บทที่ 8
หลายชั่วโมงต่อมา…
16.00น.
“วันนี้พี่ๆ เขานัดกันที่ลานคณะ มึงว่าพี่เขามีเรื่องอะไรหรือเปล่าวะ” พริกไทยถามสีหน้ากังวล หลังจากที่ได้รับไลน์กลุ่มว่าวันนี้พี่ๆ นัดน้องปีหนึ่งรวมตัวกันที่ลานคณะ
“พี่คณะเรามันไม่เหมือนกับคณะข้างๆ หรอก มึงจะไปซีเรียสทำไม” ที่ยัยน้ำพิ้งค์มันตอบแบบนั้น ก็เพราะคณะของฉันพี่ๆ ใจดีกันทุกคน ส่วนคณะข้างๆ ที่มันว่าก็คือคณะวิศวะของสามีมันอย่างพี่ทาม
อย่างที่รู้กันว่าคณะวิศวะเป็นที่เลื่องลือในเรื่องของการรับน้องโหด พี่ในเอกคือโหด ดุ และใช่พวกเขาดุดันแบบไม่เกรงใจใครหนึ่งในนั้นก็คือพี่เธียร รองเฮดว้ากของคณะนั้น
ทุกครั้งที่พี่ๆ เรียกรวมพวกฉันเพื่อพบปะกันก็จะบังเอิญกับคณะของพี่เธียรเรียกรวมน้อง ๆ ของคณะตัวเองเหมือนกัน ฉันเลยได้เห็นมุมนิ่งๆ แต่น่ากลัวของเขาตลอด โดยเฉพาะสายตานั้นเวลาที่มองรุ่นน้องของพวกเขา
บรึ่ย~ แค่นึกถึงภาพฉันก็ขนหัวลุกหมดแล้ว แล้วจะให้ฉันมีแฟนชื่อพี่เธียรเหรอ ไม่เอาดีกว่า ฉันไม่อยากโดนเขาตวาดเวลาที่หงุดหงิด
“พิ้งค์ พริกเดี๋ยวกูขอไปซื้อน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมา”
“อืม ๆ” เป็นยัยน้ำพิ้งค์ที่หันมาพยักหน้ารับทราบก่อนจะหันกลับไปโม้กับยัยพริกไทยต่อ
คือตอนนี้พวกเราสามคนเรียนเสร็จแล้วแต่ด้วยความที่พี่คณะเรียกรวม พวกนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งทั้งชายและหญิงทุกคนเลยต้องมานั่งรวมกันที่ลานแต่ฉันที่เห็นว่าพี่ๆ ยังไม่มีใครมา เลยขอตัวไปซื้อน้ำก่อน
หลังจากที่เดินมาที่โรงอาหารของคณะได้สักพัก ฉันก็มาถึงเป้าหมายแต่ผลปรากฏว่าร้านในโรงอาหารปิดไปหมดแล้ว ฉันเลยยกข้อมือขึ้นมาดูเวลาก็พบว่ามันใกล้จะห้าโมงเย็นแล้ว ฉันเลยได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วเตรียมหมุนตัวกลับไปที่ลานอีกครั้งหลังจากที่อดซื้อน้ำแล้ว
แต่ทันใดนั้นสายตาของฉันดันเหลือบไปเห็นร้านน้ำในโรงอาหารของวิศวะยังเปิดขายอยู่ เลยยืนชั่งใจอยู่สักพักว่าจะเดินข้ามไปซื้อฝั่งนั้นดีไหมเพราะถ้าไม่ซื้อฉันก็ต้องอดทนกระหายน้ำไปจนกว่าพี่ๆ เขาจะปล่อย ถ้าเป็นแบบนั้นฉันตัดสินใจเดินไปซื้อดีกว่า จะได้ไม่ต้องทนกระหายน้ำ
ตึก ตึก ตึก
“ว้าว~ สวยจังว่าแต่เดินมาคนเดียวเหรอครับ”
ผู้ชายหน้าตาพอไปวัดไปวาได้คนหนึ่งตะโกนดังออกมาจากม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ขณะที่ฉันกำลังเดินเข้าไปในโรงอาหาร แต่ด้วยความที่ฉันไม่อยากเสียเวลาสนใจ ฉันเลยทำเป็นหูทวนลมเดินหน้านิ่งเข้าไปซื้อน้ำ ซื้อเสร็จฉันก็รีบเดินออกมา
“เดี๋ยวก่อนสิครับคนสวย”
กึก!
ฉันชะงักเท้ายืนนิ่งมือกำสายสะพายกระเป๋าผ้าแน่นเมื่อจู่ ๆ ผู้ชายคนเดิมที่ตะโกนเมื่อกี้เขาเดินมาดักหน้าฉัน
“ขะ…ขอทางด้วยค่ะ” ฉันร้องขอทางเสียงตะกุกตะกักเริ่มรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก มองซ้ายมองขวาก็ไม่พบใครนอกจากกลุ่มของผู้ชายที่ยืนยิ้มเลียปากอยู่ตรงหน้าฉัน
“พี่ขอไลน์หน่อยได้มั้ย อยากจีบอะ”
“มะไม่มีค่ะ” ฉันรีบตอบทันควันโดยที่ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา
“กลัวพี่เหรอครับคนสวย เสียงสั่นเชียว” เอาจริงๆ มันไม่ใช่แค่เสียงหรอกที่สั่นแต่ขาฉันก็สั่นเหมือนกัน เอาไงดี ฉันจะหลุดพ้นไปจากผู้ชายคนนี้ยังไงดี
“ปะเปล่าค่ะ” ฉันข่มใจตอบ
“หึ น่ารักวะ”
“น่ารักกับตีนกูมั้ยไอ้ปืน”
“ไอ้เธียร” พี่เธียรเหรอ?
ขวับ!
ทันทีที่ผู้ชายชื่อปืนเรียกชื่อพี่เธียรหน้านิ่ง ฉันก็รีบหันขวับไปดูข้างหลังตัวเองทันทีก่อนจะพบว่าพี่เธียรยืนจ้องหน้าคนชื่อปืนด้วยสายตาเอาเรื่องอยู่ก่อนแล้ว ฉันเลยเผลอเรียกชื่อพี่เธียรเสียงอ่อยออกไปพร้อมๆ กับที่หัวใจมันอ่อนยวบลงอย่างโล่งใจ
“พี่เธียร…”
“เธอมาทำอะไรแถวนี้” พี่เธียรขยับเข้ามาใกล้ฉันพร้อมกับผลักหน้าอกผู้ชายที่ชื่อปืนออกไปให้ห่างจากฉัน “ไอ้เธียร” แต่คนชื่อปืนกลับไม่พอใจที่โดนผลักหน้าอกออกเลยเรียกชื่อพี่เธียรเสียงแข็ง
“หรือมึงจะเอา” ปากถามผู้ชายที่ชื่อปืนหน้านิ่งแต่แขนกลับโอบไหล่ของฉันอย่างหวงแหน ทำเอาฉันถึงกับตัวแข็งทื่อเลยทีเดียว จากที่หัวใจเต้นจังหวะปกติเพราะโล่งใจที่พี่เธียรมาช่วยแล้ว
มันกลับเต้นรัวแรงอีกครั้งเพราะสัมผัสจากฝ่ามือใหญ่ของคนที่โอบอีกครั้ง ฝ่ามืออุ่นกระชับเบาๆ ให้ความรู้สึกปลอดภัย จนทำให้ฉันเผลอเงยหน้าขึ้นไปมองเสี้ยวใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างลืมตัว
ทำไมมันทำให้ใจฉันชื้นแบบนี้นะ
“ไง ยัยนี้เป็นเมียมึง หรือผู้หญิงคั่นเวลาของมึงละ ดูหวงจังนะ”
“มึงวอนตีนไอ้เธียรมันแล้วละไอ้ปืน”
ฉันหันขวับไปมองผู้มาใหม่ทันทีที่ได้ยินเสียง พบว่าคนที่พูดเมื่อกี้คือพี่โยธาเพื่อนในกลุ่มของพี่เธียรซึ่งเป็นคนที่ยัยพริกไทยตามกรี๊ดจนพี่เขาแอบกลัว พี่เขาเพิ่งเดินเข้ามาสมทบภายหลัง
“กูให้โอกาสมึงถอย...ก่อนที่มึงจะไม่ได้ถอยอีก”
พอพี่เธียรพูดแบบนั้น คนชื่อปืนก็หน้าเจื่อนลงทันที ฉันที่สงสัยเลยเงยหน้าขึ้นไปมองพี่เธียรอีกครั้ง สิ่งที่พบก็คือสายตาแข็งกร้าวที่มาพร้อมสีหน้าเอาเรื่องของพี่เธียรที่ไม่มีแววล้อเล่นนั้นเองที่ทำให้คนชื่อปืนหน้าเจื่อนจนแอบหวั่นแบบนั้น
“กูว่ามึงรีบไปเถอะ มึงก็รู้ว่าเวลาไอ้เธียรมันโมโหจะเป็นยังไง” พี่โยธาเดินไปตบไหล่คนชื่อปืนเบาๆ พร้อมกับกระซิบเสียงเบากันสองคน แต่ไม่วายหูฉันดันได้ยินไปด้วย
หลังจากที่พี่โยธากระซิบบอกคนชื่อปืนไม่นานเขาก็ถอยกลับไปที่ม้าหินอ่อนตรงที่เพื่อนๆ ของเขานั่งรออยู่แล้วพอเขาไปถึงทุกคนก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไปทันที ฉันที่เห็นว่าพวกพ้องเขาไปกันหมดแล้วเลยรู้สึกโล่งใจขึ้นมา
“ตกลงจะบอกได้ยังว่ามาแถวนี้ทำไม” ฉันชูถุงขวดน้ำเปล่าในมือให้พี่เธียรดูแทนการตอบคำถาม พอพี่เขาเห็นคำตอบของฉันแล้วก็เลยเงียบ
“ไอ้เธียรกูไปหาพวกไอ้ทามก่อนละกัน เสร็จแล้วมึงก็อย่าลืมตามไปละ ไปช้าเดี๋ยวโดนไอ้ทามบ่นอีก”
พี่โยธาเห็นว่าพี่เธียรเงียบก็เลยพูดในส่วนของตัวเองขึ้นมา คนฟังอย่างพี่เธียรเลยพยักหน้ารับรู้ พี่โยธาเห็นดังนั้นแล้วจึงหมุนตัวเดินจากไปในเวลาต่อมา ทิ้งให้ฉันกับพี่เธียรยืนเงียบกันอยู่สองคน
“คราวหน้าถ้าจะมาแถวนี้อีกให้ชวนเพื่อนมาด้วย มาคนเดียวมันอันตราย หรือไม่ก็ไลน์บอกฉันก่อนจะได้รออยู่แถวนี้”
ฉันไม่รู้ว่าต้องแสดงสีหน้าตอนที่พี่เธียรพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่แอบสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงนั้นยังไง มันดูเหมือนเขากำลังดุฉันอยู่นะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าดุจนสัมผัสได้ว่าดุแบบจริงจังไปเสียทีเดียว สิ่งที่ฉันสัมผัสได้จากแววตาราบเรียบนั้นคือความเป็นห่วงที่มีต่อฉันอย่างจริงใจต่างหาก
“สวยแค่ไม่อยากรบกวนเพื่อนเลยเดินมาคนเดียว”
ฉันบอกไปอย่างที่คิด ใช่ ฉันไม่อยากรบกวนเพื่อนเพราะคิดว่าแค่เดินมาซื้อน้ำแป๊บเดียว เดี๋ยวก็กลับแล้ว แต่ไม่คิดว่าร้านที่โรงอาหารในคณะตัวเองจะปิดแล้ว
“งั้นก็ไลน์บอกฉัน” หื้ม? ยิ่งแล้วใหญ่
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“เธอเห็นท่าทางของไอ้ปืนเมื่อกี้ใช่มั้ย ถ้าเห็นก็อย่าดื้อ”
โอ๊ะ นี่ฉันโดนกล่าวหาว่าดื้ออยู่เหรอ ฉันไม่ได้ดื้อนะฉันก็แค่ไม่อยากรบกวนคนอื่น อีกอย่างเพราะที่นี่มันคือสถานศึกษา ฉันเลยไม่ทันคิดว่าจะมีอันตรายแบบนี้
“สวยเปล่าดื้อนะพี่เธียร” ฉันเถียงกลับหน้าจริงจัง
“เปล่าดื้อแล้วปฏิเสธทำไม”
“ก็คนมันไม่อยากรบกวนอะ”
“แต่ฉันเป็นผัวเธอนะ รบกวนหน่อยจะเป็นไรไปวะ” อะไรของเขาเนี่ย
“ไม่เอาไม่รับเป็นผัว” ผัวเผออะไรละ ฉันไม่ได้อยากได้สักนิดเถอะ
“ทำไมเธอดื้อจังว่ะสวย” พี่เธียรว่าสีหน้าหงุดหงิด ทำเอาฉันถลึงตาใส่พร้อมเรียกชื่อเขาเสียงดังอย่างไม่พอใจที่มาว่าฉันดื้อ “พี่เธียร!”
“อะไร ไม่รู้แหละต่อไปนี้ห้ามไปไหนมาไหนคนเดียวเด็ดขาด”
“พี่จะมาทำเหมือนเป็นห่วงสวยทำไมเนี่ย”
“ก็คนมันเป็นห่วงจริงมั้ยวะ” เอาละพอพี่เธียรตอบแบบนั้นอย่างตรงไปตรงมา ฉันก็เกิดอาการหน้าร้อนผ่าวเหมือนไข้ขึ้นทันที จนไม่สามารถที่จะยืนเถียงกับพี่เธียรต่อได้อีกแถมยังทำตัวไม่ถูกอีกด้วย เลยตัดสินใจเดินหนีออกมาแล้ววิ่งกลับไปที่คณะในที่สุด
เฮ้อ~ หัวใจบ้าทำไมเต้นแรงแบบนี้นะ!