The rise condo
เจ้าขาเปิดประตูห้องพักของตัวเองที่อยู่ชั้นยี่สิบสอง เธอสาวเท้าเดินเข้าไปในห้องพักและค่อย ๆ ถอดรองเท้าผ้าใบออก จากนั้นก็หยิบมันเก็บใส่เข้าไปในตู้เก็บรองเท้า พอทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเจ้าขาก็เปิดกระเป๋าของตัวเองออกกว้าง ๆ และจับเจ้าแมวตัวเล็กที่ซุกอยู่ด้านในออกมา
"หึ น่ารักจังเลยนะ…จริงสิ แกยังไม่มีชื่อเลยนี่นา ฉันจะเรียกแกว่าอะไรดีนะ?" เจ้าขานั่งยองที่พื้น ดวงตากลมของเธอมองแมวขนฟูสีส้มและเอ่ยพูดขึ้นด้วยสีหน้าครุ่นคิด
"ขนสีส้มแบบนี้ งั้นฉันเรียกแกว่าแครอทดีไหม"
เหมียว…เจ้าแมวน้อยที่ได้ยินชื่อของตัวเองก็ร้องตอบออกมาอย่างอ้อน ๆ มันเอาหน้ามาถูไถกับแขนของเจ้าขาครู่หนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินไปสำรวจบ้านหลังแรกของตัวเอง
ครืด! ครืด!
ขณะเดียวกันเสียงโทรศัพท์ของเจ้าขาที่อยู่ในกระเป๋าสะพายก็สั่นขึ้น เจ้าขารีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาดู แล้วเธอก็ต้องฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นชื่อปลายสายที่โทรเข้ามา
"ฮัลโหลพี่แทน" เจ้าขาเอ่ยเรียกชื่อคนที่อยู่ปลายสายเสียงหวาน เพราะว่าพี่แทนหรือแทนใจนั้นคือชายหนุ่มผู้เป็น ‘รักแรก’ ของเธอนั่นเอง
เจ้าขาเป็นเด็กต่างจังหวัด เธอเกิดและเติบโตที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน พ่อของเธอมีตำแหน่งเป็นถึงนายกประจำจังหวัด ส่วนแม่ของเธอนั้นเป็นแม่บ้านเต็มตัวที่ทำหน้าที่คอยดูแลสามีและลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของบ้าน
ส่วนแทนใจเขาคือพี่ชายข้างบ้านคนสนิทที่เจ้าขาคอยเฝ้ามองเขาอยู่ห่าง ๆ มาหลายปี สำหรับเจ้าขาแทนใจเป็นคนใจดี อบอุ่น เรียกได้ว่าเป็นพี่ชายที่แสนดีกับเจ้าขาเสมอมาและความแสนดีของเขานั่นเองที่ทำให้เจ้าขาตกหลุมรักในตัวของผู้ชายคนนี้ จนกระทั่งย้อนไปเมื่อประมาณสามปีก่อนแทนใจสอบติดมหาลัยเอกชนชื่อดังในกรุงเทพ ซึ่งทันทีที่เจ้าขารู้ข่าวเธอก็ถึงกับซึมไปอยู่หลายวัน เพราะเธอไม่ได้อยากห่างไกลกับเขาเลย แต่ความซึมเศร้ามันอยู่กับเจ้าขาได้ไม่นานนัก เพราะเจ้าขาได้เปลี่ยนมันมาเป็นแรงผลักดัน เธอได้ตั้งปณิธานกับตัวเองว่า เธอจะตั้งใจอ่านหนังสือและสอบชิงทุนเพื่อเข้าเรียนมหาลัยในกรุงเทพที่เดียวกับแทนใจให้ได้
ซึ่งแน่นอนว่าเด็กหัวกะทิอย่างเจ้าขาสามารถทำมันได้สำเร็จ เธอได้เป็นเด็กทุนร้อยเปอร์เซ็นต์ของคณะบริหารธุรกิจที่ตัวเองอยากเรียน แถมยังได้อยู่มหาลัยเดียวกับรักแรกของตัวเองอีกด้วย
(เจ้าขา วันนี้ปฐมนิเทศวันแรกเป็นยังไงบ้าง) เสียงปลายสายของแทนใจเอ่ยถาม
"ก็สนุกดีค่ะ รุ่นพี่ในคณะใจดี แล้วเจ้าขาก็ได้ทำความรู้จักเพื่อนใหม่เยอะแยะเลย" ขณะที่เอ่ยพูดกับปลายสาย มุมปากของเธอก็ยกยิ้มขึ้นมาไม่หุบ
(ได้ยินแบบนี้พี่ก็ดีใจ ว่าแต่คืนนี้เจ้าขาว่างหรือเปล่า)
"ก็ว่างนะคะ พี่แทนมีอะไรหรือเปล่าคะ"
(ตั้งแต่เจ้าขาย้ายเข้ามาที่กรุงเทพ เรายังไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่เลย คืนนี้ออกมาเจอกันดีไหม)
"ดีค่ะพี่แทน เจ้าขาเองก็มีเรื่องอยากจะบอกพี่แทนพอดีเลย" เจ้าขารีบตกปากรับคำอย่างไม่มีท่าทีลังเล เพราะเธอเองก็มีเรื่องที่อยากจะคุยกับเขาเช่นเดียวกัน
(หืม? เรื่องอะไร)
"ไม่บอกค่ะ เจ้าขาจะเก็บไว้บอกพี่แทนคืนนี้" เจ้าขาพูดไปอมยิ้มไป ใบหน้าหวานอิ่มเอมไปด้วยความสุข เพราะเรื่องที่เธอจะบอกกับเขามันคือสิ่งที่เธอเก็บไว้ในใจมานานหลายปี
(อะไรกันเนี่ยเรา ทำเอาพี่อยากรู้เลย)
"ฮ่า ๆ อยากรู้แค่ไหนก็จะไม่บอกตอนนี้หรอกค่ะ" เพราะเรื่องที่เธอจะบอกเขามันต้องคุยต่อหน้าเท่านั้น คนเราจะสารภาพรักทั้งทีมันต้องพูดต่อหน้าสิ ถึงจะโรแมนติก "ยังไงเจอกันคืนนี้นะคะพี่แทน"
(อืม เดี๋ยวยังไงพี่ส่งโลเคชันร้านไปให้ในไลน์นะ เจอกันคืนนี้ครับเจ้าขา)
Truth or Dare Bar
เจ้าขาสาวเท้าเข้ามาในบาร์หรูด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เธอสวมชุดเดรสปาดไหล่สีขาวดูดี แต่งหน้าโทนสีชมพูแบบที่ตัวเองถนัด เพื่อต้องการให้ตัวเองนั้นดูดีที่สุดสำหรับค่ำคืนนี้
"เจ้าขา ทางนี้" เสียงที่คุ้นหูดังขึ้น ทำให้เจ้าขาที่กำลังยืนกวาดสายตาอยู่หันไปมองคนที่เข้ามาทักทายด้านหลัง
"สะ สวัสดีค่ะพี่แทน" เจ้าขายิ้มทักทายแทนใจ จากนั้นเขาก็พาเธอเดินไปที่โต๊ะของเขา ซึ่งมีเพื่อนสนิทของเขาที่รู้จักกันตั้งแต่เข้ามหาลัยนั่งอยู่ด้วยอีกสองคน
"นั่งข้าง ๆ พี่ก็ได้ ส่วนสองคนนี้เพื่อนสนิทพี่เอง"
"สวัสดีค่ะ" เจ้าขาก้มหัวทักทายด้วยท่าทางสุภาพ ซึ่งทันทีที่เพื่อนสนิทของแทนใจเห็นใบหน้าหวานของเจ้าขา พวกเขาก็แสดงท่าทางที่ดูสนใจไม่มีปกปิด
"มีน้องสาวสวยขนาดนี้ไม่เห็นบอกพวกกูบ้าง" เพื่อนคนหนึ่งเอาศอกสะกิดแทนใจเบา ๆ พร้อมกับกระซิบ
"อย่า น้องยังเด็ก" แทนใจที่ได้ยินก็หันไปเอ่ยพูดกับเพื่อนตัวเองเสียงเรียบ ก่อนจะหันมาพูดกับเจ้าขาอย่างชวนคุยซึ่งมันต่างจากท่าทางที่เขาพูดกับเพื่อนตัวเองเมื่อกี้อย่างสิ้นเชิง
"เก่งนะเนี่ยเรา เห็นคุณลุงไพโรจน์บอกว่าได้ทุนร้อยเปอร์เซ็นต์เลยใช่ไหม" ลุงไพโรจน์ที่แทนใจพูดถึงคือพ่อของเจ้าขานั่นเอง
"ใช่ค่ะ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะได้ ตอนแรกเจ้าขาหวังว่าได้ลดค่าเทอมสักสามสิบเปอร์เซ็นต์ก็โอเคแล้ว"
"เราเรียนเก่งจะตาย น้องสาวพี่ไม่รู้ตัวบ้างเลยเหรอว่าตัวเองเก่งขนาดนี้ หืม?"
"ชมกันเกินไปแล้วค่ะ เจ้าขายังเก่งไม่เท่าพี่แทนเลย" เจ้าขาฉีกยิ้มกว้างเอ่ยตอบแทนใจกลับไป ก่อนที่ใบหน้าสวยจะค่อย ๆ หุบยิ้มลงเล็กน้อย เพราะสำหรับเจ้าขาคำว่าน้องสาวที่แทนใจใช้เรียกเธอมันไม่ต่างอะไรกับเส้นกั้นในความสัมพันธ์
"จริงสิ เราบอกว่ามีอะไรจะบอกพี่ใช่ไหม"
"ชะ ใช่ค่ะ" เจ้าขาพยักหน้าตอบเบา ๆ ก่อนที่สีหน้าประหม่าจะเริ่มฉายขึ้นมาบนใบหน้าสวย
"ไหน มีอะไรจะบอกพี่ พี่อยากรู้แล้วนะ" แทนใจเอ่ยถามขณะที่เจ้าขาก็เริ่มใจเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ เธอกำลังจะอ้าปากชวนแทนใจไปหาที่สงบ ๆ คุยกัน
แต่ทว่าอะไร ๆ ก็ไม่เป็นดั่งที่เธอคิดไว้
"แทนใจคะ" เพราะยังไม่ทันที่เจ้าขาจะได้อ้าปากพูด เธอก็ต้องชะงักไปเมื่อมีเสียงหวานของใครบางคนดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเจ้าของร่างสวยที่สูงหุ่นดีเหมือนนางแบบ หน้าสวยคม ซึ่งเธอเดินเข้ามากอดแขนแทนใจด้วยท่าทางสนิทสนม
"อ้าวหลิง มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่บอกแทนล่ะครับ" แทนใจหันไปฉีกยิ้มและเอ่ยพูดกับผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาใหม่ด้วยโทนเสียงที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ซึ่งเจ้าขาก็มองภาพนั้นอยู่ด้วยสายตาที่สั่นไหว
ทั้งที่ภาพตรงหน้ามันแสนจะชัดเจน แต่เจ้าขาก็ยังอยากถามให้แน่ใจ เผื่อว่ามันอาจจะไม่ใช่แบบที่เธอคิด
"ใครเหรอคะพี่แทน"
"คนนี้หลิง แฟนพี่เอง" แทนใจเอ่ยแนะนำให้เธอรู้จักกับแฟนสาวของเขา และเขาก็เอ่ยแนะนำเจ้าขาให้กับแฟนสาวของเขาเช่นกัน "ส่วนนี่เจ้าขาน้องสาวแทนเอง คนที่แทนเคยเล่าให้หลิงฟังจำได้ไหม"
คำว่าน้องสาวพูดเบา ๆ ก็เจ็บ ไม่ต่างอะไรจากโดนฝ่ามือของเขาตบเข้าที่หน้าแรง ๆ …โอ้โหเธอ เจ็บจี๊ด
"อ๋อ น้องที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันกับแทนที่ต่างจังหวัดใช่ไหม"
"อืม" แทนใจพยักหน้าตอบพลางขยับมือของตัวเองเข้าไปโอบเอวแฟนสาวอย่างแนบชิด ภาพบาดตาบาดใจตรงหน้าทำเอาเจ้าขาไม่อาจทนมองไหว
"อะ…เอ่อ เดี๋ยวเจ้าขาขอตัวออกไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะคะ"
เจ้าขาเอ่ยขึ้นจบ เธอก็ดันตัวลุกขึ้นและรีบสาวเท้าเดินออกมาในทันที ริมฝีปากอวบอิ่มของเธอเม้มเข้าหากันแน่น แววตาสั่นไหวกับความจริงที่เพิ่งได้รับรู้ ทั้งที่ผ่านมาเธอกับแทนใจพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ค่อนข้างบ่อยแต่เขาไม่เคยบอกเธอเลยว่าเขามีแฟนแล้ว เพราะหากเธอรู้ เธอคงไม่ออกมาพบเจอเขาในวันนี้แน่ ๆ แต่ในเมื่อความจริงปรากฏชัดเจนขนาดนี้แล้วเธอจะทำอะไรได้นอกจากตัดใจและเดินหน้าต่อ
"ไม่เอา ห้ามร้องไห้นะเจ้าขา" เจ้าขายังคงเม้มปากแน่น กลั้นน้ำตาที่จะไหลออกมาและพยายามกดข่มความรู้สึกเสียใจของตัวเองเอาไว้ให้ลึกที่สุด
"ฮึก! เจ็บจัง…เจ็บโคตร ๆ เลย"
มือเล็กยกขึ้นมาปาดคราบน้ำตา ทั้งที่ริมฝีปากยังคงพึมพำถึงความเจ็บปวดภายในใจ เพราะประสบการณ์รักครั้งแรกของตัวเองมันช่างรันทด ยังไม่ทันได้สารภาพรักก็อกหักซะแล้ว