หลังจากได้ห้องพัก ไป่เซียนอีก็อาบน้ำแต่งตัวใหม่ เพราะการเดินทางโดยไม่ได้หยุดพักเลยมันทำให้เหนียวเหนอะไปทั้งตัว
“ฮูหยินจะออกไปไหนหรือเจ้าคะ นี่มันดึกดื่นแล้วนะ” สาวใช้ที่มีหน้าที่ดูแลเอ่ยถามทันทีที่ผู้เป็นนายมิได้สวมใส่ชุดนอน
“อย่าถามมาก ใครมาหาข้าก็บอกไปว่าข้าหลับแล้ว หากเจ้าพูดมากข้าจะตีปากเจ้าให้ฟันร่วงเชียว” ด้วยนิสัยห้าว ๆ เลยทำให้เซียนอี กล่าวหยอกล้อกับบ่าวคู่กายพร้อมกับดีดหน้าผากไปหนึ่งที
“ทว่ามันดึกแล้วนะเจ้าคะ” เสี่ยวถงยังคงท้วง ซึ่งยามนี้นางนั่งมองผู้เป็นนายด้วยดวงตาที่จะปิดไม่ปิดแหล่
“เจ้านอนไปเถอะ ข้าไปไม่นานประเดี๋ยวก็กลับ” เซียนอีตั้งใจจะทำเช่นนั้น นางหมายจะออกไปดูลาดเลาเฉย ๆ
จากนั้นนางก็ปีนออกทางหน้าต่าง โดยมีสาวใช้ตัวเท่ากันมองตามตาปริบ ๆ นางเป็นเพียงแค่บ่าวจะไปห้ามอันใดได้นอกจากภาวนาไม่ให้เกิดเรื่องขึ้นกับผู้เป็นนายก็เท่านั้น
ด้านเซียนอี นางเดินลัดเลาะไปตามกำแพงจวนจนมาถึงต้นไม้ใหญ่ที่เล็งเอาไว้ตั้งแต่มาถึง เมื่อไม่เห็นมีใครบริเวณนี้นางก็ปีนขึ้นไปอย่างคล่องแคล่ว เพราะหญิงสาวไม่อยากให้ใครรู้ว่านางมีความสามารถในด้านนี้ด้วย ปิดบังเอาไว้ก่อนน่าจะดีที่สุด
อีกฝั่งทางแถบชานเมืองเหลียนไห่…
เสียงใบไม้กำลังเสียดสีไปตามแรงลมที่พัดมาพร้อมกับสัมผัสเย็นยะเยือก ตามด้วยกลิ่นคาวเลือดของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ หนึ่งในนั้นคืือหลี่หนานฟู่ แม่ทัพหนุ่มที่กำชัยชนะได้ทุกศึก
ทว่าค่ำคืนนี้เขากลับพลาดท่าให้กับมือสังหารที่ตามมาเอาชีวิต
สาเหตุอาจเกิดจากสุราที่เขาดื่มก่อนจะออกจากจวนเจ้าเมืองเปี้ยนที่ทางนั้นคะยั้นคะยอให้ดื่ม ทำเอาเขาเมาจนแทบไม่มีแรงจะยกดาบ จึงทำให้พลาดท่าคนร้ายด้วยว่ามือไม้นั้นอ่อนแรงนัก ที่สำคัญคือไม่ได้เป็นคนเดียว คนสนิทอีกสี่คนก็มีอาการไม่ต่างกัน
“อย่าให้มันรอดไปได้ โอกาสดีเช่นนี้ไม่ได้หาได้ง่าย ๆ” เสียงเหี้ยมดังตามหลังคนทั้งห้า พวกมันเคลื่อนตัวตรงมาหาอย่างว่องไว ดาบในมือสะท้อนกับแสงจันทร์ด้านบนจนเกิดเงาวาววับ ประหนึ่งเป็นสัญญาณบอกว่ามัจจุราชได้มาเยือนคนทั้งห้าแล้ว
ชายชุดดำคนหนึ่งอาศัยจังหวะที่แม่ทัพหลี่เสียหลัก พุ่งพรวดเข้าหาหมายจะปลิดชีพเอาเงินรางวัลก้อนโตเสีย
หลี่หนานฟู่ขมวดคิ้วแน่น แม้จะบาดเจ็บแต่แววตายังคงเฉียบคม เขาพยายามยกดาบขึ้นตั้งรับทั้งที่ร่างกายก็เริิ่มไม่ไหวแล้ว พลันสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนยืนอยู่ด้านหลังมือสังหาร
ผัวะ!... ไม้เนื้อแข็งฟาดเข้าที่ต้นคอของชายชุดดำอย่างจัง ตามมาเสียงกระดูกลั่นเบา ๆ ก่อนที่ร่างของมันจะทรุดฮวบลงกับพื้น สลบแน่นิ่งไปในทันที ทุกคนต่างตะลึงงัน รวมถึงกลุ่มมือสังหารที่เหลือ แววตาของพวกมันฉายชัดถึงความตระหนก ระคนหวาดหวั่น
ท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแสงจากโคมไฟส่องทาง ร่างที่ปรากฏให้เห็นไม่ต่างจากเงาของวิญญาณที่มาจากขุมนรก เพราะผู้ที่ยืนอยู่สวมใส่ชุดคลุมดำสนิทปิดบังร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ส่วนใบหน้าถูกบดบังด้วยผ้าคลุมยาวและยังมีผ้าผูกปิดบังเอาไว้อีกทับ เผยให้เห็นเพียงดวงตาที่มองไม่ค่อยชัดเท่่านั้น
“เจ้าเป็นใคร! หลีกไปเสียอย่ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้” มือสังหารคนหนึ่งตะโกนใส่ผู้ลึกลับ ทว่าคำตอบกลับไม่ใช่เสียง
แต่เป็นร่างของคนชุดดำที่พุ่งเข้าโจมตีอย่างรวดเร็ว ร่างกายนั้นเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วดุจสายลมแผ้วผ่าน มือสังหารยังง้างดาบไม่สุดแขน เท้าข้างหนึ่งของคนชุดดำก็ปะทะเข้าที่เข่าของมันจนล้มลง จากนั้นคนลึกลับก็ใช้มีดสั้นที่ดึงออกมาจากเอวปักลงไปที่ข้อมือทำให้ดาบร่วงหล่นลงอย่างง่ายดาย
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นมาทันที ทว่ามัจจุราชชุดดำหาได้ปรานีไม่ เพราะไม่กี่อึดใจเสียงนี้ก็เงียบหายไป ด้วยคมมีดที่ถูกปักลงกลางอกของมันอย่างเหี้ยมโหด
อีกสองคนจึงพยายามเข้าโจมตีพร้อมกัน ร่างในชุดดำจึงรีบเอนกายหลบ ปลายคมดาบจึงฟาดฟันได้เพียงอากาศ และยังไม่ทันที่มือสังหารจะได้ตั้งหลักข้อมือของมันก็ถูกคว้าไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะถูกบิดอย่างแรงจนกระดูกแทบแหลกเหลว
จากนั้นขาเรียวก็เหวี่ยงเข้าที่กลางช่วงท้องของมันเต็มแรง จนร่างลอยกระเด็นไปกระแทกกับเพิงขายของข้างทางจนสลบเหมือดไปอีกราย ส่วนคนที่เหลือ… แม้จะหวาดกลัว ทว่าพวกมันก็ยังชักดาบออกมาหมายจะลอบแทงจากด้านหลัง
ทว่า… คนชุดดำผู้นี้ไม่ได้จัดการได้ง่าย ๆ
ทันทีที่รับรู้ว่ามีการเคลื่อนไหว ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมก็หันกลับมา ก่อนจะดีดตัวพุ่งไปหาพวกมันด้วยท่วงท่าอ่อนช้อย หลบซ้ายขวายามมือสังหารตวัดดาบเข้าใส่ ไม่นานนักพวกมันก็ยืนแน่นิ่ง ก่อนจะล้มลงทีละคนสองคนพร้อมกับโลหิตที่ไหลอาบลงมาจากลำคอ สร้างความตื่นตระหนกให้ทั้งฝ่ายถูกล่าและผู้ถูกล่ายิ่งนัก
“พี่ใหญ่เอาอย่างไรดี” เสียงสั่นเทาแผ้วผ่านออกมากระซิบถามผู้นำของตนที่ยืนนิ่งไม่ต่างจากรูปปั้น
สุดท้าย… ทางเลือกของคนที่เหลือจึงไม่พ้นการหนี
“ถอยก่อน! ถอยเดี๋ยวนี้!” เสียงร้องอย่างตื่นตระหนกดังขึ้น กลุ่มชายชุดดำที่เหลือเพียงห้าคนจึงแตกกระเจิง วิ่งหนีไปกันคนละทิศละทาง เพราะค่ำคืนนี้พวกเขาพบกับมัจจุราชเข้าให้แล้ว
แม่ทัพหลี่และคนสนิทมองภาพตรงหน้าอย่างประหวั่นใจ หากคนผู้นี้หันมาลงมือกับพวกเขาคงไม่มีใครรอดเป็นแน่ ยิ่งเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งท่ามกลางสายลม มันยิ่งดูไม่น่าไว้ใจ
และก่อนที่จะมีใครได้เอ่ยถาม ร่างของคนชุดดำก็หมุนตัว ก้าวยาวๆ ไม่กี่อึดใจก็หายลับไปในเงามืด ทิ้งไว้เพียงคำถามมากมายให้กลุ่มของแม่ทัพหลี่ได้เกิดความสงสัย
หลี่หนานฟู่กำดาบในมือแน่น ดวงตาลุ่มลึกฉายแววครุ่นคิดและยังคงมองไปยังเส้นทางที่คนชุดดำหายไป
ผู้ใดกัน? มิตรหรือศัตรู…