Chapter 2/1
วันต่อมา...
@คลับ
22.30 น.
ปึก! เสียงแก้ววางกระทบลงบนโต๊ะกลมที่นั่งโซนกลางคลับชั้นหนึ่ง โดยที่คนกระทำเอนศีรษะทุยเล็กพิงแขนแกร่งชายหนุ่มที่นั่งข้างกัน
เพลงเศร้าที่เปิดได้จังหวะในช่วงหญิงสาวมีอาการเริ่มเมากับบรรยากาศมืดสลัวภายในคลับ ทำให้จิตใจที่ห่อเหี่ยวยิ่งดิ่งไปกันใหญ่
“ถ้ากี้เมา พี่จะทิ้งกี้ไว้ที่นี่เลยนะ” แทนไทยิ้มขำเอ็นดูหญิงสาวข้างกาย ตั้งแต่มาถึงคลับวิกกี้ก็กระดกดื่มแอลกอฮอล์ราวกับน้ำเปล่า
หากใครมองมาคงคิดว่าวิกกี้กำลังอ้อนเขาอย่างแน่นอน แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด เพราะวิกกี้เริ่มนั่งหลังตรงไม่ได้ต่างหากตามประสาคนที่ตัวเริ่มอ่อนเอน
“พี่แทนก็ลองทิ้งกี้ดูดิ กี้จะฟ้องบอสให้เล่นงานพี่แทนหนักๆ เลย” วิกกี้ผละหัวออกจากแขนแทนไท เธอช้อนตามองแทนไทด้วยแววตางอนอย่างน่ารัก
“อย่าไปเล่นของสูงโว้ย อย่ามาสร้างเรื่องให้พี่” แทนไทเอานิ้วชี้จิ้มหน้าผากมนเบาๆ ก่อนจะยกน้ำสีอำพันขึ้นดื่ม
“กี้คงต้องคิดถึงพี่แทนมากแน่ๆ เลย พรุ่งนี้พี่แทนจะกลับอังกฤษแล้ว แต่กี้ดิ...เฮ้อ~ไม่น่าพลาดกลับบ้านเลย ไม่งั้นคงได้กลับอังกฤษพร้อมพี่แล้ว” วิกกี้ถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้ากับสิ่งที่เป็นอยู่ เธอไม่เคยมีชีวิตเป็นของตัวเองเลย แม้ในวันที่กำลังโบยบินได้อย่างอิสระ แต่กลับโดนฉุดรั้งกลับมาอยู่ในวังวนเดิมๆ เหมือนนกปีกหักที่อยู่แต่ในกรงทอง
“ฟังพี่นะกี้ การตอบแทนผู้มีพระคุณเป็นเรื่องที่ดีมากๆ แต่ต้องตอบแทนเท่าที่ตัวเองไหว เขาไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตเรา อย่าเอาคำว่าบุญคุณมาค้ำคอจนตัวเองลำบาก ไม่งั้นกี้ก็ต้องทดแทนบุญคุณไม่รู้จักจบสิ้นแบบนี้แหละ” แทนไทเอามือลูบหัวหญิงสาวด้วยความเห็นใจกับสิ่งที่เธอต้องเผชิญอย่างกล้ำกลืนฝืนทนอยู่แบบนี้
“เฮ้อ ช่างมันเถอะพี่แทน”
“นั่นไง สุดท้ายกี้ก็ไม่ฟังพี่ แล้วก็เลือกที่จะทน” แทนไทถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจเพราะสงสารหญิงสาวตัวเล็กคนนี้
“ไม่เอาน่าพี่แทนอย่าเครียดสิ คืนนี้เรามาสนุกกันดีกว่า ไหนๆ พรุ่งนี้พี่แทนก็จะกลับอังกฤษละ บอสเควินก็นะ สั่งให้พี่กลับเร็วเกิน” วิกกี้ยิ้มแห้งพูดเฉไฉไปเรื่องอื่น เมื่อเธอเผลอพูดถึงเรื่องที่ทำให้แทนไทเครียดไปกับเธอด้วย
“อย่าทำเป็นพูดดีเลยกี้ เพราะกี้นั่นแหละสร้างเรื่องให้พี่ ทั้งที่จริงต้องกลับสัปดาห์หน้าด้วยซ้ำ นี่อะไรวะ มาถึงไทยยังไม่ทันได้เที่ยวไหนเลย ต้องบินกลับซะละ” แทนไทผลักหัววิกกี้เบาๆ อย่างมันเขี้ยวที่ตอนจะมาไทยดันไปพูดให้บอสได้ยิน
“โธ่ ใครจะรู้เล่าว่าวันนั้นบอสเควินจะมายืนอยู่ข้างหลังหนู” วิกกี้เอาแขนเรียวสอดเข้าแขนแกร่งแล้วกระชับกอด กะพริบตาออดอ้อนขอโทษด้วยความสำนึกผิด ในวันนั้นเธอเมาท์เพลินกับเพื่อนร่วมงานว่าจะกลับไทยไปงานแต่งเพื่อนสนิท อีกทั้งจะพาแทนไทไปตามหารักแท้ที่ประเทศบ้านเกิด จนทำให้เควินเกิดความหึงหวงแทนไทขึ้นมา
“หึๆ” แทนไทหลุดขำออกมากับท่าทีของวิกกี้ เขาไม่ได้ถือสาอะไรหรอก เพราะรู้จักนิสัยใจคอวิกกี้เป็นอย่างดี
แทนไทอายุมากกว่าวิกกี้หนึ่งปี ทั้งคู่สนิทกันเพราะเป็นคนไทยที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอังกฤษ อีกทั้งเลือกเรียนต่อปริญญาโทสาขาเดียวกันด้วย และยังทำงานบริษัทออกแบบที่เดียวกันอีก ด้วยความที่นิสัยและศีลเสมอกัน ก็เลยคบกันเป็นทั้งเพื่อนทั้งพี่น้องมาตลอดสามปีที่วิกกี้ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น
“นักร้องคนนี้หน้าตาคุ้นๆ นะ พี่เคยเห็นที่ไหนวะ” แทนไทเอามือลูบปลายคางตัวเองอย่างครุ่นคิด ที่เห็นนักร้องหน้าตาหล่อร้ายที่พึ่งขึ้นไปบนเวที แต่ทว่าสาวๆ โซนโต๊ะหน้าส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดดีใจกันใหญ่
“เซ็ง” วิกกี้ถอนหายใจยาว เธอน่ะโทรเช็กกับพริกหวานมาก่อนแล้วว่าดินแดนไม่ได้มาร้องเพลงที่นี่ แต่ทำไมเขาถึงไปยืนอยู่บนเวทีได้
“อ้อๆ พี่คิดออกละ นักร้องคนนี้ก็คือคนที่จ้องกี้ตาเป็นมันที่งานแต่งเมื่อวานนี้ แต่งตัวใส่สูทกับแต่งตัวใส่เสื้อยืดสีดำ บุคลิกต่างกันมาก”
“ต่างกันไงอะพี่แทน” วิกกี้เอ่ยถามพร้อมหยิบน้ำแข็งใส่แก้ว เทเหล้าผสมโซดาแล้วกระดกดื่ม ทำท่าทีที่ถามไปงั้นๆ ไม่ได้สนใจอะไรนัก
“ใส่สูทนี่หล่อร้ายมาดธุรกิจ แต่คืนนี้หล่อร้ายแบบแบดบอยแพรวพราว”
“จะบุคลิกแบบไหน คนคนนี้ก็เลวทรามค่ะ”
“ถามจริงเถอะ ที่กี้ชวนพี่ไปงานแต่งด้วย เพราะนักร้องคนนี้หรือเปล่า” แทนไทเชื่อในเซนส์ตัวเองว่าสองคนนี้ต้องมีซัมติงอะไรกันอย่างแน่นอน ไม่งั้นวิกกี้ไม่รบเร้าชวนเขามางานแต่งเพื่อนของเธอแน่นอน
“ใช่” วิกกี้พยักหน้ายอมรับ นอกจากเรื่องครอบครัว เธอไม่เคยเล่าเรื่องดินแดนให้แทนไทฟังมาก่อน
“เคยคบกันเหรอ?”
“ไม่เคยคบ เป็นอดีตคู่นอนกันตอนเรียนมหาลัย แต่มันก็จบไปแล้ว” วิกกี้ตอบพลางกระดกน้ำสีอำสีพันลงคอหมดแก้ว เมื่อต้องเล่าถึงความหลังที่ไม่น่าจดจำเท่าไรนักกับสถานะที่แสนห่วยแตก
“ดูเหมือนอดีตคู่นอนจะอยากรีเทิร์นกับกี้นะ”
“กี้ไม่มีวันกลับไปอยู่สถานะเดิมกับคนไม่รู้จักพอแบบนั้นหรอก”
“หึๆ” แทนไทหัวเราะในลำคอ ก่อนที่จะโอบกอดเอวบางไว้หลวมๆ เมื่อนักร้องคนนั้นมองมาที่วิกกี้