“ฮึ! ว่าไง มันอยู่ที่ไหน” น้ำเสียงเย้ยหยันนั่น บอกชัดว่าไม่ได้สนใจอำนาจของชายหนุ่มผู้ทรงอิทธิพลของกรีซเลยสักนิดเดียว
“หรือว่าในตูดวัว”
“นังนี่”
เธอเท้าสะเอว จ้องจนดวงตาสีน้ำเงินถลน
“ไปบอกเจ้านายปัญญาอ่อนของพวกแก ไม่เพียงแต่ชาตินี้เท่านั้น เพราะต่อให้เป็นชาติหน้าก็จะไม่มีใครย้ายออกจากที่นี่ทั้งนั้น บอกเขาให้ไสหัวออกไป แล้วก็อย่าได้ส่งหมูที่ไหนเข้ามาเหยียบในนี้อีก ออกไปเดี๋ยวนี้”
แอนเดรียกับเองเกิลเบิร์ตแอบหันหน้ามองกันแล้วยิ้มจนใบหน้าสว่าง ถูกของเธอ “เจ้านายปัญญาอ่อน” แต่สำหรับลุยจิแล้วนั้น เขาตกใจจนตาลุกวาว อีกแล้วนะ ที่ยัยผู้หญิงสกปรกคนนี้ด่าเจ้านายของเขาอย่างเจ็บแสบ เขายกนิ้วชี้ที่สั่นเทาแตะจมูกเลียนแบบเจ้านายผู้เป็นไอดอล
“คงไม่อยากหายใจแล้วสิ”
เธอยกไหล่
“เอาคำถามนี้ กลับไปถามเจ้านายของนายสิ”
“เธอเป็นใคร เกี่ยวอะไรกับบ้านหลังนี้”
เจ้าอ้วนรีบแทรกบอกด้วยความรวดเร็ว
“เป็นแฟนของผมเอง มีปัญหาเหรอ”
ลุยจิหัวเราะหึ ๆ เพื่อให้ดูน่ากลัว
“ไอ้เด็กปัญญาอ่อน” ว่าแล้วก็ปัดถาดเค้กจนตกลงบนพื้น มันทำให้ทุกคนตาค้าง ตกใจ และนึกไม่ถึง โดยเฉพาะหญิงสาวที่กำลังต่อสู้อยู่กับชายฉกรรจ์ที่ตัวโตกว่าสามเท่า ความโกรธทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำเหมือนถูกไฟเผา ยิ่งพอได้ยินเสียงร้องไห้โฮของเจ้าอ้วนที่ตะเบ็งออกมาอย่างไม่อาย ความอดทนอย่างแสนสาหัสก็พลันขาดผึง
“ไม่ต้องฉลองหรอกวันเกิด เลี้ยงส่งให้กับบ้านโทรม ๆ หลังนี้จะดีกว่า”
หญิงสาวขยับเท้าไปใกล้กับถาดเค้ก แล้วนั่งยองๆ ลง หยิบเค้กก้อนนั้นขึ้นมาก้อนหนึ่ง มันใหญ่กว่าฝ่ามือของเธอเล็กน้อย เธอยืนขึ้นอีกครั้ง เป่าลมออกจากปากเบาๆ ชายสวมสูททั้งห้า มองเธอเป็นตาเดียว เธอกำลังจะทำอะไร หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรเลยนอกจากคำว่า
“หลีกไป”
ทั้งลุยจิและพวกที่เหลือ ไม่ได้หลีกให้เธอ แต่เจ้าหล่อนสาวเท้าเดินผ่านออกจากประตูไปอย่างรวดเร็ว นั่นเพราะเธอเห็นแล้ว มีใครบางคนกำลังจะเดินเข้ามาในร้าน เธอคิดว่ามันเป็นโอกาสงามทีเดียว ที่ควรจะคว้าเอาไว้
“เฮ้ย...เมื่อไหร่พวกแกจะ...” เขาหยุดเพียงเท่านั้น นั่นเพราะมีเค้กโปะเต็มใบหน้า โดยเฉพาะปากที่อ้าค้าง ชายหนุ่มไม่ยอมขยับตัวอีกเลย นั่นเพราะเขากำลังทบทวนอยู่ว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือแค่สิ่งที่เขาจินตนาการขึ้นกันแน่ หากแต่เพราะรสชาติของเค้ก ก็ทำให้เขาตื่น
“พระเจ้า!!!” นั่นไม่ใช่เสียงอุทานของเขา แต่เป็นของพวกบอดี้การ์ดที่กรูกันเข้ามาหาเจ้านาย หลังจากที่หายตกใจกันแล้ว “เจ้านายครับ”
“ออกไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้!!!!!!”
เสียงตะโกนอันสั่นเทา ดังก้องไปทั่ว เขากำหมัดแน่น จ้องมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงบานประตูอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ รอยยิ้มของเจ้าหล่อนดูออกว่าสะใจอย่างล้นเหลือ เธอกำลังดูดนิ้วชี้ของตัวเอง เลียเอาครีมขาวข้นที่ติดเต็มมือเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
“ยัยสกปรก เธอตายแน่!!!”
เธอแลบลิ้นใส่เขาแล้วปิดประตูด้วยความรวดเร็ว เธอทำหน้าเย้ยหยันผ่านกระจกอย่างไม่เกรงกลัว วิกเตอร์สะบัดแขนจนลูกน้องหลุดกระเด็นไปคนละทาง เดินไปหยุดอยู่หน้าประตู มองเจ้าหล่อนผ่านกระจกใส แล้วตะโกนไม่หยุด
“ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ก่อนที่ฉันจะพังร้านเข้าไป!!!”
หญิงสาวทำหน้าล้อเลียนเขา จนทำให้เขาเลือดขึ้นหน้า ทุบประตูไปหลายครั้งจนมือเจ็บ
“ออกมาเดี๋ยวนี้ยัยลิงบ้า!!!!”
“ออกไปให้โง่เหรอ ไอ้ปิศาจปัญญาอ่อน ไอ้ผีดิบดูดเลือด”
เขาอ้าปากค้าง ชี้หน้าเธอด้วยมืออันสั่นเทา ตอนนี้ความโกรธพุ่งเต็มสมองไปแล้ว พระเจ้า เขาไม่เคยถูกด่าด้วยคำหยาบคายขนาดนี้มาก่อน แม้จะเคยถูกด่าลับหลังก็เถอะ ไม่เคยมีใครกล้าด่าเขาต่อหน้าขนาดนี้ เขาต้องอกแตกตายแน่ถ้าไม่ได้จัดการกับผู้หญิงบ้าคนนี้
“ฉันฆ่าเธอแน่!!!!”
เธอทำหน้าเวทนา
“ฉันกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว กลัวจังเลย” เธอพูดพร้อมกับทำท่าสั่นสะท้านไปทั้งตัวเหมือนคนจรนอนหนาวข้างถนน “แต่ขอโทษ คนอย่างฉัน ไม่มีวันตายเพราะมือสกปรกๆ ของนายหรอก อย่าฝันไปหน่อยเลยน่า ไอ้โรคจิต!!”
“เธอสิโรคจิต!”
“นายต่างหากโรคจิต ประสาทเสีย ไม่มีที่อยู่รึไง หรือว่าไม่มีอะไรทำ ถึงได้ว่างมาวิ่งไล่ชาวบ้านตาดำๆ ให้ออกไปจากบ้านของตัวเอง ปัญญาอ่อนรึไง พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอน ไร้คุณค่า ถ้าเกิดมาแล้วไร้ประโยชน์ขนาดนี้ก็ไปตายซะ”
เขากัดกรามจนแน่น ใบหน้าสั่นเทาจนเห็นชัด ดวงตาสีเขียวมรกตเหลือกโปน
“รับรองเลยว่าเธอจะต้องกระเด็นออกจากประเทศนี้ไปไม่เกินสิบชั่วโมง”
หมอนั่นพูดจบก็หันหลังขวับ เดินด้วยความรวดเร็วกลับไปยังรถคันยาวที่แสนหรูหราและราคาแพงระยับ เหล่าสมุนรีบตามเจ้านายไปขึ้นรถด้วยความรวดเร็วไม่แพ้กัน กระนั้น เจ้าหนุ่มเองเกิลเบิร์ตก็ยังหันกลับมาแล้วส่งยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร รถคันนั้นยังคงจอดนิ่ง แม้คนจะขึ้นไปจนครบแล้วก็ตาม
หญิงสาวมองด้วยสายตาหยามเยาะ ปัดไม้ปัดมือด้วยความสะใจ
“เป็นไงล่า เล่นกับใครไม่เล่น”
ศจีมาศเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังของหญิงสาว สีหน้านั้นมากว่าความกังวลเสียแล้ว เมื่อเธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
“ญาญ่า เธอไม่น่าไปมีเรื่องกับเจ้าหนุ่มนั่นเลย เขาต้องไม่ปล่อยเธอไว้แน่ ฉันจะทำยังไงดี”
หญิงสาวหันกลับมามองทุกคนที่ยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นไร้ชีวิต สีหน้าของทุกคนตกอยู่ในภวังค์เดียวกัน เว้นก็แต่เจ้าหนูน้อยแก้มแดง ที่ยกนิ้วโป้งแสดงความยินดีแก่หญิงสาว
“พี่ญาญ่าสุดยอดไปเลย ต่อไปนี้เราไม่ต้องกลัวหมอนั่นแล้ว”