บทที่ 16 ตอน สายใยรัก
บ้านตระกูลหลิว ถูกไฟเผาจนมอดไหม้ เมื่อเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบก็พบว่า มีซากร่างของผู้เสียชีวิตอยู่ในกองเพลิงหลายศพ จากสภาพที่เห็นไม่มีผู้ใดรอดชีวิตเลย
หลิวซืออินและซุนเซิงเมื่อได้รับคำยืนยันเช่นนั้นจากเจ้าหน้าที่ ก็รู้แล้วว่าเยี่ยเหวินจ้าวไม่มีโอกาสรอด พวกเขาสองคนไม่อาจรู้ได้ว่า ศพที่ถูกเผาไหม้เป็นต่อตะโกนั้น ศพใดคือศพของเยี่ยเหวินจ้าว เจ้าหน้าที่ได้นำศพไปฝังเอาไว้
หลิวซืออินและซุนเซิง จึงทำได้เพียงนำป้ายชื่อกลับไปด้วยเท่านั้น
"พี่เยี่ยก็จากไปแล้ว เจ้าคิดว่า เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป"
ซุนเซิงเอ่ยถามหลิวซืออิน ตอนนี้นางได้กลายเป็นภรรยาม่ายของเยี่ยเหวินจ้าว หากไม่มีผู้ใดคอยดูแล สตรีนางนี้จะทำเช่นไร
"ตัวข้าไม่มีบ้านให้กลับ ต่อไปนี้ก็คงต้องอาศัยตัวเองเพื่อความอยู่รอด"
หลิวซืออินกอดแผ่นป้ายชื่อของสามีเอาไว้แน่น หลังผ่านการสูญเสียทั้งครอบครัวของตัวเอง และสามีของนางก็จากไปเร็วเช่นนี้ นางจึงต้องพยายามเข้มแข็งขึ้น นางยังมีลมหายใจก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้
"พี่ซุนช่วยพาข้ากลับไปที่บ้าน ข้าคงจะต้องกลับไปเริ่มต้นที่นั่น"
หลิวซืออินไม่มีที่ให้กลับอีกแล้ว บ้านของท่านอาก็ไม่มีใครเหลืออยู่ นางจึงคิดกลับไปอยู่บ้านเช่าหลังเดิม เยี่ยเหวินจ้าวทิ้งเงินไว้ให้นางจำนวนหนึ่ง นางคงอาศัยเงินก้อนนี้ในการเริ่มต้นชีวิตใหม่
"ถ้าเช่นนั้นข้า ก็จะพาเจ้ากลับไป"
ซุนเซิงรู้สึกสงสารและเห็นใจหลิวซืออินมาก เขาคิดอยากจะรับนางไปดูแล แต่มันยังเร็วเกินไปที่จะบอกเรื่องนี้ให้นางตัดสินใจ รอเวลาสักพักเขาจะลองเอ่ยถึงเรื่องนี้ หากนางยินยอม เขาก็จะรับนางไปเป็นภรรยาของเขา
ซุนเซิงพาหลิวซืออิน กลับมาส่งยังบ้านเช่า มือปราบที่ได้รับการแจ้งเบาะแสจากนางหลี่เจียนตอนนี้ไม่ได้มาที่นี่แล้ว เพราะได้ข่าวว่าคนร้ายได้บุกเข้าไปฆ่าและเผาบ้านของนางหลี่เจียน มีการต่อสู้กันจนทำให้มีการเสียชีวิตอยู่หลายศพ หนึ่งในนั้นก็คือคนร้ายที่พวกเขาตามล่าอยู่ คดีนี้เมื่อคนร้ายตายไปแล้ว จึงไม่มีใครคิดจะสืบสาวราวเรื่องต่อ นายอำเภอจึงสั่งให้ปิดคดี หลิวซืออินจึงกลับมาอยู่บ้านหลังนี้ได้อย่างสบายใจ ซุนเซิงแวะเวียนมาหาและมาช่วยทำงานหนักเช่นการผ่าฟืน และตักน้ำ
หลิวซืออินมิได้ปล่อยให้ตัวเองอยู่ว่าง นางหาลู่ทางทำมาหากิน จนได้รับคำแนะนำจากนางฉีฮุ่ยภรรยาของชายขับรถม้า ให้ลองทำปลาหมึกตากแห้งขาย เมืองหนานไห่เป็นเมืองท่า มีอาหารทะเลสดใหม่ หากไปซื้อจากเรือประมงก็จะได้ราคาถูก เอามาแปรรูปจะขายได้ราคาดีกว่า
จากแรกเริ่มทำแค่ปลาหมึกแห้ง หลิวซืออินได้รับปลามาทำปลาเค็ม นางเรียนรู้วิธีทำปลาเค็มจากนางฉีฮุ่ย ทำออกมาได้รสชาติดี นำไปขายก็ขายหมดเกลี้ยง เงินทองไหลมาเทมา เหมือนเทพแห่งโชคลาภอวยพร แต่แล้วเมื่อผ่านไปสามเดือนขณะที่หลิวซืออินกำลังเก็บปลาหมึกตากแห้ง นางพลันรู้สึกหน้ามืดวิงเวียนศีรษะขึ้นมา โชคดีที่นางฉีฮุ่ยมาเห็นเข้า จึงช่วยประคองพาเข้ามานอนพัก
"ข้าว่าเรียกหมอมาดูสักหน่อยดีหรือไม่ เจ้าทำงานหนักก็อย่าขี้เหนียวจนไม่รักษาตัวเองเลย"
นางฉีฮุ่ยเห็นอาการของหลิวซืออินน่าเป็นห่วง จึงอยากให้นางเรียกหมอมาตรวจ
"ข้าแค่วิงเวียนเล็กน้อย สองสามวันนี้ตื่นเช้ามา ก็รู้สึกผะอืดผะอมจนอาเจียน กินข้าวได้น้อยคงเพราะแบบนี้ จึงรู้สึกไม่สบาย"
หลิวซืออินเล่าอาการของตัวเองให้นางฉีฮุ่ยฟัง อีกฝ่ายทำท่าท่าครุ่นคิดก่อนจะถามว่า
"ระดู (ประจำเดือน) ของเจ้ามาปกติหรือไม่"
"ดูเหมือนสามเดือนที่ผ่านมา ระดูของข้ามาไม่ปกติ แต่เดิมร่างกายข้าก็ไม่ค่อยสมบูรณ์ ระดูจึงมาบ้างไม่มาบ้าง"
หลิวซืออินมัวแต่โศกเศร้าเรื่องการตายของสามี และยังทำงานหนักจนไม่ได้ใส่ใจตัวเอง สามเดือนมานี้ดูเหมือนว่าระดูของนางจะขาดไป ผ้าที่เตรียมไว้ใช้ก็ไม่ได้หยิบออกมาเลย
"อาการเจ้าคล้ายกับตอนข้าท้องอาเจิน ข้าว่าเรียกหมอมาตรวจดีกว่า จะได้รู้ไปเลย เจ้ารอเดี๋ยวนะข้าจะไปตามหมอมาให้"
นางฉีฮุ่ยรีบออกไปทันที สวนทางกับซุนเซิงที่เดินหิ้วขนมและส้มมาพอดี
"ท่านป้า ซืออินอยู่ที่ใด วันนี้ข้าซื้อส้มกับขนมมาฝากนาง ข้ายังซื้อมาฝากท่านป้าด้วย"
ซุนเซิงแวะมาหาหลิวซืออินบ่อยครั้ง จนรู้จักสนิทสนมกับนางฉีฮุ่ย
"เจ้ามาพอดี ซืออินไม่สบายข้ากำลังจะไปตามหมอ เจ้าอยู่เป็นเพื่อนนางก่อนนะ"
"นางไม่สบาย เป็นอะไรมากหรือไม่"
ซุนเซิงเอ่ยถามด้วยความตกใจ เขาไม่ได้แวะมาดูแลนางแค่สิบวัน นางกลับป่วยไข้ขึ้นมา
"หึ ยังแสร้งตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่องอีก รอท่านหมอมาตรวจให้แน่ใจก่อน ข้าจะเอาเรื่องเจ้า"
นางฉีฮุ่ยสะบัดเสียงใส่ซุนเซิง ก่อนจะรีบออกไป ทิ้งให้เขาเกาหัวด้วยความสงสัย
"อาการป่วยของซืออิน เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย"
ซุนเซิงนิ่วหน้าไม่เข้าใจคำพูดกำกวมนั้น เขาเดินเข้าไปในบ้าน เรียกหาหลิวซืออิน อีกฝ่ายเดินออกมาจากห้องนอน ใบหน้าซีดเซียว
"ท่านป้าฉีบอกว่าเจ้าไม่สบาย มานั่งก่อนเถอะ ข้าซื้อส้มกับขนมมาฝากเจ้าด้วย"
ซุนเซิงยกห่อขนมและส้มให้นางดู หลิวซืออินเห็นส้มก็รู้สึกเปรี้ยวปากขึ้นมา รีบหยิบส้มลูกหนึ่งมาแกะเปลือกกิน รสเปรี้ยวนิดหวานเล็กน้อย ให้ความรู้สึกชุ่มคอ อาการผะอืดผะอมวิงเวียนเหมือนจะดีขึ้น นางจึงหยิบมาแกะเปลือกกินอีกสองลูก และยังกินขนมที่ซุนเซิงเอามาฝากจนหมด เมื่อนางฉีฮุ่ยพาหมอมาถึง หลิวซืออินกำลังกินส้มผลที่ห้า
"ท่านหมอ ช่วยตรวจดูอาการของนางด้วย"
นางฉีฮุ่ยพาหลิวซืออินและหมอเข้าไปตรวจอาการในห้อง ปล่อยให้ซุนเซิงนั่งรออยู่ข้างนอก
"ขอแสดงความยินดีด้วย แม่นางผู้นี้มีชีพจรมงคล ได้สามเดือนแล้ว"
เมื่อตรวจชีพจรเสร็จหมอก็เอ่ยแสดงความยินดี ด้วยคิดว่าชายที่รออยู่ด้านนอกเป็นสามีของแม่นางผู้นี้
"ท่านแน่ใจหรือท่านหมอ นางท้องจริงๆ หรือ"
นางฉีฮุ่ยเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ ตอนแรกนางก็เดาอาการของหลิวซืออินว่าน่าจะกำลังแพ้ท้อง ไม่คิดว่าจะเป็นจริง
"ข้าเป็นหมอมาหลายสิบปี อาการเช่นนี้พบเห็นมานักต่อนักแล้ว เดี๋ยวข้าจะจัดยาบำรุงให้ ระหว่างนี้ก็ให้ดูแลเรื่องอาหารการกินให้สมบูรณ์ เด็กในท้องไม่ได้มีคนเดียวแต่มีถึงสอง เจ้าต้องบำรุงตัวเองให้มากหน่อย"
คำพูดนี้ทำให้นางฮุ่ยฉีถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง
ด้านหลิวซืออินกลับสงบกว่า นางวางมือบนท้องของตัวเองอย่างหวงแหน ชีวิตใหม่ทั้งสองในท้องของนาง ดุจความหวังและพลังใจ ทำให้นางรู้สึกว่าอยากจะมีชีวิตต่อไป
"เอาล่ะ เจ้าเอาเทียบยานี้ไปที่ร้านขายยาให้จัดยาให้ หากมีอาการผิดปกติอะไร ก็เรียกหาข้าได้ ข้าขอตัวกลับก่อน"
"ขอบคุณท่านหมอ ท่านป้าฉีข้าฝากท่านซื้อยาให้ข้าด้วย"
หลิวซืออินส่งก้อนเงินให้นางฉีฮุ่ยช่วยจัดการจ่ายค่ารักษาและซื้อยา
"ข่าวดีเช่นนี้ เจ้าเป็นคนบอกซุนเซิงเถอะ เขารู้เข้าจะได้จัดการทุกสิ่งให้เรียบร้อย"
นางฉีฮุ่ยเอ่ย ก่อนจะพาท่านหมอออกไป นางยังหวังดีบอกกับซุนเซิงว่า
"รีบเข้าไปดูนางเร็วเข้า"
ซุนเซิงเกาหัวด้วยความแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้เข้าไปในห้องของหลิวซืออิน รอให้นางเป็นฝ่ายออกมาเอง
"เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ท่านหมอบอกว่าเจ้าเป็นโรคอะไร มีทางรักษาหรือไม่"
หลิวซืออินกลับมานั่งที่เก้าอี้ แววตาของนางมีประกายของความสุขปรากฏขึ้น นางหยิบส้มผลหนึ่งมาแกะเปลือก เอ่ยออกมาว่า
"ท่านหมอบอกว่า ข้ากำลังตั้งครรภ์ "
///