ฟู่ซิ่วอิงพอจะทราบว่านางคือบุตรีของท่านราชครูเมิ่งที่พึ่งย้ายมาหลังจากที่ท่านอ๋องเสด็จมายังเมืองหลิงโจว และนางยังเป็นสตรีที่คู่ควรกับตำแหน่งพระชายาของท่านอ๋องข้าง ๆ นี้มาก่อน
หากมิได้นับเหตุการณ์ที่นางและท่านอ๋องถูกวางยาพิษในครั้งก่อนจนต้องอภิเษกกันในวันนี้และเมื่อเช้าก็เป็นนางที่มารอเข้าเฝ้าท่านอ๋องทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพึ่งผ่านงานอภิเษกมาได้เพียงคืนเดียว
“แม่นางเมิ่ง เจ้ามาที่นี่ทำไมงั้นหรือ หรือว่าเจ้าก็มาไหว้พระด้วยเช่นกัน”
“หึ ไหว้พระในเวลาเช่นนี้ ช่างดูน่าเชื่อเสียจริง ๆ คนตาบอดยังมองออกเลยว่านางตามขบวนเสด็จมา”
“พระชายาอย่าเสียมารยาทสิ”
“นั่นสิเพคะ นางเป็นแขกของพระองค์เช่นนั้นก็เชิญเข้าเฝ้ากันตามสบายเถิดเพคะ หม่อมฉันไม่รบกวนขอตัวไปเดินดูด้านโน้นก่อน ที่นี่มีสิ่งที่ทำให้หม่อมฉันทั้ง “ตื่นตาตื่นใจ" และ…"น่าแปลกใจ" อยู่ไม่น้อยเลย ไปกันเถอะจินฝู"
“พระชายา แม้นว่าข่าวลือที่ว่าพระองค์จะไร้มารยาทไปบ้างตามฐานะบุตรขุนนางต่างเมืองแต่หม่อมฉันไม่คิดว่า…จะมิรู้ความถึงเพียงนี้ ขออภัยที่หม่อมฉันบังอาจวิจารณ์ตามที่เห็นนะเพคะแต่เมื่อเทียบกับสตรีที่มากด้วยความรู้เหมือนสตรีในเมืองหลวงแล้ว...ยังนับว่าด้อยกว่ามาก”
“ท่าน!!”
“อย่า…จินฝู”
ฟู่ซิ่วอิงเกือบจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปแล้วหากว่าเมิ่งลี่ถิงไม่แว้งกัดนางเข้า เดิมทีการที่นางแย่งบุรุษที่เมิ่งลี่ถิงต้องการครอบครองก็ดูเป็นคนเลวอยู่แล้วนางจึงอยากหลีกทางให้
อีกอย่างหลังจากที่ซิ่วอิงสะสางเรื่องคดีของตนเองเสร็จแล้วคิดว่าระหว่างท่านอ๋องและเมิ่งลี่ถิงอาจจะยังสานสัมพันธ์ต่อไปได้ แต่ในเมื่อนางเลือกที่จะเป็นศัตรูฟู่ซิ่วอิงก็ไม่รอช้าที่จะตอบรับอย่างเต็มใจ
“แม่นางเมิ่ง ข้าคิดว่าเจ้า…” / ฉางรุ่ยหยาง
“แม่นางเมิ่ง ขออภัยด้วยที่ข้าต้องพูดเสียหน่อย ข้ากับท่านอ๋องเสด็จมาที่นี่เป็นเรื่องของพิธีการ "การอภิเษก" และเป็น ธรรมเนียมของ “คู่แต่งงาน” ในราชวงศ์ แต่เจ้า…มาที่นี่ในฐานะใดงั้นหรือ"
“ท่าน!!”
“อ้อ อีกอย่างนะ การที่เจ้า “บังเอิญ" ขึ้นมาพบพวกเราในเวลาเช่นนี้ นอกจากจะเลยช่วงที่อารามสวดมนต์ไปแล้วและมิใช่เวลาทั่วไป ข้าเองก็คิดอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเจ้าตามพวกเรามา"
“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันมิได้…”
“เจ้ามาพบพวกเราข้าก็มิได้ถือสาแต่คำพูดของเจ้าที่ล่วงล้ำถึงข้าซึ่งเป็น “พระชายาท่านอ๋อง" ในตอนนี้เจ้าเองก็สมควรรักษามารยาทให้ดี เป็นถึงบุตรีท่านราชครูผู้สูงส่งไม่ควรทำตัวให้ผู้อื่นคิดว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อยั่วยวนและอยากจะแย่งสามีผู้อื่นหรอกนะ ข้าขอตัวก่อนล่ะ"
“ท่าน!! ฮึก!! เหตุใดพระชายา….”
“ไปเถอะจินฝูอยู่ตรงนี้ข้ารู้สึกขนลุกชอบกล อารามนี้คงมิได้มีวิญญาณชั่วร้ายมากเกินไปหรอกนะ”
เมิ่งลี่ถิงถึงกับกำหมัดแน่นแต่เพราะท่านอ๋องที่หันมามองนางจึึงต้องรีบบีบน้ำตาออกมาราวกับถูกกลั่นแกล้ง
“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่…”
“เจ้าตามมา….เอ่อ ไม่ใช่ เจ้ามาที่นี่ทำไมงั้นหรือแม่นางเมิ่ง เจ้าเองก็ควรจะรู้ฐานะของตัวเองดีตามที่พระชายาเอ่ยเตือนเจ้านะ ข้าเองก็ไม่อยากจะทำลายชื่อเสียงเจ้าด้วยวิธีนี้เช่นกัน หวังว่าครั้งหน้าจะไม่มีเรื่องเช่นนี้อีก”
“ท่านอ๋องเพคะ!! เหตุใดพระองค์ทรงเปลี่ยนไปเพียงชั่วข้ามคืนเช่นนี้ หรือว่าพระองค์ทรงลืมเรื่องของสัญญา…”
“สัญญาที่ข้าให้ไว้กับท่านราชครู มันเกี่ยวอะไรกับเจ้างั้นหรือ ข้าสัญญาว่าจะธำรงไว้ซึ่งความเที่ยงตรงและดูแลเมืองหลิงโจวและแต่งตั้งขุนนางด้วยความยุติธรรม และดูแลท่านราชครูในฐานะขุนนางคนสำคัญของเสด็จพ่อ ข้าก็คิดว่าข้ามิได้บกพร่องแต่ประการใด ทั้งจวนใหม่และเบี้ยหวัดก็จัดให้ตามความเหมาะสมแล้ว เจ้ามาที่นี่ต้องการพูดสิ่งใดกันแน่”
“หม่อมฉัน….ท่านอ๋องเพคะเหตุใดพระองค์จึงยอมอภิเษกกับนาง ที่ทั้ง…หยาบคายและไร้มารยาทกับผู้อื่นเช่นนี้เล่าเพคะ”
“หยาบคายงั้นหรือ ข้าก็เห็นว่าพระชายาของข้ามิได้ทำกิริยาเช่นนั้น นางอาจจะพูดจาห้วนตรงไปบ้างก็คงเพราะเกิดในตระกูลแม่ทัพ ส่วนเรื่องมารยาท…ข้ากลับเห็นด้วยกับนาง หากว่าเจ้าอยากจะไหว้พระก็ไปที่อารามเถอะ ข้ากับพระชายาทำธุระเสร็จแล้วคงต้องกลับเสียที”
“พะ…พี่รุ่ยหยาง!!”
ท่านอ๋องนิ่งไปเมื่อนางเอ่ยเรียกเขาเพียงชื่อ พระชายาฟู่อยู่จากตรงนั้นไม่ไกลและเสียงของเมิ่งลี่ถิงก็ดังพอที่นางจะได้ยิน
ท่านอ๋องหันไปมองใบหน้าพระชายาที่ส่ายหน้าให้เขาและเดินออกไปจากที่ตรงนั้นทันทีเขากัดกรามแน่นและหันมาปรามเมิ่งลี่ถิงอีกครั้ง นางที่เอาแต่ยืนร้องไห้อยู่ทำราวกับถูกเขารังแก
“แม่นางเมิ่ง ในเวลานี้ข้าอภิเษกและแต่งตั้งพระชายาแล้ว เสด็จพ่อเป็นผู้ประทานราชโองการสมรสให้ เรื่องนี้ท่านราชครูเองก็ทราบแล้วหวังว่าเจ้าคงจะคิดได้และอย่าได้เรียกขานข้าเช่นนี้อีก ครั้งหน้าเจ้าเองก็คงทราบว่าข้ามิอาจสั่งละเว้นโทษให้แก่เจ้าได้”
“แต่ว่า!!”
“เสี่ยวหมิง!!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ส่งแม่นางเมิ่งลงเขา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านอ๋องเพคะ แต่หม่อมฉันยัง….”
“แม่นางเมิ่งขอรับ เชิญขึ้นรถม้าเถอะขอรับอย่าทำให้ท่านอ๋องทรงลำบากพระทัยเลย”
“เป็นไปไม่ได้ ผ่านพ้นไปเพียงค่ำคืนเดียวเหตุใดเขาจึงเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ นังจิ้งจอกนั่นต้องทำเสน่ห์กับพี่รุ่ย
หยางเป็นแน่”
“คุณหนูเมิ่ง!! ข้าน้อยขอเตือนท่านเป็นครั้งสุดท้าย หากว่าท่านยังกล้าพูดจาละเมิดทั้งสองพระองค์อีกข้าน้อยก็มิอาจละเว้นโทษให้กับท่านได้แล้วเช่นกัน”
“เสี่ยวหมิง นี่เจ้าไม่รู้จักข้าแล้วงั้นหรือ”
“คุณหนูเมิ่ง ในเวลานี้ท่านอ๋องทรงอภิเษกแล้วนะขอรับ…ท่านก็หักห้ามใจเสียเถิดขอรับ เรื่องของท่านกับท่านอ๋องคงเป็นไปไม่ได้แล้ว”
“ไม่!! ข้าไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้ คนสกุลฟู่นั่นใช้เล่ห์เหลี่ยมมารยาทำให้ท่านอ๋องทรงต้องแต่งกับนาง ข้าจะเอาตำแหน่งของข้าคืนมาให้ได้ นางไม่คู่ควร!!”
“ทหาร!!”
“ขอรับ!!”
“คุ้มกันท่านอ๋องและพระชายา ส่งแม่นางเมิ่ง…ลงเขานับจากนี้ห้ามนางเข้าเฝ้าท่านอ๋องอีก”
""ขอรับ""
“เจ้า!! เสี่ยวหมิงนี่เจ้าทำเช่นนี้กับข้า เจ้ามิรู้หรือว่าท่านอ๋องจะต้องโกรธเจ้า”
“หากท่านอ๋องจะทรงกริ้วข้าน้อย ก็เป็นเรื่องระหว่างท่านอ๋องกับข้าน้อย มิได้เกี่ยวข้องกับผู้อื่น เชิญท่านกลับไปได้แล้ว”
“เสี่ยวหมิง!! ข้าเคยทำอะไรไม่ดีไว้กับเจ้างั้นหรือถึงได้…”
“คุณหนูเมิ่ง เรื่องนี้มิได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ท่านจะมีหรือไม่มีความแค้นใดกับข้า แต่เกี่ยวกับความถูกต้องและ…เรื่องมารยาทที่ท่านบังอาจไปสั่งสอนพระชายานั่นแหละขอรับ ข้าน้อยขอตัวก่อน”
เมิงลี่ถิงยืนกำหมัดแน่นโดยไม่กล่าวอะไรตอบกลับไปและมองไปยังหลังขององครักษ์หนุ่มคนสนิทของท่านอ๋องซึ่งก่อนหน้านี้เคยนอบน้อมกับตนเองแต่มาในวันนี้กลับมีท่าทีเช่นนี้
“ฟู่ซิ่วอิง ข้าจะต้องกำจัดเจ้าไปให้ได้ เจ้าไม่คู่ควรกับตำแหน่งนั้น”
“คุณหนูเจ้าคะ เรากลับกันก่อนเถอะเจ้าค่ะ พวกเขา….”
เมิ่งลี่ถิงหันไปมองดูรอบ ๆ ทหารองครักษ์ของตำหนักท่านอ๋องเดินเข้ามารายล้อมรอบรถม้าของนางจนแทบไม่มีที่ให้ฝ่าออกไป นางหันไปมองพวกเขาด้วยสีหน้าที่โกรธจัดและเดินกลับขึ้นบนรถม้าอย่างไม่พอใจนักแต่ก็ทำอะไรมิได้เมื่อเหล่าทหารของท่านอ๋องรายล้อมพวกนางเข้ามาอย่างไม่เกรงใจ
“เรื่องนี้ข้าจะนำไปแจ้งท่านพ่อแน่ ท่านอ๋องกล้าไม่เกรงใจจวนสกุลเมิ่งดูสิว่าระหว่างแม่ทัพบ้านนอกต่างเมืองนี่กับราชครูซึ่งเป็นขุนนางคนสนิทของฝ่าบาทท่านอ๋องจะทรงเกรงพระทัยผู้ใด!!”