บทที่7
หลายนาทีต่อมา…
หลังจากที่พี่เธียรเดินหนีเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำของฉันแล้ว ตอนนี้เขาก็เดินออกมาด้วยชุดลำลองพร้อมนอน ร่างสูงโปร่งสวมเสื้อยืดสีกรมกางเกงวอร์มสีพื้นเดินเช็ดผมไปพลางๆ โดยที่ไม่หันมาสนใจเจ้าของห้องอย่างฉันที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงโต๊ะหนังสือเลยสักนิด เขาปฏิบัติทุกอย่างราวกับว่าที่นี่มันคือคอนโดของเขา
เขาจะเดินไปมุมไหนของห้องก็ย่อมได้ จะเดินผ่านหลังเก้าอี้ที่ฉันนั่งเพื่อออกไปสูดอากาศตรงระเบียงห้องกี่ครั้งก็ได้ เขาจะเดินไปเปิดทีวีของฉันแล้วนั่งดูหนังก็ได้ หรือเขาจะเดินออกจากห้องนอนของฉันแล้วเข้าไปหยิบขนมในห้องครัวของฉันเพื่อนั่งกินตอนดูหนังที่ห้องรับแขกก็ได้
ใช่ เขาทำได้ทุกอย่างโดยที่ไม่เกรงใจเจ้าของห้องอย่างฉัน! แถมเขายังมีน้ำใจแบ่งขนมให้ฉันกินอีก
"กินขนมด้วยกันมั้ย?" เหอะ ให้ตายเถอะนี่ฉันกำลังโดนพี่เธียรกวนประสาทอยู่เหรอ ทำไมเขาถึงได้หน้ามึนแบบนี้!
"พี่เธียร สวยว่าพอเถอะแล้วพี่ก็กลับห้องของพี่ไปได้แล้ว สวยจะพักผ่อน" ฉันไล่คนที่นั่งยื่นซองขนมค้างในอากาศให้ฉันด้วยสีหน้าที่...ขอร้องเถอะ ฉันเหนื่อย ฉันไหว้ละช่วยกลับไปสักทีเถอะ
"ฉันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น" เฮ้อ~ พระเจ้า! ช่วยพาผู้ชายคนนี้ออกไปจากห้องฉันสักทีเถอะ!
"พี่เธียร..."
"ถ้าเหนื่อยก็ไปอาบน้ำ เธอจะได้สดชื่น หน้าเธอดูล้านะ"
ดูเอาเถอะ ก็ที่ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะเขานั่นแหละ แล้วฉันต้องไปต่อยังไงดี ฉันจะต่อปากต่อคำกับคนที่ไหวพริบดีอย่างเขายังไงดี ไม่สิ เขาไม่ใช่คนที่ไหวพริบดีแต่เขาคือคนที่หน้ามึนต่างหากละ!
เฮ้อ! สุดท้ายฉันก็ไม่อาจทนยืนไล่คนอย่างพี่เธียรได้ ฉันเลยหมุนตัวเดินปึงปังเข้าไปอาบน้ำในที่สุด เพราะถ้าขืนอยู่ต่ออีกสามนาที ฉันคงได้ปวดหัวจนสมองระเบิดแน่ ฉันต้องใจเย็นแล้วไปคิดหาวิธีมาไล่พี่เธียรก่อน
ใช่ ฉันต้องไปอาบน้ำก่อน หลังจากที่ฉันเดินหายเข้ามาอาบน้ำเป็นเวลาห้านาทีแล้ว ขณะที่น้ำกำลังไหลสัมผัสเรือนร่างของฉัน สมองฉันก็เอาแต่คิดแผนที่จะไล่คนอย่างพี่เธียรไม่หยุด
แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด เพราะฉันคิดไม่ออกสมองตื้อไปกับวิชาชีววิทยาเมื่อช่วงบ่ายหมดแล้ว ฉันเลยปิดฝักบัวหยิบผ้าขนหนูพันร่างกายจากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา
ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยฉันก็เดินออกมาแล้วโดดขึ้นเตียงทันที ใช่ ฉันจะนอนแล้ว เพราะฉันเหนื่อย! ส่วนคนที่นั่งดูหนังอยู่ข้างนอกอย่างพี่เธียรก็ปล่อยเขาไปเถอะ ไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับ อยากอยู่นักก็อยู่ไปเถอะ ฉันจะคิดค่าน้ำไฟที่ใช้ไปให้หนักเลยคอยดู
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป...
สึบ!
เป็นเวลานานกี่ชั่วโมงแล้วไม่รู้ที่ฉันเผลอหลับไป แต่มันคงนานมากจนสามารถทำให้ฉันฝันได้ว่ามีบางอย่างขึ้นมานอนบนเตียงฉันแล้วกำลังแย่งผ้าห่มของฉันไป ใช่ ฉันรู้สึกเหมือนเตียงยวบลงแล้วผ้าห่มของฉันก็ถูกดึงไปอีกฝั่ง
เอ๊ะ? หรือว่าฉันไม่ได้ฝันแต่กำลังโดนผีอำเหรอ?
ผีอำ!
พรึบ!
"กรี๊ดดดดดดดด!!!" ฉันเด้งตัวลุกขึ้นนั่งหลับตาปี๋แล้วกรี๊ดออกมาสุดเสียงก่อนจะค่อยๆ หรี่ตามองข้าง ๆ อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ฟึบ! แต่พอเห็นใบหน้าของพี่เธียรที่นั่งทำหน้างงตอนมองฉันแล้ว ฉันก็เปิดตาพรึบทันที
"พี่เธียร!"
"อืม ว่าไง" เป็นการถามว่าไงที่ดูอึนมาก แถมยังกะพริบตาปริบๆ อย่างงงงวยอีก แต่ที่งงกว่าคือเขาขึ้นมาอยู่บนเตียงของฉันได้ไง
"พี่จะขึ้นมานอนบนเตียงสวยไม่ได้นะ"
"ทำไมจะไม่ได้ มากกว่านอนเฉยๆ บนเตียงเราก็ทำมาแล้ว หรือว่าไม่จริง?" ฉันหน้าเหว่อไปต่อไม่ถูกเลยพอพี่เธียรตอบกลับมาแบบนั้นแถมภาพคืนนั้นที่เราสองคนกำลังฟัดเหวี่ยงอย่างเร่าร้อนมันก็ชัดในหัวของฉันยิ่งกว่าชัดอีก...
"แล้วนี่เธอกรี๊ดทำไม"
"อะ...เอ๋อ" ภาพที่ฉันกำลังนึกถึงก่อนหน้านี้หายวับทันทีที่พี่เธียรถามอีกครั้ง ก่อนจะนั่งอึกอักตอบไม่ถูก
"เธอคิดว่าฉันเป็นผี? เธอกลัวผีสินะ นอนเถอะต่อไปฉันจะปกป้องเธอเอง"
ฉันอ้าปากค้างพะงาบ ๆ เหมือนปลาจะตายทันทีที่พี่เธียรพูดแบบนั้น เชื่อเขาเลย นี่เขาจะหน้ามึนเกินไปแล้วนะแถมพูดจบก็ล้มตัวนอนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วยนะ มันจะมึนเกินคนไปแล้วน่ะตาพี่เธียร!
"พี่เธียร แต่พี่ไม่ใช่สเปกสวยนะ" ไม่รู้จะทำอย่างไงก็พูดทำร้ายจิตใจไปละกัน ปกป้องฉันเหรอ? ฉันไม่ได้ต้องการเถอะสิ่งที่ฉันต้องการคืออยู่ห่างจากเขาต่างหากละ
"แต่ฉันเป็นผัวเธอแล้ว ที่เหลือฉันก็ไม่สนอะไรทั้งนั้น"
ให้ตายเถอะพระเจ้า บุคลิกที่คนอื่นเห็นว่าเขาเป็นคนนิ่งๆ ที่จริงแล้วมันคือภาพลวงตาใช่ไหม เพราะความจริงแล้วเขาคือผู้ชายที่ต่อปากต่อคำแบบหน้านิ่งๆ ต่างหากละแถมยังหน้ามึนได้โล้ด้วย แล้วเมื่อกี้เขาว่าอะไรนะ? ผัวเหรอ? มันใช่ที่ไหนล่ะ!
"พี่เธียรลุกขึ้นมาคุยกับสวยให้รู้เรื่องก่อนได้ไหม"
"ฉันง่วงพรุ่งนี้เรียนเช้าไว้คุยวันอื่นละกัน" เหอะ ตอบทั้ง ๆ ที่หันหลังนอนตะแคงแบบนี้ก็ได้เหรอ?
"สวยก็เรียนเช้าเหมือนกัน"
"งั้นดีเลย พรุ่งนี้จะได้ไปด้วยกัน"
โอ้ย! ฉันไม่คุยแล้วก็ได้! ฉันล้มตัวนอนอย่างขึงขังทันทีที่พี่เธียรเล่นตอบกลับมาอีกแบบ ยิ่งคุยก็ยิ่งปวดหัว งั้นนอนเถอะ แต่ฉันขอบอกไว้ก่อนนะว่าถึงแม้พี่เธียรจะนอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับฉัน แต่ฉันก็มีเขตแดนของตัวเองนะ ใช่ฉันวางหมอนข้างตรงกลางเราสองคน จากนั้นก็วางหมอนอิงอีกสองใบทับไปให้มันสูงๆ จะได้ไม่ต้องเห็นหน้ากัน
เรียนว่าเหนื่อยแล้ว นี่ฉันต้องมาเหนื่อยกับคนอย่างพี่เธียรอีกเหรอ มันจะสู้ชีวิตเกินไปแล้วนะ
เช้าวันต่อมา...
"เป็นมายังไงมึงถึงได้มาพร้อมกับพี่เธียรว่ะสวย"
หลังจากที่พี่เธียรจอดรถเสร็จฉันก็เปิดประตูลงจากรถ แต่จังหวะที่ลงจากรถมันดันเป็นจังหวะพอดีกับที่ยัยน้ำพิ้งค์ก็ลงมาจากรถของพี่ทามพอดี มันเลยวิ่งมาเกาะแขนฉันแล้วกระซิบถามเสียงเบาอย่างสงสัย
คือฉันต้องบอกก่อนว่า ฉันไม่ได้เต็มใจที่จะมาเรียนพร้อมกับพี่เธียรหรอก
ใช่ ฉันถูกบังคับ ตอนที่ฉันตื่นขึ้นมาเมื่อเช้านี้คือพี่เธียรแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขานั่งรอฉันที่ห้องโถงหน้าทีวี พอฉันออกมาจากห้องนอนพี่แกก็รีบคว้ากระเป๋าฉันไปถือไว้ก่อนจะจูงมือของฉันเดินออกไปจากห้อง ฉันที่ยังงงๆ อยู่เลยไม่ทันอ้าปากจะถาม รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ลงมาจากลิฟต์กำลังจะเดินไปที่รถของพี่เธียรแล้ว ฉันที่เห็นแบบนั้นเลยตั้งท่าจะหนีแต่ด้วยความที่พี่เธียรรู้ทันความคิดของฉัน เขาเลยจัดการอุ้มฉันพาดบ่าเสียเลย
พอถึงรถของเขาพี่แกเลยจัดการคาดเข็มขัดให้เรียบร้อยพร้อมกับกำชับเสียงนิ่งว่า "ห้ามคิดหนีถ้าไม่อยากโดนจูบตอนเช้า" และด้วยสีหน้าที่จริงจังบวกกับความเป็นพี่เธียรอยู่แล้ว ฉันเลยได้แต่นั่งนิ่งยอมนั่งรถมาเรียนพร้อมกับเขา
"เฮ้อ กูค่อยเล่าได้ปะ ขอไปจากตรงนี้ก่อน"
"ทำไมวะ"
"..."
"อาๆ ค่อยก็ค่อย" พอน้ำพิ้งค์เห็นสีหน้าที่ฉันแสดงออกไปมันก็รีบยอมทันที ก่อนจะหันไปลาพี่ทามสามีมัน "พี่ทาม พิ้งค์ไปก่อนนะ...ไปก่อนนะคะพี่เธียร" พร้อมกับลาพี่เธียร แต่พี่เธียรไม่ตอบมันนอกจากพยักหน้าตอบเบาๆ ตามสไตล์ของเขาในที่สาธารณะ
.
.
.
"จะเล่าได้ยัง" พอเดินเข้ามานั่งในคณะปุ๊บ ยัยพิ้งค์ก็เปิดประเด็นทันที ฉันเลยถอนหายใจแล้วยอมเล่าทุกอย่างให้มันฟัง แต่เล่ายังไม่ถึงกลางเรื่องยัยพริกไทยก็มาถึงพอดี ฉันก็เลยต้องย้อนกลับไปเริ่มต้นเล่าใหม่อีกครั้ง สุดท้ายก็เล่าจนจบเรื่อง
"กูว่าพี่เธียรเขาอยากง้อมึงแหละ แล้วก็...คงไม่อยากปล่อยมึงไปอีกอะ ก็เรื่องเมื่อวานที่มึงควงไอ้มอสไง กูว่าพี่เขาหวงมึงเลยไปอยู่กับมึงเสียเลย เนี่ยพี่เขารักมึงและรักมากด้วยแล้วเหตุใดผู้หญิงเอาใจยากอย่างมึงถึงลีลาค่ะนังชะนี มีผู้หล่อ รวย ทรงดีขนาดนั้นคอยตามห่วงใยไม่ห่างมึงไม่เอาเหรอ กูว่ามึงเอาเหอะ เพราะถ้ามึงไม่เอาเดี๋ยวจะมีชะนีคนอื่นคาบไปแดกนะ"
อันนี้คือเสียงพริกไทยที่ต่อว่าฉัน ฉันที่ถูกมันว่าเลยได้แต่นั่งเงียบไม่สู้กลับ
"เออ มันก็จริงอย่างที่พริกไทยว่านะสวย ทำไมมึงไม่ลองเปิดใจให้พี่เขาอีกครั้งวะ...หรือว่ามึงยังชอบพี่ทามมึงถึงไม่ยอมเปิดใจให้พี่เธียร" น้ำพิ้งค์ว่าสีหน้าตกใจกับความคิดที่มันเพิ่งคิดได้ในภายหลัง เอากับมันเถอะ
"เออจริงว่ะ หรือว่ามึงยังตัดใจจากพี่ทามไม่ได้" แล้วนี่ก็ยัยพริกไทยที่เสริมทัพเข้าไปอีก พวกมันสองคนไปกันใหญ่ละ กับพี่ทามฉันก็แค่ปลื้มที่พี่เขาดูเป็นคนมีเสน่ห์แค่นั้นเอง ส่วนตอนนี้ก็เลิกปลื้ม เลิกสนใจแล้วด้วย
"พอเลย หยุดคิดเองเออเองได้แล้ว เอาเป็นว่าเรื่องกูกับพี่เธียรปล่อยมันไว้แบบนั้นแหละ ต่อไปนี้กูจะไม่หนีหน้า ไม่อะไรทั้งนั้น เหนื่อย"
"แล้วมึงจะเอายังไง จะหาคนอื่นมาหลอกให้เป็นแฟนอีกก็คงจะไม่ได้แล้วเพราะพี่เธียรรู้แผนหมดแล้ว" ยัยพริกไทยว่าสีหน้าเครียด
เฮ้อ~ นี่เวรกรรมของฉันมาในรูปแบบพี่เธียรหรือไง
"ไม่รู้แล้ว" ฉันที่ขี้เกียจมานั่งคิดแล้วเลยตอบแบบขอไปทีก่อนจะลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเดินออกมาจากโต๊ะด้วยความหงุดหงิด โดยที่ไม่รอยัยสองคนนั้นด้วย
พาล…ฉันจะพาลให้หมดโดยเฉพาะพี่เธียร เขาจะตามมาวอแวกับฉันทำไมนักหนา เลิกกันแล้ว ก็ควรจบกันสิ