เธอต้องติดคุก!ยัยตัวแสบ!!!

1302 คำ
ภายในรถคันยาว ชายหนุ่มผู้นั่งอยู่ตรงตำแหน่งหลังสุด ยังคงตลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายนาทีก่อนไม่หาย สติของเขาซวนเซไปหมด ท้องไส้ของเขาปั่นป่วน หัวใจของเขาเต้นเร็วมาก ปากของเขาสั่น มือไม้ของเขาจับต้องอะไรก็ไม่ได้แม้แต่ขมับของตัวเอง เขาแทบบอกตัวเองไม่ได้เลยว่าจะไปไหนต่อดี “เป็นไปไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องจริง” ชายหนุ่มผู้ทรงสง่า พยายามเรียกขวัญของตนเองกลับคืนมา ตั้งสติ ทบทวนวิบากกรรมแห่งชีวิตที่เกิดขึ้น ฉับพลัน ใบหน้าของเจ้าหล่อนก็ปรากฏในดวงตาของเขา ครานั้น อารมณ์ของเขาก็ระเบิดออกมาเหมือนปรมาณู เขาขบกัดกรามจนแน่น ค่อยๆ ยกมือขึ้นคลำใบหน้าของตนเองที่เต็มไปด้วยเนื้อเค้ก เขากวาดมันออกจากใบหน้าอันหล่อเหลาที่ไม่เคยมีมือใครกล้ามาแตะต้อง อย่าว่าแต่ผู้หญิงสูงศักดิ์คนไหนเลย ถ้าเขามีเซ็กส์ด้วย เขาก็ไม่เคยยอมให้ใครมาจูบ แม้แต่สัมผัสเพียงนิดก็ไม่ได้รับอนุญาต แต่นี่ สิ่งที่เขาเผชิญอยู่นี่ เป็นฝีมือของผู้หญิงชั้นต่ำข้างถนนอย่างนั้นเหรอ คิดดังนั้นก็ระบายคลั่งแค้นด้วยการทุบหมัดลงไปบนเบาะตรงหน้าแรง ๆ จนลูกน้องนั่งตัวเกร็งกันไปหมด เจ้าตัวคนนั่งตำแหน่งโชว์เฟอร์ ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยถามว่าออกรถได้รึยังครับ นั่นเพราะตามกฎของวิกเตอร์แล้ว เขาจะต้องออกคำสั่งเสียก่อน ทุกอย่างถึงจะขับเคลื่อนได้ “อยากตายใช่ไหม!!!!!!!” ทุกคนสะดุ้ง ขนหัวลุก กลืนน้ำลาย เพียงลุยจิเท่านั้นที่กลั้นใจกล้าตอบโต้เจ้านายผู้กราดเกรี้ยว “เจ้านายจะให้เรียกมือปืนเลยไหมครับ” “เงียบไปเลยไอ้ลุยจิถ้าไม่อยากถูกถีบ” เสียงตวาดลั่นจนทุกคนหลบลงราวกับมีระเบิดขว้างเข้ามาในรถ ยิ่งทำให้เจ้านายหัวเสียเข้าไปใหญ่ ตอนนี้เขาอยากจะฆ่าลูกน้องของตนเองมากกว่ายัยลิงบ้านั่นเสียแล้ว “พวกแกไปหาปืนมายิงหัวตัวเองเสียด้วยนะ ก่อนที่ฉันจะจัดการพวกแกด้วยมือของฉันเอง” ทุกคนพากันเงียบกริบ มีแค่เสียงหายใจฟืดฟาดๆ ของเจ้านายเท่านั้น ตอนนี้ แม้อุณหภูมิจะเย็นเยือกสักแค่ไหนก็ตาม ทุกคนเหงื่อแตกซิกเหมือนยืนอยู่กลางแดดในฤดูร้อน “เจ้านายครับ” ผู้นั่งตำแหน่งโชว์เฟอร์กลั้นใจเสี่ยงชีวิตถามให้รู้แล้วรู้รอด “ออกรถได้รึยังครับ” “อ้าว!” เสียงอุทานดังสนั่น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงเขียว เมื่อมองนอกกระจกรถ “นี่รถยังไม่ออกอีกเหรอ นี่หมายความว่าฉันยังอยู่ที่หน้าร้านเฮงซวยนี่เหรอ” แล้วชายหนุ่มก็หลับตาแน่น สูดลมหายใจอย่างเป็นจังหวะ ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง เพราะความตกใจมหันต์ ที่อยู่ ๆ ก็มีของบางอย่างหล่นตุ๊บลงบนหลังคารถของเขา "เฮ๊ย! " สามวินาทีหลังจากนั้น บอดี้การ์ดของเขาลงจากรถไปจนหมด เพื่อไปตรวจตราสถานการณ์ เขาอดรนทนไม่ไหว อยากรู้ใจแทบขาดว่าเกิดอะไรขึ้น จึงเปิดประตูรถออกไปดูบ้าง “พระเจ้า” เขาเห็นกระถางดอกไม้ขนาดเล็กแตกเละเทะอยู่บนหลังคารถของเขา “นี่มันอะไรกัน” ไม่มีใครให้คำตอบแก่เขา จนเขาเงยหน้ามองขึ้นไปยังชั้นสามของตึกคร่ำคร่า “เธอ!” หญิงสาวยิ้มท้าทาย เท้าแขนลงบนขอบหน้าต่าง จ้องมองลงมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสะใจ ดูเหมือนว่าวิกเตอร์จะเจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกันแล้ว เจ้าหล่อนชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้า แล้วตะโกนกลับลงมาด้วยเสียงใสแจ๋ว “หล่นลงมาจากฟ้าค่ะ สงสัยพระเจ้าจะตักเตือนลูกที่น่ารังเกียจของท่าน” รอยยิ้มของเจ้าหล่อนร้ายแรงยิ่งกว่านางร้ายตนใดในโลก วิกเตอร์อ้าปากค้าง ขากรรไกรแข็งจนพูดอะไรไม่ออก นอกจากอุทานด้วยความเจ็บใจ “พระเจ้า!!!!!!” เขาชี้หน้าเธอ “เธอต้องติดคุก!!!” “ผมจะจัดการแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้ครับ” ลุยจิกล่าวทันที เพื่อเอาใจเจ้านาย “แต่ตรงนี้เป็นที่ห้ามจอดรถอยู่แล้ว” เองเกิลเบิร์ตกล่าวเตือน ขณะยังไม่ละสายตาจากการมองข้างบนเช่นกัน ตอนนี้เขารู้สึกชื่นชมหญิงสาวผู้นี้เป็นอย่างมาก เขาอยากจะรู้จักเธอให้มากกว่านี้แล้วสิ อย่างน้อยได้รู้จักชื่อก็ยังดี “และไม่มีใครเห็นว่าเธอเป็นคนทำ” ส่วนเจ้าของรถ เขายังคงจ้องมองหญิงสาวด้วยสายตาอาฆาต สายตาแบบนั้น สาบานได้เลยว่าไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน นั่นเพราะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ฉันไม่ปล่อยยัยนี่ไว้แน่” “ถ้าฉันไม่ได้ที่ตรงนี้ภายในสองวันนี้ ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าวิกเตอร์อีก” “ร้อยล้านยูโร” เธอตะโกนกลับลงมา เขาหน้าค้าง ก่อนจะยิ้มดูถูก “มากไปหน่อยกระมัง” “ก็แค่ชั้นล่าง สามร้อยล้านยูโรทั้งหลัง คุณไม่กล้าหรอกวิกเตอร์ เพราะถ้ากล้า คงไม่พกผู้ติดตามตั้งหลายคนแบบนี้ คุณมันก็แค่คนขี้ขลาดคนหนึ่งเท่านั้นเอง ไปซะ กลับไปอยู่ในโลกของคุณ โลกที่คุณหลงเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า” ราวกับเธอเป่าลมใส่หน้าเขาเต็มๆ ลมวูบใหญ่ทีเดียววิ่งมาปะทะใบหน้าของเขาจนรู้สึกชาชืดไปหมด “พระเจ้าคะ ได้โปรด ไปให้ไกลจากที่นี่เถอะค่ะ แล้วก็อย่ากลับมาสร้างความเดือดร้อนให้กับพวกเขาอีกเลย เพราะไม่อย่างนั้น พระเจ้าจะได้รู้จักความเจ็บปวดที่ไม่เคยเจอมาก่อน” มาลินีรู้ตัวว่าก็แค่ปากดีไปอย่างนั้นเอง ไม่รู้ละ กับคนแบบนี้ ต้องตาต่อตา ฟันต่อฟัน มันถึงจะสูสีกันหน่อย ตอนนี้เธอต้องพยายามปั้นสีหน้าให้เหี้ยมเข้าไว้ ขณะที่ชายหนุ่มคิดว่าตนเองเพิ่งถูกตบหน้าไปหมาดๆ มันทำให้สติของเขาสั่นไหวอีกครั้ง “และด้วยความหวังดี กลิ่นน้ำหอมของคุณ แรงมาก คิดว่ามันจะสามารถกลบปิดความเหม็นเน่าที่ตัวเองก่อไว้ได้เหรอ ใครโกหกคุณว่ากลิ่นนี่มันวิเศษ กลับไปชกหน้าคนแนะนำด้วยนะ เพราะแสดงว่าเขาเกลียดคุณและไม่เคยหวังดีต่อคุณเลยสักนิดเดียว คุณมันคนน่าสมเพช” ด่าแล้วเสร็จ เจ้าหล่อนก็จัดการปิดหน้าต่างบานนั้น หายไปจากสายตา ทิ้งให้ชายหนุ่มมึนงง เหมือนคนสติหลุดหายไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เจ้าผู้ติดตามทั้งห้าจะเข้ามาหาเขา เขากลับยกมือขึ้นห้ามไว้ “อย่าเข้าใกล้ฉัน” อย่าให้ใครเข้าใกล้เขาเวลาที่เขารู้สึกว่าเหมือนเนื้อมันถูกกรีดเป็นริ้วๆ “ออกไป” เขาค่อยๆ หมุนตัวไปมองรถคันงาม บนหลังคาที่แสนสะอาด แข็งแกร่ง บัดนี้ มันไม่เหลือความภูมิใจให้แก่เขาอีกต่อไปแล้ว เขาคว้าต้นดอกไม้ที่หลุดออกนอกกระถาง กำดอก forget me not ไว้แน่นมือ แน่นจนเอ็นผุดเต็มลำแขน “ฉันต้องการกลับบ้าน เดี๋ยวนี้” เขากลับเข้าไปนั่งในรถ ด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียมดุดัน ในมือยังคงกำดอกไม้เจ้ากรรมเอาไว้ ตอนนี้ สิ่งที่เขาคิดก็คือศักดิ์ศรีของเขาที่สั่งสมมาทั้งชีวิต ได้ถูกทำลายไปในชั่วพริบตาเดียว ด้วยฝีมือของผู้หญิงคนนั้น “ชาตินี้ อย่าได้หวังว่าจะมีความสุขอีกเลย แล้วเธอจะเสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไปในวันนี้”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม