บทที่ 5
วันต่อมา…
“มึงว่าแผนนี้มันจะเวิร์คจริงเหรอวะพริก” ฉันถามพริกไทยที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยสีหน้าวิตกกังวล
“ถ้ามึงเลิกทำสีหน้ากังวลอย่างตอนนี้ มันเวิร์คแน่ยัยสวย มึงช่วยเลิกเอาคิ้วบนหน้ามึงมาผูกกันเป็นโบได้ปะ กูเห็นแล้วพานใจไม่ดีไปด้วย”
“ก็กูกังวลนี่ มึงก็รู้ว่านอกจากพี่ทามแล้วพี่เธียรนี่แหละที่น่ากลัวอีกคน เผลอๆ อาจจะมากกว่าพี่ทามด้วยซ้ำ” คนอย่างพี่เธียรเห็นเงียบๆ แบบนั้นแต่ฉันแอบกลัวความเงียบของเขามากเลยนะ
“เอาเถอะสวย เท่าที่กูรู้มาจากพี่ทามอะพี่เธียรฉลาดเงียบก็จริงแต่อย่าให้พี่แกจับได้ก็พอปะมึง ถ้าวันนี้รอดพรุ่งนี้ก็ไม่น่าจะมีอะไรแล้ว” ยัยน้ำพิ้งค์ว่าขึ้นมาบ้าง
ขอบคุณพระเจ้าที่ส่งเพื่อนดีๆ อย่างสองคนนี้มาให้ฉัน เอาจริงๆ ตอนแรกฉันก็ประหม่ามากๆ จนเก็บอาการไว้ไม่อยู่จริงๆ นั่นแหละ แต่พอเพื่อนทั้งสองคนช่วยกันปลอบฉัน ฉันก็รู้สึกใจเย็นลงมาได้นิดหนึ่ง
ย้ำ! ว่านิดหนึ่งเท่านั้นที่เหลือฉันก็ยังประหม่าเหมือนเดิม แต่สีหน้าแววตาของฉันรวมถึงเท้าที่กำลังสั่นอยู่ตอนนี้มันก็เก็บไม่อยู่จนน่าหงุดหงิดอยู่เหมือนกันนะ
“โอ๊ะ! นั้นไงเพื่อนกูมาแล้ว…ไอ้มอสทางนี้” พริกไทยว่าขึ้นเสียงดีใจหลังจากที่มันคอยชะเง้อคอมองหาเพื่อนที่มันว่ามาสักพัก ก่อนจะยกมือเรียกเพื่อนที่ชื่อมอสให้หันมาทางพวกฉันสามคน เพื่อนของมันที่ชื่อมอสเห็นพวกฉันก็รีบเดินมาหาทันที
“หวัดดี” ฉันกับยัยน้ำพิ้งค์หันมามองหน้ากันแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปหาคนตัวสูงตรงหน้าที่ยืนทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มดีใจด้วยท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ
“ว…หวัดดี” ฉันกับน้ำพิ้งค์ทักทายกลับพร้อมกันก่อนที่ฉันจะใช้สายตาสำรวจคนตรงหน้าอย่างพิจารณา
อันดับแรกเลยหน้าตาผู้ชายที่ชื่อมอสเขาถูกจัดว่าเป็นผู้ชายที่อยู่ในกลุ่มคนหล่อแบบหล่อมากๆ ได้สบายเลยละ รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว ใบหน้าหล่อเหลา จมูกโด่ง พูดง่ายๆ ก็คือ เขาหล่อแทบจะสู่สี่กับพี่เธียรได้สบายมาก
ฉันว่าถ้าพี่เธียรเห็นหน้าหมอนี้ก็ต้องมีอึ้งกันบ้างละ ที่แฟนหนุ่มของฉันเขาหล่อปานเทพบุตรขนาดนี้
“ไงละพวกมึง เพื่อนกูมันหล่อปานเทพบุตรไปเลยใช่ปะถึงได้นั่งอึ้งกันขนาดนั้น”
“หล่อ หล่อจริงๆ กูว่าพี่ภีมหล่อวัวตายควายล้มพี่ทามคือหล่อแบบฟ้าประทานแล้ว…ก็มีเพื่อนมึงคนนี้นี่แหละที่หล่อแบบลูกรักพระเจ้าอีกคน จึ๊ มึงแม่งทำไมมีเพื่อนหล่อแบบนี้ไม่บอกกูวะพริก!”
ยัยน้ำพิ้งค์ว่าขึ้นพร้อมกับหันขวับมองแรงใส่ยัยพริกไทยที่ไม่บอกมันว่ามีเพื่อนหล่ออย่างมอส ในขณะที่ฉันได้แต่นั่งเงียบเพราะไม่กล้าสบตากับคนที่ชื่อมอสซึ่งกำลังยืนยิ้มให้ฉัน
ใช่ เขากำลังมองฉันอยู่แถมยังยิ้มให้ฉันอีกด้วย
“เธอใช่ปะที่ชื่อสวย สวยสมชื่อเลยนะ” อึก! เอาแล้วไง มาหยอดฉันแบบนี้ ฉันทำตัวไม่ถูกแล้วนะ ไม่ใช่เขินนะแต่ฉันไม่ชอบผู้ชายทรงแพรวพราวแบบนี้
จะหล่อยังไงก็ได้แต่อย่ามาทำหน้าทำตาแพรวพราวได้ไหม
“มึงหยุดเลยนะไอ้มอส กูให้มึงมาช่วยเป็นแฟนหลอกๆ ให้เพื่อนกู อย่าคิดจะมาจีบนะมึง”
“ก็เพื่อนมึงมันสวยสมชื่อจริงๆ นี่หว่า ไม่ให้จีบยังไงไหววะ”
“แต่มึงจีบไม่ได้ค่ะ”
“หวงเพื่อนเหรอวะพริก?”
“ห่วงตัวมึงก่อนเถอะค่ะ หน้าที่มึงคือเป็นแฟนหลอกๆ เท่านั้น มึงอย่าทำอะไรที่มันนอกกรอบ”
“อะไรวะ เออแล้วนี่จะให้กูเริ่มงานยัง” มอสว่าทำหน้าเซ็งก่อนจะถามถึงสิ่งที่พริกไทยให้ทำ
“มึงรับงานซ้อนหรือไง รีบอะไรขนาดนั้น”
“เออ เดี๋ยวกูต้องรีบไปทำงานต่อ พอดีช่วงนี้ร้อนเงินวะ”
“เหอะ มึงนี่จริงๆ เลยนะ สวย…มึงพร้อมยัง”
“…” หลังจากที่นั่งดูพริกไทยกับมอสยืนเถียงกันจบ ไม่นานยัยพริกไทยก็หันมาถามความพร้อมจากฉัน ซึ่งมันก็เรียกอาการตื่นเต้นจากฉันได้ดีมาก
ถึงเวลาที่จะต้องทำตามแผนแล้วใช่ไหม เฮ้อ~ นี่ฉันต้องลงทุนทำขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
“อ…อื้ม พะพร้อมแล้ว” ฉันตอบเสียงตะกุกตะกักบีบมือตัวเองที่ตั้งอยู่บนหน้าตักแน่น ในขณะที่เจ้าก้อนเนื้อด้านซ้ายกำลังเต้นโครมครามกันอย่างบ้าคลั่ง
เอาละยัยสวย เธอต้องตั้งสติให้ดีอย่าทำแผนแตก เธอต้องมีความมั่นใจและแน่วแน่ เธออย่าเลิ่กลั่กให้พี่เธียรจับได้ เธอต้องทำให้ได้!
“ถ้าพร้อมแล้ว เชิญมึงเดินไปทานข้าวเที่ยงที่คณะวิศวะพร้อมกับแฟนกำมะลอของมึงได้เลยค่ะ”
ฉันพยักหน้าหงึกหงักให้ยัยสวยเม้มปากแน่นเรียกกำลังใจให้ตัวเองราวกับว่ากำลังจะออกไปสู้รบ จนยัยน้ำพิ้งค์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ยื่นมือบีบไหล่ฉันเบาๆ พร้อมกับยกมือขึ้นเป็นท่าให้ฉันสู้ๆ
เฮ้อ~ เอาวะฉัน ฉันต้องสู้สิ
หลังจากที่ฉันพร้อมแล้ว ฉันก็ลุกออกจากเก้าอี้ม้านั่งของคณะเดินไปหามอสที่ยืนรออยู่ที่เดิม ซึ่งเขากำลังยืนยิ้มให้ฉันอยู่ก่อนแล้ว
“เธอพร้อมยัง”
“อื้ม” ฉันพยักหน้าเบา ๆ
“ว่าแต่หมอนั้นชื่ออะไรแล้วนะ?”
“ชื่อพี่เธียร อยู่ปีสามคณะวิศวะเอกเครื่องกลเป็นรองเฮดว้าก” ฉันตอบหมดพร้อมตำแหน่งอันน่ากลัวนั้นอย่างรองเฮดว้ากที่พี่เธียรกำลังดำรงตำแหน่งด้วย
“โห่ หมอนั้นเป็นรุ่นพี่แถมยังเป็นรองเฮดว้ากอีกเหรอ”
“พริก…” มอสหันไปทำหน้าไม่มั่นใจกับพริกไทยทันทีที่ได้ยินกิตติศัพท์ของพี่เธียร แต่สุดท้ายก็ถูกยัยพริกไทยโบกมือไล่ให้ไปสักทีกลับมาแทน มอสเลยหันมามองหน้าฉันก่อนจะพูดว่า
“เธอห้ามเลิ่กลั่กนะ เดี๋ยวหมอนั้นจับได้เราซวยแน่” มอสพูดจบเราสองคนก็เดินไปยังโรงอาหารวิศวะทันที ซึ่งขณะที่เรากำลังเดินไปยังโรงอาหารของวิศวะ มอสก็ชวนฉันพูดคุยกับเขาไปด้วย เพื่อช่วยให้ฉันเลิกประหม่าแล้วก็ทำให้ดูเหมือนเราสองคนเป็นแฟนกันจริงๆ กะหนุงกะหนิงพูดคุยหยอกล้อกันราวกับว่ารักกันมาแล้วห้าปี
บางจุดที่ฉันได้คุยกับมอสมันก็มีจุดที่ทำให้ฉันยิ้มแบบจริงใจออกมาเพราะคำพูดที่ตลกของมอส มอสชวนฉันคุยจนฉันไม่รู้ตัวว่าตอนนี้เราสองคนเดินเข้ามาในโรงอาหารแล้ว
และจังหวะที่ฉันกำลังคุยกับมอสอยู่จู่ๆ ฉันก็เดินชนใครบางคนเข้าเลยรีบหันขวับเพื่อที่จะกล่าวขอโทษเขา แต่พอเห็นคนตรงหน้าเป็นคนที่ทำให้ฉันต้องมาเล่นละครน้ำเน่าอย่างตอนนี้แล้ว ฉันเลยเผลอเรียกชื่อของเขาออกไป
“พี่เธียร” ใช่ค่ะคนที่ฉันชนก็คือพี่เธียรและมันก็เป็นจังหวะนรกมากที่ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย แถมตอนนี้พี่เธียรก็ยืนเงียบสายตาจับจ้องมาที่ฉันนิ่งแล้วด้วย ก่อนจะหลุบมองต่ำลงมาที่มือของฉันซึ่งกำลังจับมือกับมอสอยู่
และด้วยความลืมตัวและเกร็งต่อสายตาพี่เธียรฉันเลยเผลอสะบัดมือของมอสออกแต่ดีที่มอสมีสติรีบจับมือฉันเหมือนเดิมแถมยังกุมแน่นกว่าเดิมก่อนจะหันมาทำสัญญาณผ่านสายตากับฉัน
“ไอ้นี่เหรอที่เธอบอกว่าเป็นแฟนเธอ” พี่เธียรละสายตาจากมือของฉันก่อนจะถามฉันเสียงนิ่งแต่สายตากลับไม่ได้โฟกัสที่ใบหน้าของฉัน
ใช่ค่ะ ปากถามฉันแต่สายตากลับจับจ้องไปที่มอสอย่างไม่วางตา แถมมุมปากของพี่เธียรยังแสยะยิ้มขึ้นเบาๆ เหมือนกำลังเยาะเย้ยอยู่ด้วย
นี่อย่าบอกนะว่าพี่เธียรรู้ว่าฉันโกหกเขาเหรอ?
“เธอเริ่มคบกับมันตั้งแต่ตอนไหน” เอาแล้วไง ตอนไหนละ ฉันลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย
“เอ๋อ…”
“จะตอนไหนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายด้วย”
อันนี้ไม่ใช่เสียงฉันนะ แต่เป็นเสียงมอสที่ตอบพี่เธียร ซึ่งมอสก็ตอบได้น่ากุมขมับมาก เพราะน้ำเสียงที่เขาใช้มันไม่มีความเคารพรุ่นพี่เลยสักนิด แล้วคนตรงหน้าเขาเนี่ยคือรองเฮดว้ากเลยนะ มาก่อนเป็นพี่ มาหลังเป็นน้องมาพร้อมกันเป็นเพื่อนนายเข้าใจไหมมอส!
“หึ ฉันแนะนำให้เธอเลิกกับมัน” พี่เธียรบอกฉัน
“เอ้าเห้ย ทำไมพูดจาหมา ๆ แบบนี้วะ” แต่จู่ ๆ นายมอสก็แทรกขึ้นเสียงดังอย่างไม่พอใจจนพี่เธียรที่ได้ยินหันขวับอย่างเอาเรื่อง
“หรือมึงจะเอา” นั้นไง ฉันว่าแล้วว่าพี่เธียรก็ไม่เคยแผ่วในเรื่องความห้าวนักหรอก
ใช่ค่ะ เขานะเห็นเงียบๆ แบบนั้นแต่อย่าให้โมโหหรือทำให้ไม่พอใจเชียว มิฉะนั้นปากอาจจะแตกได้ ตอนสมัยมัธยมเรื่องต่อยตียกให้เขาได้เลย หน้านิ่งต่อยหนักไม่เคยเกินจริง
“อย่านะพี่เธียร” ฉันรีบห้ามพี่เธียร เพราะเห็นสายตาที่พี่เธียรจ้องมอสแล้วฉันเกรงว่าจะได้เห็นคนต่อยกันในโรงอาหารเข้า
อีกอย่างหนึ่ง ฉันว่าฉันถอยกลับก่อนดีกว่าเพราะดูท่าแล้วแผนนี้มันน่าจะไม่เวิร์คพอ ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกว่าพี่เธียรดูเหมือนจะไม่พอใจมอสเป็นการส่วนตัวยังไงไม่รู้
สายตาที่พี่เธียรมองมอสมันฟ้องออกมาแบบนั้น
“มอส สวยว่าเราไปกินข้าวที่อื่นเถอะ” พอฉันพูดจบมอสก็หันมาทำหน้างงใส่ฉันทันที ประมาณว่ามาแค่นี้เองเหรอ ฉันเลยรีบส่งสัญญาณว่ามาแค่นี้แหละ แล้วก็รีบดึงแขนมอสให้หมุนตัวเดินออกไปจากโรงอาหารในที่สุด