งสองเดินไปถึงเรือนหนึ่ง ที่มีห้องพักเรียงรายต่อเนื่องหลายสิบห้องกลางเรือนมีห้องโถงและห้องรับรองที่มีโต๊ะวางไว้รอบ ๆ คล้ายร้านอาหาร ตรงกลางมีเวทีและโต๊ะประธาน ในห้องนั้นมีชายหนุ่มและเด็กหนุ่ม 2-3 คนกำลังพูดคุยกันอยู่ พวกเขาชำเลืองมองมาตงหยางเล็กน้อยแต่ไม่ได้เข้ามาทเพียงยืนขึ้นทักทายม่านม่านเท่านั้น
ตงหยางยังคงไม่มั่นใจว่าควรจะนั่งตรงไหน เด็กหนุ่มยืนนิ่งอยู่กลางห้องโถง ม่านม่านเดินเข้าไปเปิดตู้และหยิบกระดาษออกมาหนึ่งแผ่น
“ในเมื่อจะมารับใช้นายหญิง ก็ต้องรู้จักฐานะของตนเอง ท่านมานั่งตรงนี้เจ้าค่ะ”
ตงหยางนั่งลงบนเก้าอี้ ที่ในชีวิตนี้เขาไม่เคยได้นั่งมาก่อน
“คุณชายท่านอ่านหนังสือออกหรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าพออ่านออกบ้าง”
“เช่นนั้น...คุณชายลองอ่านสัญญาฉบับนี้เสียก่อน ... หากไม่เข้าใจ...สามารถสอบถามข้าได้หากท่านพร้อมลงนาม ก็ให้คนไปตามข้าม่านม่าน...หม่าลี่เจ้าจง คอยรับใช้คุณชายตงหยาง”
“ข้าลงนามได้ทันที ...”
“คุณชายไม่ต้องรีบร้อน...นายหญิงต้องการให้ท่านอ่านให้เข้าใจเสียก่อนเจ้าค่ะ” ม่านม่านรีบกล่าว
“เช่นนั้นข้าจะรีบอ่าน”
“ข้าไม่รบกวนคุณชายแล้ว...”
หม่าลี่คอยดูแลเรือนไผ่หยก เมื่อเห็นว่ามีแขก นางก็จัดเตรียมชาและขนมว่างมาดูแลต้อนรับทันที
ตงหยางรู้สึกไม่คุ้นเคย เขาประหม่าเล็กน้อย กลุ่มชายหนุ่มวัยเยาว์หันไปพูดคุยกัน เฉิงเซาชายหนุ่มใบหน้าเต็มไปด้วยความทะเล้นเจ้าเล่ห์เอ่ยพูดขึ้น
“เจ้าไม่ไปแนะนำ คุณชายท่านนั้นหน่อยหรือ”
“เฉิงเซา ... เจ้าล้อเลียนข้าหรือ” หมิงเยี่ยบุรุษที่มีกลิ่นอายเต็มไปด้วยเย็นชา ดวงตาจะมีหมอกบาง ๆ หนึ่งขั้น
“หาใช่ต้องการล้อเลียนท่านไม่ ... ทว่าเห็นท่าทีของเด็กน้อยผู้นั้นทำให้อดนึกถึงวันแรกที่ข้าเจอท่านไม่ได้”
“หึ!” หมิงเยี่ยวางหมากในมือในลง แสดงอาการไม่ต้องการที่จะพูดคุยกับเฉิงเซาต่อ ชายหนุ่มคู่เล่นหมากกับหมิงเยี่ยเงยหน้าขึ้นมา
“ในเมื่อเขามาถึงที่นี่แล้ว เจ้าก็ไปทักทายเขาหน่อยเถอะ”
“พี่เผยลู่พูดเช่นนี้ ...ข้าก็ต้องปฏิบัติตาม”
ในเรือนไผ่หยกตอนนี้มีเพียงเผยลู่ที่ได้ปรนนิบัติเฉียวเวยเวย จึงมีการยกระดับความสำคัญกันอีกขั้น
เฉิงเซาเดินตรงไปแล้วนั่งลงตรงข้ามกับตงหยาง เขาพินิจดูอีกฝ่าย
“ข้าเฉิงเซา...ยินดีต้อนรับท่าน”
เขากำลังอ่านหนังสือสัญญาด้วยความสนใจ อยู่ ๆ เฉิงเซาก็เข้ามาทักทายทำให้ ตงหยางสะดุ้งตกใจ
“ขะ ข้า ตงหยางยินดีที่ได้รู้จักท่านเช่นกัน”
“เจ้าน่ารัก...จริง ๆ”
เฉิงเซาพินิจดูอีกฝ่าย ในเรือนไผ่หยกยังไม่มีบุรุษเฉกเด็กหนุ่มตรงหน้า นายหญิงเวยช่างสรรหายิ่งนัก ทว่าคนผู้นี้ช่างน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ
“ขอบคุณท่าน” ตงหยางก้มหน้าลงอย่างเอียงอาย
“ท่านรีบอ่านเสีย..ถ้าลงนามในสัญญาแล้ว..พวกเราก็ถือว่าเป็นพี่น้องกัน”
“ข้าอ่านเสร็จแล้ว...แต่ว่ายังไม่เข้าใจเท่าไรนัก”
“ท่านถามข้าได้”
“เช่นนั้น ข้ารบกวนท่านอธิบาย.. ที่ว่าสมัครเป็นแรงงาน...กับการสมัครเป็นบ่าวในเรือน”
“อ่อ...ในเมื่อท่านมาถึงที่นี่..นายหญิงย่อมเสนอค่าตอบแทนให้ท่านเรียบร้อย..เมื่อมีเงินพวกเราสามารถไถ่ตัวได้..”
“อันนี้ข้าเข้าใจขอรับ”
“ฮืมม..การสมัครเป็นบ่าวแรงงานจะได้เบี้ยหวัดเดือนละ 1 ตำลึง หากสมัครเป็นบ่าวในเรือนจะได้เบี้ยหวัดเดือนละ 2 ตำลึง แน่นอนว่าต้องมีเหตุผล...” เฉิงเซาเว้นจังหวะดูหน้าตงหยางเล็กน้อย เห็นสีหน้าตื่นเต้นของอีกฝ่ายก็รู้สึกชอบใจ นี่คงเป็นสิ่งที่นายหญิงชอบกระมั้ง
“หากเจ้าสมัครเป็นบ่าวแรงงาน...นายหญิงจะไม่ให้เจ้ารับใช้ในห้องนอนและเจ้าสามารถชอบพอใจกับสตรีได้...ทว่าหากเจ้าสมัครเป็นบ่าวในเรือน..เจ้าอาจจะได้รับอนุญาตให้รับใช้ในห้องนอนของนายหญิงแต่ว่าเจ้าจะไม่สามารถชื่นชอบสตรีอื่นได้...จนกว่าเจ้าจะไถ่ตัวออกไป”
ดวงตาของตงหยางเบิกกว้างเล็กน้อย
“ข้อบังคับอื่น ๆ เจ้าคงอ่านเข้าใจแล้ว เป็นอย่างไร...ดีไม่น้อยใช่หรือไม่”
“ขอรับ...หากข้ารู้เช่นนี้/เจ้าก็จะมาเร็วกว่านี้สินะ” เฉิงเซาพูดขัดขึ้น ตงหยางก็พยักหน้าทันที
“ข้าก็คิดแบบนี้...แต่ไม่ใช่สิ่งที่นายหญิงต้องการ”
ตงหยางก้มลงนามในหนังสือสัญญา
“ข้าลงนามเรียบร้อย ตอนนี้ข้าสามารถเรียกท่านว่า พี่เฉิงเซาได้แล้วใช่ไหมขอรับ”
เขาชำเลืองมองดูเห็นตงหยางลงนามสมัครทำงานเป็นบ่าวในเรือน เฉิงเซายิ้มเอ็นดูอีกฝ่ายอายุน้อยเบี้ยหวัดรายเดือนสูง ไม่นานก็สามารถเก็บเงินไถ่ตัวออกไปแต่งภรรยาได้
“แน่นอน น้องชายมานี่สิข้าจะแนะนำให้เขารู้จัก”
เฉิงเซาหยิบสัญญายื่นให้หม่าลี่ จากนั้นก็เดินนำตงหยางไป
“นี่คือ พี่ชายเผยลู่ ... และพี่ชายคนนี้หมิงเยี่ย”
“ข้าน้อย...ตงหยาง..ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่าน”
“ในเมื่อเป็นคนของนายหญิงเช่นกัน...ที่นี้ไม่มีตำแหน่ง เจ้าไม่ต้องเรียกตนเองว่าข้าน้อย”
เผยลู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพใบหน้าและรอยยิ้มหล่อเหล่าสะอาดสะอ้านอ่อนโยน
“ส่วนข้าหมิงเยี่ย..”
ตงหยางมองหมิงเยี่ยคนผู้นี้หน้าตาหล่อเหลาไม่แตกต่างกันทว่า คมคายเย็นชาต่างจากเผยลู่ที่อบอุ่นดั่งฤดูใบไม้ผลิ ส่วนเฉิงเซาดูเจ้าเล่ห์แต่ละคนมีกลิ่นอายที่แตกต่างกัน
จังหวะนั้นม่านม่านก็เดินเข้ามา หญิงสาวย่อคารวะ
“ยินดีต้อนรับคุณชายตงหยาง...ข้าจะพาท่านไปยังห้องพัก เชิญท่านตามข้ามาเจ้าค่ะ”
เผยลู่ก็พูดขึ้น
“ตอนเย็นเจ้าก็จะได้เจอทุกคน...ไม่ต้องกังวลไปที่นี้ไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”
“ขอรับ”
ตงหยางรู้สึกผ่อนคลาย ที่นี่ไม่เหมือนที่เขาจินตนาการไว้แม้แต่น้อย เขาเดินตามม่านม่านไปยังระเบียงที่ทอดยาว
“คุณชายตงหยาง ที่นี่คือห้องพักของท่าน..เสื้อผ้าข้าจัดเตรียมให้ท่านบางส่วนเท่านั้น...อีกสักพักจะมีบ่าวมาวัดและตัดเสื้อผ้าให้ท่าน หากท่านชื่นชอบแบบไหนก็เลือกได้ตามที่ท่านต้องการ หากมีสิ่งใดขาดเหลือท่านก็บอกกล่าวหม่าลี่ได้เลยเจ้าค่ะ”
“ขอบคุณท่านมาก”
“ในเมื่อคุณชายลงนามเรียบร้อยแล้ว...ต่อไปก็เรียกข้าว่าพี่ม่านม่านเถอะเจ้าค่ะ”
“ขอรับ”
“กฏระเบียบต่าง ๆ ข้าจะค่อย ๆ แนะนำคุณชายตอนที่ข้านำสัญญาไป นายหญิงให้คนนำเงิน 100 ตำลึงไปมอบที่บ้านสกุลตงเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
ตงหยางพยักหน้า
“ข้าทราบแล้ว”
“ข้าไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของท่าน ขอข้าตัว”
“พี่ม่านม่านเดินดี ๆ” ตงหยางเดินไปส่งม่านม่านที่ประตู เขาเดินเข้ามาในห้องพลางมองไปรอบ ๆ ห้องขนาดไม่ใหญ่มาก ทว่าก็มีโต๊ะ ตู้ เตียงนอนทุกอย่างล้วนพอเหมาะ หม่าลี่เดินเข้ามา
“คุณชายบ่าวจะช่วยท่านเปลี่ยนเสื้อผ้านะเจ้าค่ะ”
ตงหยางมองดูเสื้อผ้าของตนเองภาพเหล่าบุรุษเมื่อสักครู่ผุดขึ้นมา จึงเอ่ย
“ข้าต้องการจะอาบน้ำเสียหน่อย”
“เจ้าค่ะ บ่าวจะให้คนจัดเตรียมน้ำนะเจ้าค่ะ”
ตงหยางไม่เคยมีบ่าวรับใช้มาก่อน เขาค่อนข้างเคอะเขิน จะเดินไปหยิบเสื้อผ้า ก็มีบ่าวคนหนึ่งเดินไปหยิบแทน จะเปิดประตูก็มีบ่าวเปิดให้ แม้จะพยายามทำบางอย่างด้วยตนเองก็ถูกบ่าวรับใช้จัดการให้หมด เขาไม่รู้จะบอกอย่างไร ได้แต่ปล่อยให้พวกเขาจัดการตนเอง