วันต่อมา
“ขอเวลาพวกเราหน่อยนะ เงินมันหายาก อีกอย่างช่วงนี้ฉันขายของก็ไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน แต่เฮียวิโรจน์ได้เงินคืนแน่ๆ ไม่ต้องห่วง” กัลยายืนเจรจากับพวกในบ่อนที่มาทวงหนี้ถึงหน้าบ้าน
“ไม่ได้หรอก ครบกำหนดที่ต้องจ่ายแล้ว ดอกเบี้ยเจ็ดวันที่ผ่านมายังไม่ส่งสักบาท เฮียวิโรจน์ไม่ยอมหรอก ถ้าวันนี้ถ้าไม่จ่ายทั้งต้นและดอก ก็เก็บของย้ายออกไปจากบ้านหลังนี้”
“ขอร้องล่ะ หะ…เห็นใจพวกเราด้วย หนี้สินทั้งหมดฉันกับลูกไม่ได้เป็นคนก่อ หนี้ทั้งหมดมาจากผัวฉันทั้งนั้น พวกคุณจะเอาผัวฉันไปฆ่าทิ้งหรือทำอะไรกับมันก็เชิญเลย แค่อย่ายึดบ้านหลังนี้ไปเลยนะ” ผัวตัวดีฉลาดหลักแหลม พอรู้ว่าพวกในบ่อนจะมาทวงหนี้ก็ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง ไม่รู้ไปกลบดานอยู่ที่ไหน ปล่อยให้เมียต้องเผชิญหน้ากับพวกในบ่อนตามลำพัง
“ป้าอย่าคิดว่ามันง่ายแบบนั้น หนี้สินทั้งหมดลงชื่อไว้ที่บ้านหลังนี้ ถ้าผัวป้าไม่จ่าย ก็เท่ากับว่าป้าต้องรับผิดชอบแทน” หนึ่งในพวกของบ่อนพูดขึ้นเสียงเข้ม
กัลยาก้มหน้าลง น้ำตาคลอเบ้าด้วยความคับแค้นใจ เธอรู้ดีว่าการต่อรองกับพวกนี้แทบจะไม่มีประโยชน์ หากไม่มีเงินมาจ่ายก็ไม่มีทางออก
“ฉันขอเวลาเพิ่มอีกหน่อยได้ไหม ฉันจะพยายามหาเงินมาจ่ายเฮียวิโรจน์ให้ครบแน่นอน” กัลยาอ้อนวอนอีกครั้ง หวังว่าจะได้รับความเมตตาแม้เพียงน้อยนิด
“ป้าจะหาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากไหน ลำพังขายขนมได้วันละไม่กี่ร้อย แต่หนี้ของผัวป้าตั้งครึ่งล้าน” อีกคนหนึ่งพูดขึ้น พลางมองดูสภาพของกัลยาด้วยสายตาดูแคลน
“ถ้าป้าไม่มีปัญญาจ่ายและไม่อยากให้บ้านหลังนี้ถูกยึด บางทีป้าน่าจะลองให้ลูกสาวของป้า ไปคุยกับเฮียวิโรจน์เอาเองนะ เฮียอาจจะเมตตา”
กัลยาชะงักทันทีเมื่อได้ยินคำแนะนำจากพวกในบ่อน
“ลูกสาวฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหนี้สินพวกนี้ ฉันไม่อยากดึงลูกมาเกี่ยวข้องด้วย” กัลยาโต้ตอบเสียงสั่นด้วยความห่วงใย
“ป้าฟังนะ คนแบบเฮียวิโรจน์ไม่สนหรอกว่าใครเป็นคนก่อหนี้ ขอแค่มีอะไรที่สามารถเอามาทดแทนได้ก็พอ ถ้าป้าไม่มีเงิน ลูกสาวป้าก็อาจเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยไม่ให้บ้านหลังนี้ถูกยึด”
คำพูดนั้นทำให้กัลยารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ความกลัวแล่นพล่านเข้ามาในหัวใจ
“ฝากไปบอกเฮียวิโรจน์ว่าพวกเราขอเวลาแค่สองวัน ถ้าภายในสองวันพวกเราหาเงินมาจ่ายหนี้ไม่ได้…พวกเราจะเก็บของย้ายออก” เสียงของญาณินทำให้ทั้งหมดหันไปมองพร้อมกัน เธอเดินเข้ามาหยุดอยู่ในวงสนทนาที่ตึงเครียด
“ญาณิน…”
เธอหันไปมองแม่พร้อมกับกุมมือของแม่เอาไว้แน่น ก่อนจะหันไปบอกพวกในบ่อนเสียงเรียบ
“ขอเวลาแค่สองวัน หลังจากนั้นพวกเราจะไม่ร้องขออะไรอีกเลย”
ลูกน้องของวิโรจน์หันหน้ามองกัน ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเดินออกไปต่อสายหาเจ้านายของตัวเอง ไม่นานก็เดินกลับมาหาสองแม่ลูก
“เฮียตกลง ถ้าไม่มีเงินมาจ่ายภายในสองวัน เธอกับแม่เตรียมเก็บของย้ายออกไปได้เลย”
ญาณินพยักหน้า ไม่หวั่นไหวกับคำขู่ที่ดูตอกย้ำถึงความสิ้นหวัง เธอกุมมือของแม่เอาไว้แน่น เมื่อพวกในบ่อนกลับไป รู้สึกโล่งใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หลังจากนี้เธอมีเวลาแค่สองวันในการหาเงินมาจ่ายหนี้เฮียวิโรจน์
“แม่ไม่ต้องห่วงนะ ญาณินเจอทางรอดแล้ว” เธอบอกแม่
“แกจะหาเงินมากมายขนาดนั้นได้จากไหน” กัลยาถามเสียงแผ่ว
ญาณินนิ่งเงียบไปชั่วขณะ เธอคิดถึงข้อเสนอของแม็กซ์ควินที่ยังคงดังก้องในหัว แม้จะรู้สึกกังวลกับการรับข้อเสนอนั้น แต่ดูเหมือนตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่น
“ญาณินจะลองขอยืมจากเจ้านาย”
“เขาจะให้แกยืมเหรอ เงินมากมายขนาดนั้น”
“เจ้านายญาณินใจดีแถมยังใจบุญ ไม่รู้ว่าเขาจะให้ยืมไหม แต่ญาณินจะลองดู” ในใจของเธอเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น รู้ดีว่าการรับข้อเสนอของแม็กซ์ควินอาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอไปตลอดกาล แต่หากมันสามารถช่วยให้เธอและแม่รอดพ้นจากสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ไปได้…เธอคงต้องยอมทำทุกอย่าง
ญาณินเดินขึ้นมาบนห้องนอนด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง หัวใจดวงน้อยเต็มไปด้วยความกังวลและความสับสน เธอปิดประตูลงเบาๆ ก่อนจะเดินทอดน่องไปนอนแผ่หลาลงบนเตียงนอน คิดเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
•••
Mar.L Club
ญาณินเดินเข้าไปข้างในไนต์คลับของแม็กซ์ควินด้วยท่าทางประหม่า ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบๆ สถานที่บันเทิงสุดหรูอย่างตกตะลึง ข้างนอกว่าสวยแล้วข้างในยิ่งสวยกว่า กว้างขวางแบ่งโซนอย่างชัดเจน แสงไฟจากสปอร์ตไลท์ที่กำลังสาดส่องไปมาทำให้เธอเริ่มมึนหัวอย่างไม่ชินกับที่นี่ ถึงทำงานอยู่ไนต์คลับ แต่ที่นี่ไฟค่อยข้างเยอะกว่าที่ทำงานของเธอ
เธอเดินผ่านกลุ่มคนมากมายที่แต่งตัวดูมีระดับ ตอนนี้เธอยืนงงอยู่หน้าบาร์เพราะไม่รู้จะหาตัวแม็กซ์ควินจากที่ไหน พยายามมองหาแต่ก็ไม่เจอเขาเสียที
“เอ่อ…ขอโทษนะคะ ถ้าต้องการพบคุณแม็กซ์ควิน ต้องไปที่ไหนคะ” เธอตัดสินใจหันไปถามบาร์เทนเดอร์หนุ่มที่กำลังชงเครื่องดื่ม
“คุณแม็กซ์ควินไม่อยู่แถวนี้หรอก ปกติเขาอยู่ในห้องทำงานเป็นหลัก”
“ถ้าต้องการพบเขาต้องทำยังไง”
“ลองไปถามคนนั้นดู เขาเป็นคนสนิทของคุณแม็กซ์ควิน”
เธอมองตามมือของบาร์เทนเดอร์หนุ่มที่ชี้ไปยังผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งกำลังยืนคุยกับพนักงานผู้ชายอีกคน
“ขอบคุณนะคะ” เธอเดินออกจากหน้าบาร์ตรงไปยังคนสนิทของแม็กซ์ควิน ยืนรอจังหวะจนกว่าพนักงานผู้ชายจะเดินออกไป เธอจึงเดินเข้าไปหาเขา
“ขอโทษนะคะ ฉันมาขอพบคุณแม็กซ์ควิน”
ริวจิหันไปมองญาณินนิ่งๆ พอรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่เจ้านายของตนต้องการตัวมากที่สุดจึงกรีดยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ตามมา”
เธอเดินตามคนสนิทของแม็กซ์ควินไปด้วยหัวใจที่เต้นแรง โซนนี้ไม่เหมือนกับส่วนอื่นๆ ของไนต์คลับที่เต็มไปด้วยเสียงเพลงและแสงไฟจากสปอร์ตไลท์ ดูเงียบสงบราวกับอยู่คนละที่
“ถึงแล้ว นายอยู่ข้างใน”
“ขะ…ขอบคุณค่ะ” คนสนิทของแม็กซ์ควินพยักหน้ารับด้วยท่าทีเย็นชา ก่อนจะเดินออกไปทิ้งให้เธออยู่ตรงนี้คนเดียว เธอดึงสายตากลับมามองประตูบานใหญ่พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อเรียกความกล้า จากนั้นจึงเอื้อมมือไปเคาะประตูเบาๆ
ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา”
หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อได้ยินเสียงทรงอำนาจเอ่ยอนุญาต เธอเปิดประตูแล้วก้าวเข้าไปข้างในอย่างกล้าๆ กลัวๆ ภายในตกแต่งโทนขาวดำบ่งบอกถึงตัวตนเจ้าของห้อง กลิ่นอายของอำนาจที่แผ่ซ่านมาทำให้เธอรู้สึกเย็นยะเยือกจนอยากออกไปจากที่นี่
ญาณินเดินเข้ามาอย่างช้าๆ สายตามองไปยังเจ้าของห้องที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานที่มองมาอย่างยากคาดเดา มุมปากหยักกรีดยิ้มเล็กน้อยด้วยความพอใจภายใต้ไฟสลัว
“ระ…เรื่องข้อเสนอของคุณ ญาณินยังให้คำตอบทันอยู่ไหมคะ”
แม็กซ์ควินยื่นมาข้างหน้าออกจากความมืดสลัวเล็กน้อย แสงจากโคมไฟหน้าโต๊ะทำงานสะท้อนให้เห็นใบหน้าคมคาย สายตาคมกริบมองหญิงสาวอย่างคาดเดาอะไรไม่ได้ ในขณะที่ญาณินยืนบีบมือตัวเองแน่นเพื่อรอคำตอบ
“เธอยอมรับข้อเสนอของฉันแล้วเหรอ”
“…ค่ะ ญาณินจะยอมเป็นสมบัติของคุณแม็กซ์ควิน”