กำราบรัก [พี่พายุ] 02 คนนี้ตัวตึง

1492 คำ
วันถัดมา มหาลัยเอส "เฮ้ยเจ้าขา แกไปทำอะไรมา ทำไมตาบวมปูดแบบนี้เนี่ย" เสียงของเนียน่าเอ่ยถามฉันขึ้นขณะที่พวกเราสองคนกำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่โรงอาหารของคณะตัวเอง "พะ พอดีว่าเมื่อคืนฉันดูซีรีส์เกาหลี แล้วบทมันเศร้าเกินไปก็เลยร้องไห้หนักเลยน่ะ" "โห เรื่องอะไรเนี่ย ทำคนดูตาบวมได้ขนาดนี้" "ฉันเป็นพวกเซนซิทีฟอยู่แล้วด้วย นิดหน่อยก็ร้องไห้แล้ว" ฉันพูดขึ้นอย่างไม่จริง เมื่อคืนฉันไม่ได้ร้องไห้เพราะดูซีรีส์ แต่ฉันร้องไห้เพราะอกหักต่างหาก คือถามว่าเสียใจมากขนาดนั้นไหม พอฉันลองได้มาคิดทบทวนดูแล้วมันก็ไม่ได้ขนาดนั้นหรอก เพราะว่าที่ผ่านมามันเป็นการแอบรักที่ฉันต้องคอยเผื่อใจเอาไว้อยู่เสมอ พอมันถึงเวลาที่ต้องตัดใจจริง ๆ ก็เหมือนแค่ต้องยอมรับความจริงที่ทำใจไว้ก่อนหน้าอยู่แล้วแค่นั้น ซึ่งฉันยินดีกับความรักของพี่แทนนะ ไม่ได้โกรธหรืออิจฉาริษยา ฉันยินดีที่เขาเจอผู้หญิงที่เขารักจากใจจริงถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่ใช่ฉันก็ตาม "ว่าแต่มันดูน่าเกลียดมากไหมอะเนียน่า" ฉันเอ่ยถามเนียน่าขึ้นต่อ พอเนียน่าได้ยินคำถามก็เลื่อนสายตามาจ้องหน้าฉันนิ่งเหมือนกำลังพิจารณา "เอาตรง ๆ แบบไม่โกหกเลยนะ" "อือ" "แย่สัส ตาบวมเหมือนคนแพ้กุ้งเลย" "โอ๊ย งั้นเรียนเสร็จฉันรีบกลับห้องดีกว่า" ฉันพึมพำขึ้นด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ แล้วขณะที่ฉันกำลังนั่งทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่นั่นเอง ผู้คนในโรงอาหารก็ดูแตกตื่นกับอะไรบางอย่าง ฉันที่อยากรู้ก็เลยหันไปมองตามสายตาของคนอื่นก่อนจะพบเข้ากับร่างแกร่งของผู้ชายสามสี่คนสวมใส่เสื้อช็อปวิศวะสีกรม ดูสูงโปร่ง แล้วก็มีออร่าสุด ๆ เหมือนพวกดาราอะไรแบบนั้นเลย "Omg…นั่นมันแก๊งพี่พายุนี่" "หือ? ใครนะเนียน่า" ฉันเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย เพราะเนียน่าก็เหมือนจะรู้จักคนกลุ่มนั้นด้วย หรือจะเป็นพวกดารามาถ่ายซีรีส์? "แก๊งหนุ่มฮอตของมหาลัยไง พวกพี่เขาแต่ละคนดัง ๆ กันทั้งนั้นเลยนะ ผู้ติดตามไอจีหลักครึ่งล้านกันทุกคนเลย อย่าบอกนะว่าแกไม่รู้จักอะ" เนียน่าเลิกคิ้วถามฉันขึ้นในประโยคหลัง ฉันจึงเลื่อนสายตาไปมองผู้ชายกลุ่มนั้นอีกครั้ง "ไม่รู้จักนะ" ว่าจบฉันก็ดึงสายตากลับมาพร้อมส่ายหน้าเบา ๆ อย่างไม่คิดสนใจ "ถามจริง? ทั้งเพจมหาลัยเอส ติ๊กต็อก อินสตาแกรมลงรูปพวกพี่เขากันให้ว่อนเลยนะ โดยเฉพาะพี่พายุ คนนี้อะตัวตึงเลย" "ตึงที่ว่านี่คือด้านดีหรือด้านลบ?" ฉันเลิกคิ้วถามเนียน่าต่อ "ด้านดีก็เยอะ แต่ด้านลบฉันได้ยินมาว่าไม่ค่อยมีใครกล้าพูดหรอก" "มันหมายความว่ายังไงล่ะเนี่ย?" "เรื่องความฮอตถ้าแกอยากรู้ แกก็ลองไปส่อง ‘เพจ S Hotboy’ ของมหาลัยเราดูสิ พี่พายุแทบจะครองเพจนี้เลยนะ" "ไม่เอาหรอก ฉันไม่ค่อยสนใจอะไรพวกนี้อยู่แล้ว แต่มองไกล ๆ ก็ดูออกนะว่าเป็นคนหล่อคนดัง ขนาดเห็นไม่ชัดนะเนี่ย" ฉันพึมพำขึ้นในประโยคหลัง เพราะด้วยสายตาที่สั้นเกือบหนึ่งร้อยห้าสิบมันเลยทำให้ฉันมองระยะไกลได้ไม่ชัดมากนัก แต่ออร่าของพวกพี่เขาที่ฉายออกมามันทำให้รู้ได้อยู่นะ "ว่าแต่พวกพี่เขามาทำอะไรที่นี่อะ" ฉันดึงสายตากลับมา ตักไข่พะโล้เข้าปากและเอ่ยถามเนียน่าที่ยังไม่ละสายตาจากพี่ผู้ชายกลุ่มนั้น "เฮ้ย เจ้าขาเหมือนพวกพี่เขาจะเดินมาตรงนี้เลยอะ" "โอ๊ย รีบกินได้แล้วเนียน่า เดี๋ยวจะต้องไปเรียนคลาสต่อไปแล้วนะ" "ฉันขอเข้าช้า ถ้าแกรีบแกเข้าก่อนเลย แต่ว่าจองที่ให้ด้วยนะ" คำพูดของเนียน่าทำเอาฉันที่ได้ยินถึงกับส่ายหน้าขึ้นไปมา จะเข้าเรียนช้าเพราะอยากนั่งดูคนหล่อน่ะสิ "งั้นฉันไปก่อนนะ ไม่อยากอยู่นาน" ฉันพูดจบก็ตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก จากนั้นก็ดันตัวลุกขึ้นหมายจะเดินเอาจานไปเก็บ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่นาน กลัวว่าจะบังเอิญเจอพี่แทนเข้าน่ะสิ เพราะพี่เขาก็อยู่คณะบริหารเหมือนกับฉันแต่อยู่ปีสาม เลยขอรีบกินรีบขึ้นห้องเรียนดีกว่า อีกด้าน "คณะบริหารมันมีอะไรดีน้อ ไอ้พายุถึงได้ชวนมาแดกข้าวถึงที่นี่" ธามพึมพำขึ้นกับเพื่อนในกลุ่มแก๊ง ขณะที่พวกเขากำลังนั่งลงที่โต๊ะกลางโรงอาหารของคณะบริหารธุรกิจ "มึงมองอะไรไอ้พายุ" เสือเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเองกำลังมองตามแผ่นหลังของใครบางคนไป "เปล่า กูก็มองอะไรของกูไปเรื่อย" พายุเอ่ยตอบ พร้อมกับดึงสายตาของตัวเองออกมาจากแผ่นหลังเล็กของใครบางคนที่เพิ่งลุกเดินออกไป "สรุปที่พาพวกกูมาแดกข้าวถึงที่นี่ คือ?" ธามเอ่ยถามย้ำขึ้นอีกคน "ก็แค่เบื่อ อยากเปลี่ยนบรรยากาศ" "แปลก ๆ นะมึงอะ คนขี้รำคาญอย่างมึงเนี่ยนะ อยากเปลี่ยนบรรยากาศ" "กูขี้รำคาญจริง โดยเฉพาะรำคาญหน้ามึง เลิกถามแล้วก็ลุกไปหาข้าวแดกไปไอ้เหี้ย" พายุสวนตอบเพื่อนสนิทตัวเองกลับไป ธามที่ได้ยินก็ยักไหล่ใส่อย่างไม่สะทกสะท้าน "เออ ว่าแต่ไอ้ภูผามันไปไหน" เสือเอ่ยถามขึ้นแทรก เพราะหลังจากที่เสร็จคลาสเรียนช่วงเช้าภูผาก็รีบลุกพรวดพราดออกไปโดยไม่บอกอะไรพวกเขาสักคำ "ตอกคน" ธามตอบออกมาคำเดียวนิ่ง ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นอินสตาแกรม แต่เสือที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างงุนงง "ฮะ?" "ตอกสาวไงไอ้สัส เลิกเรียนเสร็จข้าวปลาไม่แดก ถอกไปหาสาวที่นัดไว้อย่างไว วัน ๆ แม่งไม่ทำเหี้ยไรแล้วมั้งไอ้ฉิบหาย" "คนนี้คนใหม่?" พายุเลิกคิ้วขึ้นถาม "มั้ง เห็นบอกเจอที่ร้านเหล้าเมื่อคืน" ธามตอบ "เดี๋ยวก็เจอคนมีผัวอีกหรอก รอบที่แล้วก็เกือบโดนผัวเขากระทืบไม่ใช่รึไง" พายุพูด "เออว่ะ เรื่องนี้ตลกฉิบหาย ล่อใครไม่ล่อ ล่อคนมีผัว" เสือที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ "มันไม่รู้ไงไอ้สัส โดนผู้หญิงหลอก ผู้หญิงก็อยากได้มัน ถ้ามันรู้ว่ามีผัวแล้วมันไม่เอาหรอก" ธามพูด "โง่ไงไอ้สัส ความหิวครอบงำจนไม่เอาเหี้ยไรแล้ว" พายุที่ได้ยินก็สวนตอบ สีหน้าเอือมระอาฉายขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเมื่อพูดถึงนิสัยเพลย์บอยจับเยหมดไม่สนลูกใครของภูผา "ว่าแต่มัน มึงด้วยรึเปล่าที่โดนผู้หญิงครอบงำจนถ่อมาแดกข้าวถึงที่นี่อะ" ธามเลิกคิ้วถามพายุกลับอย่างได้โอกาส "ไอ้เหี้ยนี่ก็เร้าหรือกูจัง กูบอกอยากเปลี่ยนบรรยากาศไง" "ถุย! บนหัวกูมีเขารึไง เชื่อมึงก็ควายแล้วไอ้เหี้ย" "บางทีกูก็สงสัยว่ากูมาสนิทกับมึงได้ยังไง ขี้เสือกฉิบหาย" พายุบ่นพึมพำขึ้นตามนิสัย ก่อนจะดันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้หมายจะเดินไปสั่งข้าว "สันดานเดียวกันไงครับ ถึงอยู่ด้วยกันได้ หรือมึงจะเถียงว่ามึงดี?" ธามก็รีบสวนใส่พายุอีกหนึ่งหมัด ซึ่งพายุที่กำลังจะก้าวขาเดินออกไปก็หันกลับมามองหน้าเพื่อนตัวเองแล้วพูดว่า "ก็ไม่เหี้ยเท่าพวกมึงอะ" ว่าจบเจ้าของร่างแกร่งก็สาวเท้าเดินตรงไปร้านข้าวที่อยู่ไม่ไกลในทันที ปล่อยให้เพื่อนของเขาสองคนนั่งส่ายหน้าไปมากับคำด่าของเขา แก๊งเขามันเป็นแบบนี้มาแต่ไรแต่ไหนแล้ว ยามศึกเรารบ ยามสงบเรารบกันเอง เพราะด้วยนิสัยหัวร้อนทั้งแก๊ง มึงขึ้นกูขึ้นยิ่งกว่า ไม่มีใครห้ามใคร แก๊งของเขาจึงได้ชื่อว่า ‘พากันบรรลัย’ ซึ่งมันไม่ได้เกิดจากการตั้งใจตั้งขึ้นมา แต่มันเป็นคำพูดติดปากของพวกเขาที่มักจะพากันไปทำอะไรบรรลัยมานับครั้งไม่ถ้วนนั่นเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม