ระยะทางสองร้อยกว่ากิโลเมตรจากทะเลสาบเจนีวาถึงซูริค ทำให้ลลินสุขใจอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะได้กลับมาพบกับคนที่อยู่ในใจมาตลอด ชายหนุ่มใส่ใจดูแลหญิงสาวเป็นอย่างดี ตลอดทางที่เดินทางมาด้วยกัน หัวใจของหญิงสาวพองโตนับครั้งไม่ถ้วน แต่แล้วก็ต้องถูกสะกดไว้ด้วยคำว่าเพื่อน หรือบางทีที่ชายแดนทำดีกับเธอในวันนี้ ก็เพราะเขารู้สึกผิดที่เคยปฏิเสธเธอมาก่อนนั่นเอง
“เลี้ยวขวาข้างหน้าก็ถึงที่พักเราแล้ว” ลลินบอกทางชายหนุ่มที่ทำหน้าที่สารถี
“ลินพักแถวนี้เหรอ เราก็อยู่ใกล้ๆ นี่แหล่ะ ดีเลยวันไหนว่างจะชวนไปทานฝีมือเรา” ชายแดนเอ่ยออกมาอย่างมีไมตรี แต่คนตัวเล็ก ก็แอบปลื้มไม่น้อยที่ชายหนุ่มเอ่ยเช่นนั้น
“อยากทานจะแย่อยู่แล้ว ช่วงนี้เราว่าง ชวนมาเมื่อไหร่ก็ได้นะ ของฟรีลินพร้อมเสมอ” ลลินยิ้มหวานให้กับชายหนุ่ม ความรู้สึกของเขาตอนนี้มันกำลังเกินควบคุม ที่บอกว่าไม่รู้สึกอะไรกับลลินเมื่อหลายปีที่ผ่านมานั้น แต่พอเขามาเจอเธออีกครั้ง หัวใจของชายหนุ่มก็กระตุกวาบขึ้นมาทันทีกับรอยยิ้มหวานนี้
“ได้สิ เดี๋ยวเราโทรหาแล้วกัน เอาเบอร์ลินมาสิ” ชายแดนเอ่ยถามเสียงเรียบ หญิงสาวหัวใจพองโตขึ้นมาทันที เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่ชายหนุ่มทำมันคือการทอดสะพานให้เธอหรือไม่ หรือเขาแค่คิดกับเธอเพียงเพื่อนเท่านั้น แต่นาทีนี้ก็ขอดีใจไว้ก่อนแล้วกัน
หญิงสาวรีบบอกเบอร์โทรศัพท์ของตนเองทันที และไม่ลืมที่จะขอเบอร์โทรศัพท์ของชายหนุ่ม ก่อนที่เธอจะก้าวลงจากรถหรู แล้วโบกมือให้กับชายหนุ่มอย่างอารมณ์ดี เรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้มันราวกับความฝัน
เธอและเขามาเจอกันในดินแดนแห่งนี้ ทั้งที่เธอไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้เธอจะได้เจอชายหนุ่มอีกครั้ง เพราะลลินหลีกเลี่ยงทุกอย่างที่เกี่ยวกับชายหนุ่ม เธออายเกินกว่าที่จะมีหน้าไปพบเขาอีก งานเลี้ยงรุ่นที่จัดขึ้นทุกปี เธอก็ไม่เคยย่างกรายเข้าไปใกล้เลย เธอหาสารพัดข้ออ้างในการปฏิเสธการไปงานเลี้ยงรุ่น
แต่คงเป็นเพราะโชคชะตาที่ส่งเขาเข้ามาใกล้ชิดเธออีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้หญิงสาวจะลองดูอีกสักครั้ง หากไม่สำเร็จเธอก็จะไม่เสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะว่าเธอได้ทำดีที่สุดแล้ว
หลังจากวันนั้นหญิงสาวก็เป็นฝ่ายโทรหาชายหนุ่มก่อน เธอเริ่มแทรกซึมเข้าไปเรื่อยๆ ตอนนี้หญิงสาวขอชายหนุ่มไปทานข้าวที่บ้านเขา ซึ่งชายแดนก็แสดงไมตรีกลับมา ทำให้ลลินได้ใจ