บทที่ 4
“เธอคิดจะหลบหน้าฉันไปถึงเมื่อไหร่” หลังจากที่เราสองคนนั่งในรถมาได้ครึ่งทาง จู่ ๆ พี่เธียรที่นั่งเงียบมานานก็เอ่ยถามฉัน
เขาถามฉันว่าจะหลบหน้าเขาไปถึงเมื่อไหร่ แล้วจะให้ฉันตอบคำถามของเขายังไงดีละ ก็ในเมื่อที่ฉันพยายามหนีหน้าเขาก็เพราะว่าฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาไงละ ฉันไม่อยากตอบไลน์ที่ไม่รู้ว่าเขาได้มาจากไหน ฉันไม่อยากเจอหน้าเขาที่เอาแต่จ้องหน้าฉันไม่วางตา
“ที่สวยไม่อยากเจอพี่ มันยังมีคำตอบแบบอื่นอีกเหรอพี่เธียร”
“จะหนีหน้าฉันให้ได้อย่างเมื่อก่อนเลยใช่ไหม”
ตึกๆ ตึกๆ
ทันทีที่พี่เธียรพูดจบหัวใจของฉันก็เต้นแรงทันที เพราะคำพูดเหล่านั้นของเขาเมื่อกี้มันกำลังทำให้ฉันนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อสามปีที่แล้ว เหตุการณ์ที่ทำให้ฉันกับพี่เธียรกลายเป็นคนไม่รู้จักกัน
ใช่ อันที่จริงฉันกับพี่เธียรเรารู้จักกันมาก่อนหน้านี้และเราก็รู้จักกันดีในฐานะคนรักเก่า
ใช่ คนรักเก่า
ฉันกับพี่เธียรเราเคยคบกันและเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันกับพี่เธียรห่างเหินกันจนกลายเป็นคนที่ไม่เคยรู้จักกันก็คือเรื่องของเวลา
เราคบกันแต่เราไม่เคยมีเวลาให้กันเลย พี่เธียรเขาละเลยความรู้สึกของฉันจนฉันรู้สึกเกลียดเขา ไม่อยากอยู่ใกล้เขา สุดท้ายฉันก็เป็นฝ่ายบอกเลิกเขาก่อน แต่ตอนนั้นพี่เธียรเขาไม่ยอมเขาเลยตามง้อฉัน
แต่ฉันก็หนีหน้าเขามาโดยตลอด จนกระทั่งวันที่เขาจะเรียนจบเราเจอกันครั้งสุดท้าย เขาจึงได้ฝากคำพูดที่เคยพูดกับฉันไว้ว่า ถ้าอยากเลิกกันก็อย่าให้เจอกันอีกไม่งั้นเขาจะไม่ปล่อยฉัน
แต่ตัดภาพมาที่ตอนนี้สิ…ฉันก็ไม่คิดว่าจะได้มาเจอพี่เขาในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกันแบบนี้อีกครั้ง และครั้งแรกที่ฉันเจอพี่เธียรก็คือโรงอาหารวิศวะที่เขาเป็นคนจ่ายค่าข้าวให้ฉันนั่นแหละ ซึ่งครั้งแรกที่เจอหน้ากันตอนนั้นฉันเองก็แอบตกใจตาค้างเหมือนกันไม่คิดว่าโลกมันจะกลมได้ขนาดนี้แต่ก็เก็บสีหน้าเหล่านั้นไว้ไม่แสดงออกไปว่ารู้จักกันในขณะที่พี่เธียรในตอนนั้นก็ยืนจ้องหน้าฉันนิ่งอย่างเดียว
และหลังจากนั้นพี่เขาก็เหมือนจะตามติดฉันอยู่เรื่อย ๆ จนบางครั้งฉันเองก็แอบหวาดกลัว แต่สุดท้ายก็เหมือนว่าฟ้าจะเล่นตลกกับฉันตรงที่ฉันดันไปดื่มเหล้าที่มียาปลุกเซ็กซ์นั่นแล้วได้เสียกับเขาจนได้นั่นแหละ เรื่องมันเลยยิ่งทวีคูณเข้าไปอีก
จากที่คิดว่าไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีกสุดท้ายกลายเป็นว่าเรื่องคืนนั้นเหมือนเป็นข้อผูกมัดระหว่างเราเสียงั้นที่ทำให้พี่เธียรไม่หยุดเลิกรากัน
“ก็สวยสะดวกแบบนี้นี่ค่ะ” หลังจากที่เงียบมานานฉันก็ตอบพี่เธียรออกไป เป็นคำตอบที่ฟังดูแล้วรู้สึกหยิ่งยโสใช้ได้เลยแฮะ
แต่เพราะอะไรไม่รู้ จู่ ๆ พี่เธียรก็หักพวงมาลัยจอดรถข้างทางอย่างกะทันหันทันทีหลังจากที่ฉันพูดออกไป ทำเอาฉันที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงกับตกใจตาโตเลยทีเดียว เลยรีบหันขวับเตรียมถลึงตาใส่พี่เธียรแต่พอหันไปเจอสายตาเหมือนจะหงุดหงิดกำลังมองฉันขณะที่ใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มไม่พอใจอยู่ก่อนแล้ว ฉันก็เงียบทันที
“เธอแม่ง พูดง่ายจังวะ…งั้นถ้าฉันจะบอกว่าฉันเองก็สะดวกที่จะชอบเธออยู่ ก็ย่อมได้ใช่มั้ย” ว่าไงนะ?
“ไม่ได้ สวยไม่ให้พี่ชอบสวย” มาถึงตอนนี้แล้วยังไม่เลิกชอบฉันอีกเหรอ? รักอมตะหรือไง? เลิกกันแล้วก็เลิกกันไปเลยสิ
“ทำไมจะไม่ได้” เอาไงดีละ ฉันจะตอบว่าไงดี เอาวะโกหกไปก่อนละกัน แล้วเดี๋ยวค่อยแก้สถานการณ์ภายหลัง
“สวยมีแฟนแล้ว” ใช่ ฉันเลือกวิธีนี้แหละ เพราะสมองอันชาญฉลาดของฉันมันคิดได้แค่นี้ นอกนั้นมันตื้อหมดแล้ว
“หึ โกหก เธอหลอกฉันไม่สำเร็จหรอกสวย” ฉันก็พอรู้อยู่หรอก ว่าคนอย่างพี่เธียรหลอกยากเพราะเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อใครง่าย ๆ อยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ช่วยแกล้งโง่หน่อยเถอะ
“สวยมีแฟนจริงๆ นะพี่เธียร”
“แฟนเธอก็คือฉันนี่ไง”
อะไรนะ! เหอะนี่ฉันไปเป็นแฟนเขาตอนไหนเนี่ย แล้วพอพูดจบก็หันไปขับรถต่อด้วยนะ หน้ามึนจริงๆ เลย
@คอนโดสวย
“ต่อไปนี้เธอห้ามหนีหน้าฉันอีกเป็นอันขาด ไม่งั้นฉันจะเก็บข้าวของไปอยู่กับเธอ” เดี๋ยว นี่ไม่คิดจะเชื่อกันหน่อยเหรอ
“แต่สวยมีแฟนแล้วจริงๆ นะ”
“เธอจะเอาให้ได้เลยใช่ไหมสวย”
“ก็สวยมีแฟนแล้วจริงๆ ไม่เชื่อพี่เธียรก็รอดูพรุ่งนี้ละกัน”
“ได้ งั้นพรุ่งนี้ฉันจะรอดูละกัน แต่ถ้าเธอหาคนที่จะมาเป็นแฟนเธอไม่ได้ เธอเตรียมตัวไว้ได้เลยสวย”
ใช่ค่ะ ทั้งหมดนั้นเป็นบทสนทนาของฉันกับพี่เธียรก่อนที่เราสองคนจะแยกกัน ก่อนที่ฉันจะลงจากรถของเขา เขาได้ทิ้งท้ายประโยคที่ทำให้ฉันต้องยกมือกุมขมับตัวเองเป็นรอบที่สิบของวันนี้แล้ว ฉันนั่งไม่ติดเอาแต่เดินไปเดินมาในห้องนอนเป็นหนูติดจั่นจนเวียนหัวไปหมดแล้ว เพราะไอ้คำว่าถ้าฉันหาแฟนไม่ได้เธอก็เตรียมตัวไว้ได้เลยสวย
คือฉันต้องรับมือกับเขาอีกแล้วใช่ไหม? แล้วประเด็นสำคัญคือ ฉันจะไปหาแฟนได้จากที่ไหน
"เฮ้อ แล้วฉันจะทำยังไงดีละ" ฉันถอนหายใจนั่งลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยใจก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดเข้าไปในไลน์กลุ่ม พิมพ์บางอย่างลงไปด้วยความรู้สึกกลุ้มใจจนเส้นเลือดในสมองจะแตกกันหมดแล้ว
สวย: พวกมึงถ้ากูซิ่วออกไปตอนนี้มันยังทันอยู่มั้ย
ใช่ ฉันว่าฉันซิ่วดีกว่า ออกไปจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ให้มันพ้นๆ ไป เพราะที่ไหนมีพี่เธียรที่นั่นต้องไม่มีฉัน!
พริกไทย: ซิ่ว? มึงจะซิ่วไปไหนแล้วจะซิ่วทำไม กูไม่ให้ซิ่ว ไหนสัญญากันแล้วไงว่าพวกเราจะจบพร้อมกัน
ทันทีที่ฉันส่งข้อความเข้าไปในไลน์กลุ่มคนแรกที่อ่านข้อความด้วยความเร็วแสงเลยก็คือยัยพริกไทย
น้ำพิ้งค์: มึงเป็นไรป่าวสวย จะซิ่วทำไม มีอะไรค่อยๆ คิดอย่าวู่วาม แต่ตอนนี้บอกพวกกูมาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นกับมึง ทำไมถึงอยากซิ่ว
โอเค ฉันไม่ซิ่วแล้วก็ได้ ถ้าเพื่อนจะจริงจังกันขนาดนี้
พริกไทย: อีสวยมึงอย่าเงียบค่ะ ตอบพวกกูมาว่าจะซิ่วทำไม
สวย: กูก็แค่ถามเฉยๆ ปะมึง
น้ำพิ้งค์: ถามเท่ากับคิดปะ
เฮ้อ~ เอาเถอะฉันคงต้องเล่าให้พวกมันทราบแล้วละ ตอนแรกก็กะว่าจะปล่อยผ่านไม่อธิบายแล้ว เพราะพี่เธียรเองก็ไม่ได้แสดงออกชัดเจนว่ารู้จักฉันตั้งแต่แรกแต่ถ้าพรุ่งนี้ฉันหาแฟนไม่ได้จริงๆ พี่เธียรต้องทำจริงอย่างที่พูดแน่นอน เพราะฉะนั้นฉันบอกความจริงกับเพื่อนเลยดีกว่า พวกมันจะได้ช่วยฉันคิดด้วย
หลายนาทีต่อมา...
หลังจากที่ฉันตัดสินใจเล่าเรื่องของฉันกับพี่เธียรให้พริกไทยกับน้ำพิ้งค์ฟังพวกมันก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ถึงว่าทำไมพี่เธียรดูหวงฉัน" แล้วพริกไทยก็พูดต่อว่าเดียวมันจะหาเพื่อนต่างคณะที่มันรู้จักให้มารับบทเป็นแฟนหลอก ๆ ให้ฉัน ฉันที่ได้ยินแบบนั้นเลยเบาใจขึ้นมาได้เปลาะหนึ่ง เพราะอย่างน้อยๆ ก็แก้สถานการณ์ช่วงคับขันไปได้ก่อน
เฮ้อ~ ขอให้ทุกอย่างราบรื่น