บทที่ 17 ตอน ชีวิตนี้ข้าขอมีสามีเพียงคนเดียว

1663 คำ
บทที่ 17 ตอน ชีวิตนี้ข้าขอมีสามีเพียงคนเดียว "เจ้าตั้งครรภ์ ลูกของพี่เยี่ยเช่นนั้นหรือ" ซุนเซิงรู้สึกเหมือนโดนทุบหัว เยี่ยเหวินจ้าวจากไปสามเดือนแล้ว ภรรยาม่ายของเขากลับตั้งครรภ์ ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีที่มาไม่ถูกเวลา เขามองหน้าหลิวซืออินอย่างสงสาร เอ่ยว่า "ซืออิน ตอนนี้เจ้าไม่ใช่คนตัวเปล่า ยังมีลูกในท้องที่กำลังจะเกิด หาก เอ่อ... หากข้าอยากช่วยเจ้าดูแลเด็กๆ เจ้าจะยินยอมหรือไม่" หลิวซืออินชะงักมือที่กำลังแกะเปลือกส้ม เงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังเสนอตัวช่วยดูแลนางกับลูก นางรู้ว่าซุนเซิงเป็นคนดีคนหนึ่ง ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา เขาแวะเวียนมาช่วยนางทำงานหลายอย่าง คอยดูแลนางเอาใจใส่นาง แต่นางกลับมองเขาเป็นเพียงพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น "พี่ซุน ข้าขอบคุณพี่ซุนมาก แต่ข้าคงรับความหวังดีของพี่ไว้ไม่ได้ ข้าตั้งใจไว้ว่าชีวิตนี้ข้าขอสามีเพียงคนเดียว ก็คือท่านพี่เยี่ย" "แต่เด็กต้องมีบิดา เจ้าจะเลี้ยงดูเขาตัวคนเดียวไหวหรือ" ซุนเซิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขานับถือเยี่ยเหวินจ้าวไม่ต่างจากพี่ชาย การเสนอตัวแต่งงานกับหลิวซืออินก็เพียงอยากช่วยเลี้ยงดูลูกของพี่เยี่ย แต่ไม่คิดว่านางจะปฏิเสธ "พี่ซุน ลูกข้ามีข้าเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้ว ข้าไม่ต้องการให้ลูกข้าเรียกผู้อื่นว่าท่านพ่อ บิดาของเขาแซ่เยี่ย พวกเขาจะต้องใช้แซ่เยี่ยตามบิดาของเขา" หลิวซืออินภายนอกแลดูอ่อนแอ แต่จิตใจของนางกลับแข็งแกร่งยิ่งนัก นางไม่ใช่คุณหนูในห้องหอ ต้องรอคนมาดูแล นางเชื่อมั่นว่าหนึ่งสมองสองมือของนาง สามารถเลี้ยงดูบุตรที่จะเกิดมาได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น ที่สำคัญนางมิอาจให้ตัวเองแปดเปื้อนผู้ใด สามีของนางคือเยี่ยเหวินจ้าว นางไม่คิดจะให้ใครมาแทนที่เขา "ข้าขออภัย ข้าไม่เคยคิดดูถูกเจ้า แม้เจ้าไม่ยินดีแต่งกับข้า ก็ขอให้ข้าได้ดูแลเจ้ากับลูกในฐานะพี่ชายได้หรือไม่" ซุนเซิงไม่อาจละทิ้งหลิวซือที่กำลังท้องได้ เมื่อนางไม่ยอมรับคำขอแต่งงานกับเขา จึงต้องขอมาดูแลนางในฐานะพี่ชาย "ขอบคุณพี่ซุนมาก ข้าเองก็นับถือพี่ซุนเหมือนพี่ชายคนหนึ่งของข้าเช่นกัน" หลิวชิวเยว่สบายใจในฐานะนี้มากกว่า จึงไม่ลังเลที่จะตอบรับ "เช่นนั้นก็ดีแล้ว เจ้าวางใจได้ ต่อไปพี่ชายคนนี้จะดูแลน้องสาวกับหลานเอง" "น้องสาวขอบคุณพี่ซุน" "เจ้าไปนอนพักเถอะ เดี๋ยวข้าไปทำงานแทนเจ้าเอง" ซุนเซิงลุกขึ้นเดินออกไปช่วยเก็บปลาหมึกตากแห้ง พอเขาเก็บเสร็จนางฉีฮุ่ยก็กลับมาพร้อมห่อยา นางเห็นเขาทำงานอยู่ก็เข้าไปพูดคุยด้วย "ซืออินบอกข่าวดีกับเจ้าแล้วหรือ" "นางบอกข้าแล้ว นั่นยาใช่หรือไม่ เอามาเถอะข้าจะไปต้มให้นางเอง" นางฉีฮุ่ยส่งยาให้ แล้วเดินตามเขาไปที่ห้องครัว สอนวิธีต้มยาให้เขา "ใส่น้ำไปสามถ้วย เคี่ยวไฟอ่อนต้มจนเหลือถ้วยเดียวก็ใช้ได้แล้ว ห่อนึงต้มได้สองครั้ง เจ้าให้นางดื่มเช้าเย็นครั้งละหนึ่งถ้วย" "ข้ารู้แล้ว ขอบคุณท่านป้า" ซุนเซิงทำตามวิธีที่นางฉีฮุ่ยบอก อีกฝ่ายยังไม่ยอมกลับบ้านมาช่วยทำอาหารต่อ "วันที่เก้าเดือนหน้า เป็นฤกษ์มงคล เจ้าจะแต่งกับนางใช้วันนี้ได้ หากมีอะไรให้ข้าช่วยเหลือ บอกข้ามาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ" เมื่อซุนเซิงไม่ยอมพูด นางฉีฮุ่ยก็เป็นคนพูดเสียเอง นางสงสารหลิวซืออิน เป็นม่ายตัวคนเดียวเช่นนี้ อีกทั้งยังท้องผู้ชายก็ควรรับนางเป็นภรรยาให้ถูกต้อง ก่อนคนอื่นจะรู้เข้าแล้วเอาไปนินทา "ท่านป้า ท่านพูดเหลวไหลอันใดกัน" ซุนเซิงหันมามองหน้าคนพูด อีกฝ่ายมองตอบทำหน้าไม่พอใจ "นี่เจ้าคิดกินฟรีไม่รับผิดชอบรึ แม้ซืออินจะเป็นหญิงม่าย แต่ตอนนี้นางก็ตั้งครรภ์ลูกของเจ้าแล้ว เจ้ายังจะไม่ยอมแต่งกับนางรึ" นางฉีฮุ่ยเข้าใจว่าเด็กในท้องของหลิวซืออินเป็นลูกของซุนเซิง "ท่านป้า ข้ากับซืออินไม่เคยมีความสัมพันธ์กัน ในท้องนางเป็นลูกของสามีนางที่ตายไป" ซุนเซิงเอ่ยแก้แทนหลิวซืออิน แต่นางฉีฮุ่ยไม่ยอมเชื่อ "สามเดือนมานี้ ข้าเห็นเพียงเจ้าที่แวะเวียนมาหานาง เจ้าจะไม่รับผิดชอบนางได้หรือ" "ท่านป้า ข้ากับซืออินนับถือกันเป็นพี่น้อง ท่านป้าอย่ากล่าวโทษโยนบาป ให้ข้ากับซืออินต้องเสื่อมเสีย" "หึ ข้าจะไปถามนางเอง" นางฉีฮุ่ยไม่รับฟัง ขยับจะเดินไปถามหลิวซืออิน แต่อีกฝ่ายมายืนอยู่หน้าประตูห้องครัวเมื่อใดไม่รู้ "ท่านป้า เด็กในท้องเป็นลูกข้ากับพี่เยี่ย พี่ซุนมิได้เกี่ยวข้องด้วย" คำยืนยันนั้น ทำให้คนที่กำลังจะโวยวายหุบปากลง มองทั้งสองด้วยอย่างจับผิด แต่เมื่อเห็นสายตาที่ทั้งคู่มองกัน ไร้วี่แววสนิทเสน่หาอย่างคนรัก ก็ต้องถอนหายใจอีกรอบ "เฮ้อ เวรกรรมอะไรเช่นนี้ เจ้าเป็นม่ายไม่มีสามีคอยดูแล เช่นนี้แล้วเหตุใดไม่คิดแต่งงานใหม่ อยู่คนเดียวแบบนี้จะเลี้ยงลูกไหวหรือ" "ท่านป้า สามีข้าก่อนตายทิ้งเงินไว้ให้ข้าก้อนหนึ่ง ข้าไม่คิดอยู่นิ่งเฉยให้เงินหมดไป หากข้าทำปลาเค็มกับปลาหมึกแห้งให้มากหน่อย ก่อนคลอดคงมีเงินสักก้อนไว้เลี้ยงดูบุตร ท่านป้าไม่ต้องเป็นกังวล" หลิวซืออินเชื่อมั่นว่านางสามารถเลี้ยงดูลูกที่จะเกิดมาได้ นางไม่คิดเพียงทำปลาหมึกแห้งขายไปวันๆ แต่คิดเป็นคนรับซื้อและนำไปขายต่อ อาจจะทำกำไรได้มากกว่านี้ "ข้าแค่หวังดีไม่อยากให้เจ้าโดนนินทา" "ข้าไม่สนใจ คนพวกนั้นไม่ได้หาข้าวมาให้ข้ากิน ไม่ได้ช่วยข้าหาเงินเลี้ยงลูก หากคนที่นินทาข้าเป็นท่านป้า ข้าคงรู้สึกเสียใจ" หลิวซืออินเอ่ยเช่นนั้น นางฉีฮุ่ยก็เหมือนถูกปิดปาก พยักหน้าเข้าใจไม่เอ่ยอะไรอีก หลังจากนั้นชีวิตของหลิวซืออิน ก็กลับมาสงบอีกครั้ง นางบำรุงครรภ์ดูแลตัวเองอย่างดี ท้องของนางโตขึ้นเรื่อยๆ ไม่อาจพาตัวเองไปนั่งขายปลาเค็มได้อีก นางจึงเปลี่ยนมารับซื้อแล้วขายให้พ่อค้าต่างเมือง ซุนเซิงแวะเวียนมาดูแล และเมื่อเห็นว่ากิจการของหลิวซืออินมิอาจทำคนเดียวไหว จึงอาสามาช่วยงาน การค้าปลาเค็มและปลาหมึกแห้ง ได้กำไรงามกิจการเติบโตจนสามารถเช่าร้านในตลาด ไว้เก็บของและเปิดหน้าร้านขายเองได้ ผู้คนในตลาดเริ่มชินตา กับภาพเถ้าแก่เนี้ยร้านขายอาหารทะเลแห้ง ที่หอบร่างอุ้ยอ้ายเดินไปมาในร้าน แม้จะตั้งครรภ์แต่ใบหน้าของนางยังงดงามไม่เปลี่ยน อีกทั้งยังเปล่งปลั่งน่ามองกว่าเดิม หลิวซืออินรับครอบครัวของนางฉีฮุ่ยมาทำงานในร้าน ให้สามีของนางฉีฮุ่ยเป็นคนขับเกวียนขนสินค้า นางฉีฮุ่ยช่วยจัดห่อของให้ลูกค้า ซุนเซิงเองก็พอมีความรู้ด้านบัญชี จึงทำหน้าที่หลงจู๊ดูแลบัญชีของร้านให้ ย่างเข้าเดือนที่เก้าของการตั้งครรภ์ หลิวซืออินเหมือนคนแบกแตงโมสองลูกไว้ในท้อง หมอผู้ดูแลบอกว่าเด็กในครรภ์เป็นแฝด อาจจะทำให้คลอดยาก จึงแนะนำให้หาหมอตำแยฝีมือดีจากเมืองต้าไห่มาช่วยทำคลอด "หมอตำแยชื่อนางซ่งเหลียน เคยทำคลอดเด็กแฝดมาหลายท้อง ล้วนปลอดภัยดีทุกคน เจ้าไปขอให้นางช่วยทำคลอดเถอะ" หลิวซืออินจึงส่งนางฉีฮุ่ยไปติดต่อหมอตำแยซ่ง แต่อีกฝ่ายรับปากทำคลอดให้ภรรยาเศรษฐีในอำเภอ จึงไม่สามารถตามมาที่หนานไห่ได้ แต่ยังรับปากว่าจะช่วย ขอเพียงให้หลิวซืออินย้ายมาเช่าบ้าน รอคลอดที่ใกล้บ้านนาง แต่เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง เมื่อยังไม่ทันจะเดินทางไปถึงบ้านหมอตำแยซ่ง หลิวซือกลับปวดท้องคลอดก่อนกำหนด "ท่านป้าฉี ข้าปวดท้องเหลือเกิน โอ้ย" หลิวซืออินร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ใบหน้ามีเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นเต็มหน้าผาก นางหายใจหอบหนักๆ เด็กในท้องดิ้นแรงเหมือนไม่อาจอยู่ในนั้นได้อีก อาการของนางทำให้นางฉีฮุ่ยร้อนใจ "เหล่าต้าเจ้ารีบเร่งความเร็วหน่อย นางจะคลอดแล้วเร็วเข้า !" สามีของนางฉีฮุ่ยฟาดแส้เร่งให้ม้าวิ่งเร็วขึ้น แต่เหมือนโชคชะตาไม่ปราณี เกิดพายุฝนลมแรงจนต้นไม้หักโค่นขวางทาง รถม้าก็ติดหล่มฝืนดึงดันจนเพลาล้อรถหัก เดินทางต่อไปไม่ได้ "พายุพัดแรง ต้นไม้หักโค่นขวางทาง เราต้องอ้อมไปทางอื่น แต่ฝนตกหนัก รถม้าของเราติดหล่มจนเพลาล้อรถหัก เดินทางต่อไม่ได้แล้ว" ซุนเซิงที่ร่วมเดินทางมาด้วยบอกด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง เขากับเหล่าต้าช่วยกันดึงรถให้หลุดจากหล่มโคลน แต่โชคร้ายเพลาล้อหัก ฝนก็ตกหนักเช่นนี้ จะอุ้มคนท้องฝ่าไปก็ทำไม่ได้ "มีรถม้าผ่านมา เจ้ารีบไปขวางทางไว้" เหล่าต้าตาไวเห็นรถม้าคันหนึ่งแล่นฝ่าฝนมาพอดี จึงให้ซุนเซิงวิ่งไปขอความช่วยเหลือ ///
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม